ยอดชายานักปรุงพิษ นิยาย บท 47

ซูจื่ออวี๋มองพิจารณาเสี่ยวเอ้อร์ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ มาครั้งแรก”

เสี่ยวเอ้อร์ให้ซูจื่ออวี๋นั่งลง แล้วนำชามาให้ “ไม่ทราบว่าแม่นางอยากจะดูสิ่งใดขอรับ?”

ซูจื่ออวี๋ลูบผมแล้วเอ่ยขึ้นมาส่งๆ “ดูปิ่นแล้วกัน”

ซื่อจี้ยืนกลอกตากัดฟันกล่าวอยู่ข้างๆ “คุณหนูสาม ในเมื่อไม่มีเงินจ่าย เหตุใดต้องรบกวนให้คนอื่นวิ่งไปวิ่งมาด้วยเจ้าคะ”

ซูจื่ออวี๋มองเสี่ยวเอ้อร์อย่างสงสัย ก่อนจะเอ่ยปากถามว่า “ข้าดูแล้วต้องซื้อหรือไม่?”

เสี่ยวเอ้อร์รีบพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ไม่เลยๆ แม้นางอยากดูก็ไม่เป็นไร ไม่ถูกใจ ค่อยกลับมาใหม่ได้คราวหน้า ค้าขายต้องใช้ความเมตตา”

ซูจื่ออวี๋พยักหน้าอย่างพึงพอใจและมองไปที่ซื่อจี้ด้วยความภาคภูมิใจ ซื่อจี้อ้ำอึ้ง ไม่พูดอะไรต่อ

หลังจากนั้นไม่นาน เสี่ยวเอ้อร์ก็ยกถาดสองใบเข้ามา ในนั้นเต็มไปด้วยแสงประกายจากเครื่องประดับสีเหลืองขาว สามารถพูดได้เลยว่ามีปิ่นหลายรูปแบบ มองปราดเดียวก็รู้ว่าราคาแพงมาก

แต่กลับไม่มีปิ่นที่ทำจากไม้

ซูจื่ออวี๋หยิบปิ่นหยกขาวที่มีสไตล์เรียบง่ายที่สุดอันหนึ่งขึ้นมาดู ปิ่นนี้ค่อนข้างพิเศษ ไม่ได้มีลูกเล่นมากหรือหรูหราเกินไป และไม่ได้ดูสวยหยาดเยิ้มเหมือนในฤดูใบไม้ผลิ แต่เป็นรูปดอกไหมสีชมพูที่แกะสลักจากเปลือกหอย

การใช้เปลือกหอยสีขาวเงินกับหยกขาวดูเหมือนเรียบง่าย ภายใต้แสงแดด จะเห็นเปลือกหอยสะท้อนแสงออกมาเจ็ดสี เป็นเอกลักษณ์การออกแบบที่ไม่เหมือนใคร

ส่วนดอกไหมชมพู เป็นดอกไม้โปรดของอนุหยวนก่อนตาย

ซูจื่ออวี๋เม้มปากระงับความเศร้าโศกในใจ ทำใจให้สงบแล้วหยิบปิ่นขึ้นมาดู หลังเปลือกหอยนั้นมีตัวอักษรหลิงเล็กๆ ที่ไม่สุดตาสลักอยู่

ซูจื่ออวี๋เอ่ยปากถามว่า “เครื่องประดับที่ทำในร้านของเจ้าถูกสลักชื่อหมดเลยหรือ?”

เสี่ยวเอ้อร์พยักหน้า “เรียนคุณหนู ไม่ผิดขอรับ แต่โดยทั่วไปมักจะสลักอยู่ในที่ที่ไม่สะดุดตา ไม่เป็นสุดสังเกตขอรับ”

ซูจื่อพยักหน้า แม้ว่าปิ่นปักเหล่านี้จะสวยงาม แต่สิ่งที่นางต้องการไม่ใช่อัญมณีเหล่านี้

ซูจื่ออวี๋คิดแล้วก็เอ่ยปากถามว่า “มีที่ดูเรียบง่ายกว่านี้หรือไม่ ข้า... ยังไงก็คงไม่เหมาะหากข้าจะบดบังรัศมีของเหล่าพี่สาว”

เสี่ยวเอ้อร์เข้าใจดีและเปลี่ยนชุดที่ถูกกว่าทันที แต่ถึงแม้จะถูก แต่ก็ยังดูเหมือนเครื่องประดับมีราคาแพง

ซื่อจี้หัวเราะเยาะว่า “คุณหนูสาม ท่านมีเงินอยู่หนึ่งร้อยตำลึงติดตัว อย่าว่าแต่อันที่ถูกกว่านี้หน่อยเลย แม้แต่ถาดปิ่นปักผ้านี้ก็ซื้อไม่ได้ แก้วายเมฆใบนี้ที่เสี่ยวเอ้อร์รินให้ท่านล้วนมีมูลค่าหลายพันตำลึง เหตุใดท่านต้องทำหน้าใหญ่ใจโตด้วยล่ะ”

หลังจากซื่อจี้พูดประโยคนี้จบ ซูจื่ออวี๋ก็มองไปที่เสี่ยวเอ้อร์ อยากรู้ว่าร้านนี้เป็นตาสุนัขมองคนต่ำหรือไม่

แต่สิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจก็คือเสี่ยวเอ้อร์ยังคงยิ้มอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่มีความรังเกียจหรือดูถูกซูจื่ออวี๋แม้แต่น้อย

ซูจื่ออวี๋มีความประทับใจที่ดีต่อร้านนี้มาก แต่นางก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามตรงๆ ว่ามีปิ่นไม้หรือไม่ อย่างไรเสียของแบบนั้น เป็นของที่คนยากจนใช้เท่านั้น ร้านแบบนี้จะมีขายได้อย่างไร

ถ้านางเอ่ยถามออกมา ซื่อจี้ก็คงหมุนตัวออกไป หากถูกใครเจตนาร้ายได้ยินเข้า กลัวว่าจะสร้างปัญหาให้ตัวเอง

ซูจื่ออวี๋ถอนหายใจในใจ ดูเหมือนว่าวันนี้จะสืบอะไรไม่ได้แล้ว

ในขณะที่ซูจื่ออวี๋กำลังจะออกไป ก็มีคนเข้ามาที่ประตู

เสี่ยวเอ้อร์รีบเข้าไปต้อนรับ แล้วคุกเข่าลงทำพิธี “ข้าน้อยขอคารวะอ๋องฉิน คารวะอ๋องแปดพ่ะย่ะค่ะ”

อ๋องฉิน?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ