ณ เรือนมรกตพระที่นั่งทองคำแห่งวังหลวง โดดเด่นด้วยเรือนขนาดใหญ่ที่ประดับประดาด้วยหลังคาชายคาหลายชั้นและกระเบื้องเคลือบสีทองดูสง่างามเป็นพิเศษภายใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่อง
หลังคาสีทองและประตูสีแดงของวังหลวง รูปแบบโบราณเหล่านี้ทำให้หลิงอวี๋ที่เดินเล่นไปตามทางเต็มไปด้วยความรู้สึกเยาะเย้ยในใจ
นางคือคนที่ได้เห็นประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาห้าพันปีแล้ว ความมั่งคั่งเหล่านี้ไม่ได้ทำให้นางตกใจนัก ในความคิดของนางก็เป็นเพียงเมฆหมอกที่ผ่านตาเท่านั้นเอง!
คนที่ได้ดีบนความเสียสละของคนอื่น ในวังที่ดูคล้ายจะงดงาม มันเต็มไปด้วยคาวเลือด ทั้งยังฝังหญิงสาววัยรุ่นไว้อีกจำนวนมากด้วย!
หลิงเยวี่ยถูกแม่นมลี่สั่งสอนมาอย่างดีมาก สายตาไม่ว่อกแว่ก และท่าทีนอบน้อมทุกย่างก้าว
หลิงอวี๋ภูมิใจในตัวเขามาก เด็กคนนี้เรียนรู้อะไรก็เป็นเช่นนั้นเลย!
เซียวหลินเทียนตาบอด ไม่เห็นหรือว่าใบหน้าเล็ก ๆ ของเขานั้น ช่วงตาเหมือนกับเซียวหลินเทียนทุกประการ?
แม้ว่าทั้งสามคนจะบอกว่าเป็นการเดินเล่น แต่เพราะว่ามาเข้าร่วมงานฉลองวันพระราชสมภพของไทเฮา จึงไม่อาจชะล่าใจได้ จึงเดินไปที่ศาลาในสวนตามเส้นทางคดเคี้ยวนั้นไป
“พระชายา ท่านอ๋องอยู่ทางนั้นเจ้าค่ะ! เราต้องไปหรือไม่เจ้าคะ?”
หลิงซินถูกหลิงอวี๋สั่งสอนมาตามทาง นึกถึงที่ไทเฮาเป็นคนเชิญพวกเขาด้วยพระองค์เองแล้ว ก็มีความกล้ามากขึ้น
หางตาของนางเห็นเซียวหลินเทียน จึงเอ่ยเตือนหลิงอวี๋
หลิงอวี๋หันไป เห็นพวกเซียวหลินเทียนสามคนกำลังเดินอยู่ที่ทางเดินอีกด้าน
หลิงอวี๋เห็นว่า วันนี้เซียวหลินเทียนสวมเสื้อคลุมผ้าฝ้ายซาตินลายบ๊วยสีน้ำเงินเข้ม และเสื้อกั๊กผ้าซาตินสีฟ้าปักลวดลาย ผมสีดำของเขาถูกหวีเป็นมวยเรียบร้อย และมีมงกุฎหยกดำเหมือนกันกับหลิงเยวี่ย
ชุดสีน้ำเงินเข้มนี้ทำให้เขาดูสง่างาม เป็นผู้ใหญ่ดูมีราศี!
เมื่อประกอบกับสันจมูกที่โด่ง ริมฝีปากบางแต่กลับเม้มแน่นนั้น ก็มีกลิ่นอายของความเป็นเชื้อพระวงศ์ที่ชัดเจน!
ชิวเหวินซวงยืนอยู่ด้านหลังเซียวหลินเทียน นางก็สวมเสื้อผ้าใหม่ด้วยเช่นกัน ดูจากรูปแบบและคุณภาพแล้ว น่าจะราคาประมาณสามร้อยตำลึง
หลิงอวี๋ยิ้มเยาะในใจ เซียวหลินเทียน ไม่เต็มใจที่จะทำเสื้อผ้าให้พระชายาตนเอง แต่เขาเต็มใจที่จะทำเสื้อผ้าให้ชิวเหวินซวง!
ชิวเหวินซวงผู้นี้ ช่างมีวิธีการมัดใจเซียวหลินเทียนจริง ๆ !
เดิมที่หลิงอวี๋ไม่ได้อยากจะไป แต่นางไม่คุ้นเคยกับคนที่นี่เลย เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหา จึงทำได้เพียงจูงมือหลิงเยวี่ยเดินเข้าไป
แต่ระหว่างทางกลับได้ยินเสียงหนึ่งเรียกตนเองไว้
“อ้าว นี่พระชายาอ๋องอี้มิใช่รึ? เจ้าช่างเก่งกาจเสียจริงนะ ถือเทียบเชิญปลอมก็สามารถเข้ามาในวังได้!”
หลิงอวี๋หันไปมองก็เห็นพระชายาผิงหยางเดินเข้ามาพร้อมกับเสิ่นจวน เจิงจื่ออวี้แล้วก็ฉินรั่วซือ
หลิงอวี๋แค่เห็นสีหน้าของสามคนก็อยากหัวเราะแล้ว นี่เมื่อครู่คงจะเดิมพันกับคนด้านนอกนั่นว่าตนเองจะเข้ามาไม่ได้ ดังนั้นก็เลยแพ้เดิมพันสินะ?
ไม่รู้ว่าลงเดิมพันกันไปเท่าไหร่?
หลิงอวี๋เองก็มีเงินปันผลจากการเดิมพันครั้งนี้เช่นกัน เห็นแก่ที่พระชายาผิงหยางให้เงินตนจึงหยุด หากพวกนางอยากจะเล่นก็เล่นกับพวกนางหน่อยแล้วกัน!
วันนี้พระชายาผิงหยางแต่งตัวงดงามยิ่ง
นางสวมชุดกระโปรงสีจาง ๆ เป็นสีรุ้ง ตรงคอเสื้อและแขนเสื้อปักด้วยไข่มุกสองแถว เมื่อกางออกจะดูเหมือนปีกสีสันสดใส
ชุดนี้เน้นสีสัน มีความสีสันสดใส สำรวยแปลกตา แต่เสียดายที่ไม่ได้เลือกใช้ผ้าไหมแต่เป็นผ้าดิ้นหนา ๆ แทน
และเพราะว่ามันหนา เมื่อคลุมลงบนตัวอวบอ้วนของนาง จึงดูเหมือนจานสีหนัก ๆ ที่เดินได้
พระชายาผิงหยางไม่ได้สังเกตสิ่งนี้เลยแม้แต่น้อย เดินเข้ามาถึงก็พูดขึ้นอย่างดุร้าย
“หลิงอวี๋ เจ้าบอกมาตรง ๆ เถอะว่า เจ้าให้เงินแม่นมเว่ย ขันทีเซี่ยแล้วก็ราชวงครักษ์ผางไปเท่าใด! พวกเขาถึงได้ปล่อยให้เจ้าเข้ามา?”
หลิงอวี๋หมดคำพูด มองเครื่องประดับเงินทองเต็มหัวของนาง หัวของนางนี่คงเอาไว้ติดเครื่องประดับสินะ?
ไม่คิดบ้างเลยว่า ต่อให้นางจะมีความสามารถแค่ไหน แล้วจะสามารถติดสินบนคนสามคนที่มีตำแหน่งสำคัญในวังพร้อมกันได้หรือ?
นางมีความคิดเช่นนั้น แต่ก็ไม่ได้พูดโพล่งออกไป แล้วเอ่ยเสียงเบา
“ใช่ ข้าไปกู้เงินสองแสนเพื่อติดสินบนพวกเขา พวกเจ้าอย่าไปบอกใครนะ!”
“หากพวกเจ้าพูดออกไป ข้าจะต้องโดนไล่ออกไปเป็นแน่!”
พระชายาผิงหยาง เสิ่นจวนและเจิงจื่ออวี้ต่างก็สบตากันแล้วลอบยิ้ม เข้าใจกันโดยไม่ต้องเอ่ยอะไร
“มิพูดหรอก ทุกคนล้วนเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันทั้งนั้น จะไปเปิดโปงเจ้าได้เยี่ยงไรกันเล่า!”
พี่น้องที่ดีต่อกัน? ข้าเชื่อเจ้าก็บ้าแล้ว!
หากพวกเจ้าไม่เปิดโปงข้าวันนี้ ข้าจะยอมใช้แซ่พวกเจ้าเลย!
หลิงอวี๋สาปแช่งในใจ แต่ภายนอกแสร้งทำเป็นขอบคุณ "เช่นนั้นก็ดีเลย! มันยากสำหรับข้าที่จะได้เข้าร่วมงานฉลองวันพระราชสมภพ หากได้เข้าร่วมสักครั้งต่อให้ตายมันก็คุ้มค่าแล้ว!"
ทั้งสามคนมองหน้ากันอีกครั้ง ใบหน้ามีแต่ความดูถูก พวกนกกาก็เป็นนกกาวันยังค่ำ!
อีกประเดี๋ยวจะให้เจ้าได้ตายตาหลับ!
พระชายาผิงหยางหมุนตัวโอ้อวดต่อหน้าหลิงอวี๋ แล้วยิ้มอย่างมีชัย "ดูตัวข้าผู้เป็นพระชายาสิ งดงามยิ่งใช่หรือไม่!"
นางมองชุดคลุมบนตัวของหลิงอวี๋อย่างดูถูก พลางเอ่ยเยาะเย้ย
“วันนี้เป็นงานฉลองวันพระราชสมภพไทเฮา เจ้าไม่ซื้อชุดใหม่ให้ตัวเองหรือ? ชุดคลุมนี้ไม่ใช่ว่าเคยใส่แล้วตอนที่พบเจ้าครั้งที่แล้วหรอกหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...