ยอดชายานักปรุงพิษ นิยาย บท 52

จวินมู่หลานที่นั่งอยู่ในรถม้ากำลังหลับตาพักผ่อน อยู่ๆ ก็เบิกตากว้าง คิดในใจว่าการที่เขาได้พบกับซูจื่ออวี๋มาสองวันนี้ มันเป็นโชคชะตาหรือไม่?

เมื่อนึกถึงรูปลักษณ์ของซูจื่ออวี๋ในชุดไว้ทุกข์เมื่อวานนี้ แต่ใบหน้าของนางกลับงามล่มบ้านล่มเมือง จวินมู่หลานครุ่นคิดก่อนจะพูดเบาๆ ว่า “ตามไป”

ลั่วไป๋รับคำแล้วขับรถม้าไล่ตามไป

……

ประตูเมืองเปิดแล้ว ซูจื่ออวี๋ก็รีบวิ่งออกไป แต่ทันทีที่วิ่งออกจากประตูเมือง นางกลับถูกรถม้าของจวินมู่หลานขวางเอาไว้

จวินมู่หลานไม่ได้ลงจากรถ เพียงเปิดม่านหน้าต่างรถขึ้นอย่างช้าๆ เห็นใบหน้าแดงก่ำของซูจื่ออวี๋จากการวิ่ง ที่หางตาของนางมีน้ำตาไหลออกมา ชั่วพริบตานั้น กลับรู้สึกแน่นที่ลำคอ

จวินมู่หลานเม้มปากเอ่ยถาม “คุณหนูสามตระกูลซู เจ้าจะไปไหน? ข้าพาเจ้าไปส่งได้”

ซูจื่ออวี๋ไม่ได้มองจวินมู่หลานแม้แต่น้อย นางอ้อมรถม้าแล้ววิ่งต่อ

การกระทำที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเยี่ยงนี้ อย่าว่าแต่จวินมู่หลานตกตะลึง แม้แต่ลั่วไป๋ก็อดประหลาดใจไม่ได้

ซูจื่ออวี๋ราวกับมองไม่เห็นพวกเขา

จวินมู่หลานมีสีหน้าหมองคล้ำเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “ลั่วไป๋”

ลั่วไป๋เข้าใจทันทีจึงรีบไปขวางทางซูจื่ออวี๋ เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “คุณหนูสาม องค์ชายของข้ากำลังคุยกับเจ้าอยู่นะ”

ซูจื่ออวี๋เดือดดาลอย่างมาก นางกำลังรีบอยู่ ไม่มีเวลามาจัดการกับองค์ชายอย่างจวินมู่หลาน

ซูจื่ออวี๋กล่าวเสียงเย็นชา “ไม่มีอะไรจะพูด อย่ามาขวางทาง”

ลั่วไป๋ตะลึงงันแล้ว อย่างไรเสียเขาก็เป็นองครักษ์ใกล้ชิดองค์ชายรอง คนที่ไร้มารยาทกับเขาแบบนี้ ไม่ได้เห็นมาหลายปีแล้ว ลั่วไป๋รู้สึกว่าซูจื่ออวี๋ไม่รู้ความ กล่าวอย่างเย็นชาว่า “คุณหนูซูเจ้าอย่าทำให้ความหวังดีของท่านอ๋องข้าจะผิดหวังเลย”

ซูจื่ออวี๋กล่าวว่า “ให้ท่านอ๋องของเจ้าเห็นความหวังดีให้พี่รองของข้าจะดีกว่ามั้ง?”

จวินมู่หลานที่อยู่ในรถม้าได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะ เขาแอบชื่นชมตัวเองในใจ ก็กำลังคิดอยู่เลย ที่แท้ซูจื่ออวี๋ก็หึงหวงนี่เอง นางหึงพี่รองของนางงั้นหรือ?

จวินมู่หลานลงจากรถม้าแล้วเดินไปด้านข้างๆ ซูจื่ออวี๋อย่างช้าๆ เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูสาม เจ้าจะไปไหน ข้าจะไปส่ง”

ซูจื่ออวี๋หัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “องค์ชายรองท่านดูชุดไว้ทุกข์ของข้าสิ คิดว่าข้าจะไปไหน? ข้าจะไปสุสานตระกูลซู องค์ชายรองจะตามไปเป็นลูกกตัญญูกับข้าหรือ?”

ซูจื่ออวี๋พูดแล้วก็จากไปเอง ครั้งนี้ลั่วไป๋ไม่ได้ไปห้ามนางแล้ว สถานที่อย่างสุสานแต่ไหนแต่ไรมาก็ถูกมองว่าเป็นสถานที่อัปมงคล องค์ชายรองของเขาก็คงไม่อยากตามไป

จวินมู่หลานไม่อยากไปสุสานบรรพบุรุษของตระกูลซูจริงๆ แต่ทัศนคติที่ไม่แยแสของนางที่มีต่อเขา เขาไม่อาจยอมรับได้

เมื่อก่อนมีแต่ซูจื่ออวี๋ที่เอาแต่วิ่งไล่ตามเขา อย่างเช่นเล่นละครทำเป็นวิ่งชนโดยไม่ตั้งใจ หรือเท้าแพลงอยู่ข้างถนน เพื่อให้ได้สัมผัสเขามากขึ้น

แต่วันนี้เขาเป็นฝ่ายเริ่ม เหตุใดนางถึงไม่สนใจ?

จวินมู่หลานเม้มปากแล้วตามไปอย่างไม่ลดละ ดึงข้อมือของซูจื่ออวี๋

ซูจื่ออวี๋กำลังวิ่งอยู่ ก็ถูกเขากระชากอย่างรุนแรงจนเกือบจะล้มลง จวินมู่หลานถือโอกาสอ้าแขนรับ กอดซูจื่ออวี๋ไว้ในอ้อมแขน แล้วเอาสองมือของนางไขว้ไว้ข้างหลัง

ซูจื่ออวี๋ตกใจจนหน้าถอดสี คิดในใจว่าคนสารเลวนี่กล้าดีขนาดนี้ได้อย่างไร? กลางวันแสกๆ กล้าไม่รู้กาลเทศะขนาดนี้ได้ยังไง?

ซูจื่ออวี๋ดิ้นรนอย่างแรง อยากจะหลุดพ้นจากอ้อมกอดของจวินมู่หลาน นางพูดด้วยความโกรธว่า “ปล่อยข้า”

จวินมู่หลานยิ้มแล้วพูดว่า “แม่นางน้อย อย่าจะรับแทบตายแต่แสร้งทำเป็นปฏิเสธ เจ้าต้องรู้สึกขีดจำกัน อย่าทำให้ข้าไม่พอใจ”

ซูจื่ออวี๋กัดฟันแล้วพูดว่า “ฝ่าบาททำตัวไม่รู้กาลเทศะเช่นนี้ ไม่กลัวว่าฮ่องเต้จะไม่พอพระทัยหรือ?”

คำพูดของซูจื่ออวี๋จบลง เข็มหนึ่งเล่มถูกหนีบไว้ระหว่างนิ้วแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ