ยอดชายานักปรุงพิษ นิยาย บท 46

จื่อซูเดินโซเซถอยหลังไปสองก้าว ชิวขุยก็รีบเอื้อมมือไปพยุงนางไว้

จื่อซูส่ายหัวพลางถอนหายใจ “เป็นลูกอนุ หรือว่าในใจเจ้าข้าไม่คู่ควรให้เจ้าเรียกว่าคุณหนู ถึงอย่างไรข้าก็เป็นลูกสาวของท่านพ่อ เหตุใดเจ้าถึงไม่แยกแยะที่ต่ำที่สูงเช่นนี้? อยู่ข้างนอกนินทาแม่ใหญ่และพวกพี่สาวก็ช่างเถอะ พอข้าตำหนิเจ้า เจ้าก็ลงมือกับข้าเลยหรือ ข้า...ข้า..”

ซูจื่ออวี๋ทำหน้าเหมือนถูกรังแก และไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อต้าน เมื่อรวมเข้ากับใบหน้าที่งามล่มเมืองไร้ไม่มีผงแป้งของนาง ก็ทำให้ชาวบ้านเห็นแล้วรู้สึกสงสาร

แม้แต่องค์ชายแปดจวินมู่เยว่ที่อยู่บนหอแปดสมบัติก็ยังตบโต๊ะตำหนิด้วยความโกรธ “มันไร้เหตุผลสิ้นดี เห็นได้ชัดว่านี่เป็นบ่าวรังแกนาย เสนาบดีซูสั่งสอนบ่าวไพร่เยี่ยงนี้หรือ?”

จวินมู่เหนียนมองจวินมู่เยว่อย่างสงสัย คิดในใจว่าซูจื่ออวี๋คนนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แค่สามประโยคก็สามารถล่อลวงใจผู้คนได้

เห็นได้ชัดว่าน้องแปดก็เหมือนกับเขา ไม่ได้ยินสิ่งที่สาวใช้คนนั้นพูด ได้ยินแต่เสียงของซูจื่ออวี๋ฝ่ายเดียวแทน กลับโกรธแค้นขนาดนี้

จวินมู่เหนียนมองลงไปที่ซูจื่ออวี๋ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยการพินิจ

สตรีร้ายกาจเช่นนี้ ถูกรังแกมาหลายปีได้อย่างไร เป็นการตั้งใจหรือ? หรือมีวัตถุประสงค์อื่น

วัตถุประสงค์อื่น...

จวินมู่เหนียนขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยในใจ นางมาที่หอสมบัติหลิงหลงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า

จวินมู่เหนียนวางถ้วยชาในมือลงและเอ่ยว่า “พวกเราลงไปเถอะ”

ดวงตาของจวินมู่เยว่เป็นประกาย ก็พูดว่า “ได้ ไปช่วยแม่นางน้อยออกมาจากสถานการณ์ที่ยากลำบากนั้นกันเถอะ”

จวินมู่เหนียนส่ายหัวอย่างจนใจ คิดในใจว่าซูจื่ออวี๋คนนี้ต้องการให้เขาช่วยออกหน้าหรือไม่? ด้วยความสามารถของซูจื่ออวี๋ อย่าว่าแต่สาวใช้เล็กๆ คนเดียว ต่อให้เผชิญหน้ากับเสนาบดีซู นางก็ไม่มีทางเสียเปรียบ

เมื่อซื่อจี้เห็นคนมุงดูกันมากขึ้น ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรก็ไม่ฟัง จึงเสียสติแล้วเอ่ยปากตะโกนว่า “พวกเจ้าพูดเหลวไหลอะไรกัน ใครกล้านินทาจวนเสนาบดีซูอีก จะแจ้งจับพวกเจ้าให้หมด”

ประชาชนไม่ต่อสู้กับขุนนาง พอประชาชนได้ยินแล้วก็เงียบลง ไม่กล้าพูดอะไรอีก

เมื่อซื่อจี้เห็นว่าสถานการณ์ถูกนางควบคุมแล้ว ในใจก็เริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น เมื่อครู่นี้นางถูกซูจื่ออวี๋ทำให้ตกใจจนพูดไม่ออก

ตอนนี้ใจเย็นลงแล้ว ซื่อจี้กัดฟันกล่าว “คุณหนูสามอยากจะซื้อเครื่องประดับหรือไม่ ถ้าไม่ซื้อ พวกเราก็กลับเถอะ ผู้ชายผู้หญิงเด็กคนแก่บนถนนนี้มีไม่น้อย คุณหนูไม่ยอมใส่หมวกม่าน นี่คือการทำผิดกฎ” ซึ่งความหมายก็คือซูจื่ออวี๋ชอบเที่ยวเล่น ชอบก่อปัญหาไปทั่ว

ซูจื่ออวี๋ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “แต่ละเดินข้าได้เงินเพียงห้าเหวิน จะซื้อของในหอสมบัติหลิงหลงได้อย่างไร แต่ทุกคนก็อยากรู้อยากเห็นไม่ใช่หรือ เครื่องประดับที่พี่สาวนำมา ข้าอยากจะเปิดหูเปิดตาบ้างไม่ได้หรือ?”

จากนั้นเสียงซุบซิบของชาวบ้านก็ดังขึ้นอีก ครั้ง ทุกคนต่างก็บอกว่าเสนาบดีซูปฏิบัติต่อลูกอนุไม่ดี ฮูหยินซูก็ไม่ยุติธรรม และเหตุการณ์หน้าประตูหอสมบัติหลิงหลงก็ทำให้ชาวบ้านเกิดทัศนคติที่ไม่ดีต่อเสนาบดีซู

ซูจื่ออวี๋เห็นว่าตนบรรลุเป้าหมายแล้ว นางจึงไม่ได้ก้าวร้าวอีกต่อไป นางรักษาภาพลักษณ์ของการถูกคนรังแกเอาไว้

แต่จะว่าไปแล้ว ซื่อจี้ก็ระงับความโกรธได้ดี นางพูดไร้สาระไปมากขนาดนี้ ซื่อจี้ไม่เอากลับไปรายงานทันที ก่อนจะมาเห็นได้ชัดว่าฮูหยินซูสั่งกำชับให้นางติดตามตนทุกฝีก้าว

ซูจื่ออวี๋แอบด่าในใจว่ายุ่งยาก ได้แต่ถอนหายใจ ยกกระโปรงขึ้นมาแล้วก้าวเข้าไปในหอสมบัติหลิงหลง

ทันทีที่เขาเข้าประตูไป เสี่ยวเอ้อที่แต่งตัวดีก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มอ่อนน้อมถ่อมตนและสุภาพ เขาพูดว่า “คุณหนูท่านนี้ข้าไม่คุ้นหน้าท่านเลย ท่านมาที่ร้านนี้ครั้งแรกหรือขอรับ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ