ซูจื่ออวี๋มองพิจารณาเสี่ยวเอ้อร์ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ มาครั้งแรก”
เสี่ยวเอ้อร์ให้ซูจื่ออวี๋นั่งลง แล้วนำชามาให้ “ไม่ทราบว่าแม่นางอยากจะดูสิ่งใดขอรับ?”
ซูจื่ออวี๋ลูบผมแล้วเอ่ยขึ้นมาส่งๆ “ดูปิ่นแล้วกัน”
ซื่อจี้ยืนกลอกตากัดฟันกล่าวอยู่ข้างๆ “คุณหนูสาม ในเมื่อไม่มีเงินจ่าย เหตุใดต้องรบกวนให้คนอื่นวิ่งไปวิ่งมาด้วยเจ้าคะ”
ซูจื่ออวี๋มองเสี่ยวเอ้อร์อย่างสงสัย ก่อนจะเอ่ยปากถามว่า “ข้าดูแล้วต้องซื้อหรือไม่?”
เสี่ยวเอ้อร์รีบพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ไม่เลยๆ แม้นางอยากดูก็ไม่เป็นไร ไม่ถูกใจ ค่อยกลับมาใหม่ได้คราวหน้า ค้าขายต้องใช้ความเมตตา”
ซูจื่ออวี๋พยักหน้าอย่างพึงพอใจและมองไปที่ซื่อจี้ด้วยความภาคภูมิใจ ซื่อจี้อ้ำอึ้ง ไม่พูดอะไรต่อ
หลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวเอ้อร์ก็ยกถาดสองใบเข้ามา ในนั้นเต็มไปด้วยแสงประกายจากเครื่องประดับสีเหลืองขาว สามารถพูดได้เลยว่ามีปิ่นหลายรูปแบบ มองปราดเดียวก็รู้ว่าราคาแพงมาก
แต่กลับไม่มีปิ่นที่ทำจากไม้
ซูจื่ออวี๋หยิบปิ่นหยกขาวที่มีสไตล์เรียบง่ายที่สุดอันหนึ่งขึ้นมาดู ปิ่นนี้ค่อนข้างพิเศษ ไม่ได้มีลูกเล่นมากหรือหรูหราเกินไป และไม่ได้ดูสวยหยาดเยิ้มเหมือนในฤดูใบไม้ผลิ แต่เป็นรูปดอกไหมสีชมพูที่แกะสลักจากเปลือกหอย
การใช้เปลือกหอยสีขาวเงินกับหยกขาวดูเหมือนเรียบง่าย ภายใต้แสงแดด จะเห็นเปลือกหอยสะท้อนแสงออกมาเจ็ดสี เป็นเอกลักษณ์การออกแบบที่ไม่เหมือนใคร
ส่วนดอกไหมชมพู เป็นดอกไม้โปรดของอนุหยวนก่อนตาย
ซูจื่ออวี๋เม้มปากระงับความเศร้าโศกในใจ ทำใจให้สงบแล้วหยิบปิ่นขึ้นมาดู หลังเปลือกหอยนั้นมีตัวอักษรหลิงเล็กๆ ที่ไม่สุดตาสลักอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ
รอการอัพเดตอยู่นะคะ...
สนุกมาก รออ่านทุกวัน แต่ลงแค่วันละ 2 ตอน ฮือออออ...
จะเจอไหมนะ...
รอตอนต่อไปค่าาา ลงเยอะๆนะคะ สนุกมากจริงๆ...
หมิงโหลวคือใครกันระ...