เมื่อซูจื่ออวี๋ได้ยินคำพูดนี้ หัวใจนางกระตุกวาบ นางรีบร้อนเกินไป จึงลืมที่จะเก็บซ่อนความสามารถของตัวเองเอาไว้
นางเป็นคนที่ขี่ม้าเป็น ชาติก่อนในยุคปัจจุบัน นางไปขี่ม้าอยู่บ่อยครั้ง
แต่คุณหนูสามตระกูลซูที่แท้จริง น่าจะขี่ม้าไม่เป็นหรอกกระมัง?
ซูจื่ออวี๋ร้อนตัวเล็กน้อย จวินมู่เยว่เป็นคนซื่อๆ คงไม่ได้คิดอะไรมาก แล้วจวินมู่เหนียนล่ะ?
ซูจื่ออวี๋เม้มปาก แล้วเอ่ยปากแก้ตัว
“เอ่อ...ข้าเคยเรียนขี่ม้าพร้อมกับพี่ใหญ่และพี่รอง ไม่ถือว่าดีสักเท่าใด ไม่สามารถขี่ม้ายิงธนูได้ เพียงแค่ขี่ม้าได้สองสามรอบเท่านั้น”
จวินมู่เยว่หัวเราะเสียงดัง
“ฮ่าฮ่าฮ่า อาซ้อน้อยล้อข้าเล่นหรือ? ข้าจะให้ท่านขี่ม้ายิงธนูได้อย่างไร งานหนักอย่างการล่าสัตว์ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเถอะ ท่านนะ...”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ จวินมู่เยว่พูดเสียงต่ำ พูดต่อว่า
“อาซ้อน้อยไปเก็บสมุนไพรเป็นเพื่อนพี่เจ็ดเถอะ”
ซูจื่ออวี๋พยักหน้า
ทั้งสองคนเดินอยู่หนึ่งชั่วยามกว่าๆ ในที่สุดก็มาถึงริมลำธาร จวินมู่เยว่ลงจากม้าก่อน จากนั้นพยุงซูจื่ออวี๋ลงมา เขามองดูซ้ายขวาหน้าหลังของลำธาน เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใคร จึงนำขลุ่ยไม้ไผ่อันเล็กออกมาจากหน้าอก แล้วเป่าให้ดังขึ้น
ขลุ่ยไม้ไผ่ส่งเสียงดังกังวานไพเราะ คล้ายเสียงของนกบางชนิด
ผ่านไปสักครู่ หมิงโหลวในชุดสีดำปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสอง
ซูจื่ออวี๋มองดูคนตรงหน้า แล้วเอ่ยถามเสียงต่ำ
“ท่านอ๋อง?”
จวินมู่เหนียนหัวเราะ
“นอกจากข้า ยังเป็นใครไปได้อีก? หากมอบเจ้าให้คนอื่น ข้าไม่วางใจ”
จวินมู่เยว่ทั้งเบะปาก ทั้งขมวดคิ้ว ทำท่าอิจฉาตาร้อนจนทนไม่ไหว พร้อมกับเอ่ยปาก
“โอ๊ย หยาหยา พอแล้วพอแล้ว พี่เจ็ดท่านสงสารข้าที่ตัวคนเดียวเปล่าเปลี่ยวหัวใจบ้างเถอะ อย่าทำให้ข้าอิจฉาอีกเลย”
แก้มของซูจื่ออวี๋แดงระเรื่อ ก้มหน้าโดยสัญชาตญาณ
จวินมู่เหนียนเห็นซูจื่ออวี๋อาย จึงกลอกตาใส่จวินมู่เยว่ พร้อมบอกว่า
“เอาล่ะ เจ้าไปล่าสัตว์เถอะ อย่าไปไกล ไม่ต้องถึงกับชนะ ภายในสองวัน ไม่ว่าจะล่าได้หรือไม่ พวกข้าสองคนจะรอเจ้าที่นี่”
จวินมู่เหนียนแกะถุงน้ำออกจากหลังม้ายื่นให้ซูจื่ออวี๋ พร้อมเอ่ยปาก
“ไม่ใช่ ยอดเขาหลิงอวิ๋นต้องใช้เวลาเดินทางสามสี่ชั่วยาม พอมาถึงที่นี่ พวกเราขี่ม้าอีกต่อไปไม่ได้แล้ว เดี๋ยวจะผูกม้าไว้แถวนี้ ตอนกลับมาค่อยมาเอา คืนนี้คงต้องพักกันในถ้ำ เดินทางตอนกลางคืนไม่ค่อยปลอดภัย”
ซูจื่ออวี๋ไม่มีความเห็น ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับจวินมู่เหนียน นางนำชนวนไฟที่ติดตัวมาด้วย เตรียมจะก่อไฟ แต่กลับถูกจวินมู่เหนียนห้ามไว้
จวินมู่เหนียนเอ่ยปาก
“อย่าจุดไฟ ที่นี่เงียบสงบไร้ผู้คน ยังอยู่ในเขตของสนามล่าสัตว์ หากมีไฟจุดขึ้นมา เกรงว่าจะมีผู้ไม่หวังดีมาเห็นข้า คงต้องลำบากเจ้าแล้ว”
ซูจื่ออวี๋รีบเก็บชนวนไฟกลับไปดังเดิม พร้อมส่ายหน้า
“ไม่ไม่ ไม่ลำบาก ข้าคิดไม่รอบคอบเอง”
จวินมู่เหนียนหัวเราะเสียงเบา แล้วยื่นมือไปลูบหัวนางอย่างแผ่วเบา
“เจ้าไม่ต้องคิดให้รอบคอบ แค่คิดถึงข้าก็พอแล้ว”
ซูจื่ออวี๋ชะงักอยู่ที่เดิม สีหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงอย่างรวดเร็วทันตาเห็น
จวินมู่เหนียนเห็นท่าทางที่เหม่อลอยน่ารักของนาง จึงยื่นมือไปจับแก้มอีกฝ่าย ในขณะนั้นเอง ได้ยินเสียงนกโผบินดังมาแต่ไกล !
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ
เรื่องนี้ไม่อัพเพิ่มแล้วหรอคะ...
ต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้นแน่ๆ...
นางเอกทนงตนเกินไปว่าตัวเองเก่งทำให้ไม่ระแวดระวังและไม่ยอมให้มีคนคุ้มกัน...
สนุกมากๆเลยค่ะ รอ admin นะคะ...
ไม่ลงตอนใหม่แล้วเหรอคะ...
สนุกค่ะ รออัพเดทนะคะ...
ตอนที่241 รอบอัพอยู่ค่ะ 242 มาตอนไหนค่ะ...
รอการอัพเดตอยู่นะคะ...
สนุกมาก รออ่านทุกวัน แต่ลงแค่วันละ 2 ตอน ฮือออออ...
จะเจอไหมนะ...