ซูจื่ออวี๋หัวเราะอย่างถูกใจที่เห็นอีกฝ่ายทนทุกข์โดยไม่ปกปิดความลำพองใจของตนแม้แต่น้อย ซึ่งมันแตกต่างจากนางที่มักถูกจูงจมูกในอดีตอย่างสิ้นเชิง
ซื่อจี้มองไปยังซูจื่ออวี๋ราวกับว่านางเห็นผี โดยที่ภายในใจคิดว่าหรือคุณหนูสามเดินผ่านประตูผีและถูกเปลี่ยนวิญญาณ
ยังไม่ต้องพูด นางก็ทายถูกขึ้นมาแล้ว
ซื่อจี้พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูสาม มีเรื่องอะไรอยากพูดพวกเราค่อยกลับไปคุยกันเถอะเจ้าค่ะ ที่นี่...ไม่ใช่สถานที่ที่ควรจะมาคุยกัน และคุณนายหยวนจะถูกฝังในวันมะรืน คุณหนูสามควรไปส่งนางครั้งสุดท้ายมิใช่หรือ? ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของซูจื่ออวี๋ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นางยืนขึ้นช้าๆเพื่อยืดเอวของนางและพูดว่า “คนเรานี้ เมื่อคันตามร่างกายก็ยังสามารถเกา แต่ถ้าคันอยู่ในใจ เกรงว่าจะเป็นเรื่องไม่ดี เจ้าว่าถูกหรือไม่? ”
ซื่อจี้ไม่เข้าใจความหมายของซูจื่ออวี๋ นางจึงทำแค่เพียงก้มศีรษะแล้วพูดออกมา “ข้าน้อย...ข้าน้อยมิทราบเจ้าค่ะ”
ซูจื่ออวี๋ยิ้มเยาะ “ไปกันเถอะ ในใจของข้ามันคันยุบยิบไปหมด พวกเรากลับไปแก้คันที่จวนกันเถอะ”
ประโยคที่อธิบายความรู้สึกไม่ได้นั้นเต็มไปด้วยอำนาจคุกคามจนทำให้กายของซื่อจี้สั่นสะท้าน
จวนเสนาบดี
หลังจากที่ซูจื่ออวี๋กลับมาแล้ว นางไม่ได้ไปที่ห้องของฮูหยินซูเพื่อทักทาย แต่นางตรงไปที่ห้องโถงซึ่งเป็นที่ไว้ทุกข์ของอนุหยวน
ถึงจะบอกว่าเป็นห้องไว้ทุกข์ แต่ก่อนนั้นเคยเป็นเรือนของอนุหยวนที่มีป้ายตั้งอยู่ บนผนังไม่มีแม้แต่ผ้าสีขาว ไม่มีกระดาษเงินกระดาษทองในเตาไฟและหมึกบนกระดาษยังคงเปียกชื้น เห็นได้ชัดเจนว่าฮูหยินซูเพิ่งจะสร้างขึ้นมาเพื่อให้ซูจื่ออวี๋ได้ชม
ซูจื่ออวี๋เดินไปที่โลงศพด้วยท่าทางนิ่งสงบ เมื่อนางลดสายตาลง นางก็เห็นเข้ากับร่างของอนุหยวน
สีหน้าของอนุหยวนดูสงบเสงี่ยมราวกับนางนั้นตายลงอย่างสงบหมดซึ่งความเจ็บปวด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ
รอการอัพเดตอยู่นะคะ...
สนุกมาก รออ่านทุกวัน แต่ลงแค่วันละ 2 ตอน ฮือออออ...
จะเจอไหมนะ...
รอตอนต่อไปค่าาา ลงเยอะๆนะคะ สนุกมากจริงๆ...
หมิงโหลวคือใครกันระ...