หลังจากที่ทุกคนกลับถึงกระโจมแล้วได้มีผู้ส่งสารคนหนึ่งเดินเข้าไปในกระโจมของจวินมู่เหนียนพอดี
หลังจากเข้าไปในกระโจมแล้ว ผู้ส่งสารก็เงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหันหรูเฟิง
จวินมู่เยว่ก็อยู่ในกระโจมของจวินมู่เหนียนเช่นกัน เมื่อเขาเห็นหันหรูเฟิงยิ้ม เขาก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาและพูดว่า “เจ้ายังกล้าที่จะยิ้มอีก ข้าขอให้เจ้ามาสำรวจก่อน ดูสิข้าเกือบจะปล่อยให้หมาป่ากินข้า”
หันหรูเฟิงยิ้มอย่างขอโทษและพูดอย่างปลอบใจ “ท่านอ๋องแปด ท่านจะโทษข้าไม่ได้นะ ที่กองทัพไม่มีอะไรผิดปกติจริง ๆ และก่อนที่พวกท่านจะมาก็ไม่มีคนนอกเข้ามาไปในพื้นที่ล่าสัตว์”
ซูจื่ออวี๋เข้าใจประเด็นสำคัญในคำพูดของหันหรูเฟิงอย่างรวดเร็ว นางถามขึ้นมาว่า “เจ้าบอกว่าไม่มีคนนอก นั่นหมายความว่ามีคนจากในกองทัพ?”
หันหรูเฟิงกล่าวว่า “มีคนในกองทัพก็เป็นเรื่องปกติ ก่อนที่จะล่าสัตว์ ทหารจะต้องปักธงไว้นอกเขตล่าสัตว์ ติดป้ายบอกทาง และตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีอย่างเสือหรือหมีในพื้นที่ล่าสัตว์ มิฉะนั้นหากผู้สูงศักดิ์คนใดได้รับบาดเจ็บก็จะเป็นความรับผิดชอบของผางอิง ถ้าม้าของเจ้าไม่หนีออกจากพื้นที่ล่าสัตว์ พวกมันก็คงไม่โจมตีสัตว์ป่าก่อน”
ซูจื่ออวี๋มองจวินมู่เหนียนที่พยักหน้าเล็กน้อย มีกฎเช่นนี้จริงในพื้นที่ล่าสัตว์
ซูจื่ออวี๋ขมวดคิ้วและพูดว่า “แล้วเรื่องนี้ มีความเป็นไปได้ว่าเป็นในกองทัพที่ฉวยโอกาสวางยาพิษ เหมือนที่เสวี่ยเฉิงอันกล่าวว่าทะเลสาบนั้นใช้สมุนไพรจำนวนมากเพื่อกระจายกลิ่นมาจนถึงตอนนี้ ถ้าเป็นคนในกองทัพ เขาจะสามารถนำยาพิษออกมาเป็นชุด ๆ ได้โดยไม่ทิ้งร่องรอยไว้”
จวินมู่เยว่ขมวดคิ้วและพูดว่า “แล้วเป็นใครกันล่ะ? ใครจะใจกล้าขนาดสังหารองค์ชายองค์หญิงจากสามแคว้น? และคนผู้นี้ใช้พิษเก่งเสียด้วย คาดไม่ถึงจริง ๆ”
ซูจื่ออวี๋มองจวินมู่เหนียนแล้วพูดว่า “ท่านอ๋อง เรื่องนี้...เกี่ยวข้องกับหอล่าจันทราหรือไม่?” ยังไงพวกเขาเห็นชู่ซีที่นอกพื้นที่ล่าสัตว์
ชู่ซีสามารถเข้าไปในพื้นที่ล่าสัตว์ได้โดยไม่ทิ้งร่องรอย และนางเชื่อว่านักฆ่าคนอื่นในหอล่าจันทราก็คงจะไม่มีเวลาอ่อนน้อมถ่อมตน
จวินมู่เยว่คิดอย่างถี่ถ้วนแล้วอุทานว่า “เจ้าสิบ? หากเรื่องมาถึงสถานการณ์แบบนั้นจริง องค์ชายที่สามารถใช้งานได้ ไม่ได้เหลือแค่เจ้าสิบกับเจ้าสิบเอ็ดหรือ? พี่เจ็ดไม่สามารถเป็นผู้นำกองทัพได้ เช่นนั้นคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะให้เจ้าสิบเป็นผู้นำทัพเพื่อป้องกันศัตรู เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะสร้างผลงาน…”
เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ จวินมู่เยว่หลุดอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว “ไม่มีทาง! ไม่มีทาง! จวงเสียนเฟย...ไม่มีทาง!”
จวินมู่เยว่พูดว่าไม่มีทางติดต่อกันถึงสามครั้ง ซึ่งมันทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจเล็กน้อย
หันหรูเฟิงรีบพูดว่า “อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปก่อน แม้ว่าจวงเสียนเฟยจะเป็นคนลำเอียง แต่นางเกิดมาจากครอบครัวพ่อค้าและไม่มีมือและเท้าในเมืองหลวงมากนัก และยิ่งกว่านั้นนางยังเป็นคนอ่อนแอที่รักลูกคนเล็กก็เท่านั้น นางไม่ได้เป็นคนเด็ดขาด”
ซูจื่ออวี๋ยังพูดเพื่อปลอบใจเขาด้วยเช่นกัน “ถูกต้อง หากยังไม่มีหลักฐาน ก็อย่าเพิ่งพูดตีโพยตีพายออกไป”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดชายานักปรุงพิษ
เรื่องนี้ไม่อัพเพิ่มแล้วหรอคะ...
ต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้นแน่ๆ...
นางเอกทนงตนเกินไปว่าตัวเองเก่งทำให้ไม่ระแวดระวังและไม่ยอมให้มีคนคุ้มกัน...
สนุกมากๆเลยค่ะ รอ admin นะคะ...
ไม่ลงตอนใหม่แล้วเหรอคะ...
สนุกค่ะ รออัพเดทนะคะ...
ตอนที่241 รอบอัพอยู่ค่ะ 242 มาตอนไหนค่ะ...
รอการอัพเดตอยู่นะคะ...
สนุกมาก รออ่านทุกวัน แต่ลงแค่วันละ 2 ตอน ฮือออออ...
จะเจอไหมนะ...