จักรพรรดิอู่อันชะงักงันเหมือนกัน ทอดมองท่านอดีตเสนาบดีด้วยความเหลือจะเชื่อ
เขาเลี้ยงหลานสาวที่ไม่รู้จักอายเช่นนี้ ตนก็ไม่ได้ตำหนิกล่าวโทษเขาด้วยซ้ำ แต่เขายังกล้าขอความเมตตาต่อตนอีกหรือ?
ท่านอดีตเสนาบดีหนวดเคราสั่นระริกพลางถลกเสื้อคลุมขึ้น ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว ก่อนจะคุกเข่าลงโดยไม่กล่าวสิ่งใดอีก
จักรพรรดิอู่อันหลับตาลง จากนั้นความขึ้งโกรธก็พุ่งทะยานขึ้น
ท่านอดีตเสนาบดีใช้การกระทำเช่นนี้มาทักท้วงอย่างเรียบนิ่งว่าตนจะประหารหลิงอวี๋โดยไม่แยกแยะถูกผิด แสดงว่าเขาไม่ยอมแพ้งั้นหรือ?
ชายชราโง่เขลาผู้นี้คิดว่าตนมีคุณความดีหลายส่วน เพราะถูกตนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญน่ะหรือ จึงขวัญกล้าข่มขู่ตนงั้นสิ?
จักรพรรดิอู่อันมีความคิดนับไม่ถ้วนแล่นเข้ามาในหัวสมองฉับพลัน ทันใดนั้นภายในใจก็เกิดความปรารถนาที่จะประหารเขา…
เส้นโลหิตดำบนหน้าผากจักรพรรดิเต้นตุบ ๆ ขณะกำลังครุ่นคิดหาข้ออ้างบางอย่างมาประหารไอ้แก่ไร้สมองนี้เสีย!
ไม่มีผู้ใดในใต้หล้าเข้าใจบุตรชายตนได้ดีไปกว่ามารดา!
ไทเฮาเห็นสีหน้าอารมณ์ของจักรพรรดิอู่อันก็คาดเดาความคิดเขาได้ทันที นางขมวดหัวคิ้วมุ่นพลางยกมือจับเขาเอาไว้ กล่าวเสียงแผ่ว
“ยามนี้นายพลทหารขาดแคลนนัก แม้สี่แคว้นจะพักรบชั่วคราว แต่ในขณะเดียวถ้าเกิดสงครามขึ้นก็ยังต้องการนายพลมากความสามารถอย่างท่านอดีตเสนาบดี! ฝ่าบาท โปรดระวังด้วย!”
เมื่อจักรพรรดิอู่อันได้ยินวาจานี้ ก็ระงับแรงจิตสังหารลงพลางมองค้อนท่านอดีตเสนาบดีอย่างโหดเหี้ยม
เขาเพิ่งอ้าปาก และยังไม่ได้กล่าวอนุญาตให้หลิงอวี๋ชี้แจงข้อเท็จจริง
ท่านอดีตเสนาบดีผู้ซึ่งอาศัยการก่อตั้งประเทศ ได้โอ้อวดแสนยานุภาพต่อหน้าตนมานานหลายปี ทำให้จักรพรรดิอยากจะฆ่าเขามาตั้งนานแล้ว!
แต่เสด็จแม่กล่าวได้ถูกต้อง ปัจจุบันนี้นายพลทหารขาดแคลนนัก หากฆ่าท่านอดีตเสนาบดีแล้วในกรณีที่เกิดสงคราม เขาก็คงไม่มีแม่ทัพใหญ่มากความสามารถอยู่ในเงื้อมมือแล้ว!
ถ้าทนเรื่องเล็กมิได้ มันจะเสียเรื่องใหญ่!
ไทเฮามองดูจักรพรรดิอู่อันอึดอัดใจ จึงกล่าวคำพลางยิ้มละมุนละม่อม “พอแล้ว วันนี้คือวันพระราชสมภพของตัวข้าผู้เป็นไทเฮา เป็นวันมงคล! เลี่ยงการนองเลือดเถอะ!”
“ฝ่าบาท หลิงอวี๋ได้รับการเชื้อเชิญจากตัวข้าผู้เป็นไทเฮา โปรดท่านเห็นแก่เกียรติข้า อนุญาตให้หลิงอวี๋ชี้แจงข้อเท็จจริงของตนด้วยเถิดเพคะ!”
“หากพิสูจน์ได้ว่า เด็กคนนั้นมิใช่ลูกขององค์ชายสี่ก็ส่งให้สำนักกิจการราชวงศ์ตัดสินความเถิด!”
คำพูดคราวนี้ทำให้สีหน้าจักรพรรดิอู่อันผ่อนคลายลงเล็กน้อย ส่งไปสำนักกิจการราชวงศ์ นั่นมิใช่ว่าตนยังอยากฆ่าก็ฆ่าได้อยู่รึ!
เขาถลึงตามองท่านอดีตเสนาบดีด้วยความเหี้ยมเกรียมพลางกล่าวเย็นชาว่า “ได้ เอาตามความเห็นของเสด็จแม่ให้หลิงอวี๋กลับมาชี้แจงข้อเท็จจริง...”
ฉินรั่วซือ เสิ่นจวน ชายาผิงหยางและผู้คนที่โหวกเหวกอย่างดุเดือดเมื่อครู่ต่างพากันค่อนข้างรู้สึกผิดหวัง แต่เป็นไทเฮากล่าว พวกนางจึงมิกล้าซักถามความ
ทำเพียงแค่คิดคับแค้น คอยดูว่าครานี้หลิงอวี๋จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์อย่างไร!
หลิงอวี๋ยังอยู่ข้างนอกก็พลันได้ยินเสียงแผดร้องเกรี้ยวโกรธของท่านอดีตเสนาบดี ก่อนจะถูกลากกลับมา ครั้นแล้วก็พบว่า ท่านอดีตเสนาบดีกำลังคุกเข่าอยู่ข้างล่างแท่น
รอบดวงตาของนางเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำตา แท้จริงแล้วผู้ที่รักนางที่สุดบนแดนดินนี้คือ ท่านอดีตเสนาบดี!
นางมีดีอะไร คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับการปกป้องจากท่านปู่ของนางเพียงนี้!
เพื่อนางคนที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่เช่นนี้ ทำให้ตนเองต้องคุกเข่ากล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม!
จงรู้ไว้ว่า ท่านอดีตเสนาบดีบุกยึดอาณาจักรเพื่ออดีตจักรพรรดิได้ นั่นเป็นคุณงามความดีที่หยั่งรากลึก!
เขาได้รับความโปรดปรานยิ่งยวดในเวลานั้น ครั้นพบหน้าพระองค์ก็ไม่ต้องคุกเข่า!
กระทั่งจักรพรรดิอู่อันองค์ปัจจุบันก็ต้องปฏิบัติตามความประสงค์ของอดีตจักรพรรดิ อนุญาตให้ท่านอดีตเสนาบดีเมื่อพบหน้าก็ไม่ต้องคุกเข่า!
เกียรติอันสูงส่งนี้คงอยู่มาถึงปัจจุบัน ต่อเนื่องมายี่สิบกว่าปีแล้ว ในบรรดาบุ๋นบู๊(1)แห่งราชสำนักทั้งหมดมีเขาเพียงคนเดียว!
อย่างไรเสียความรักอันลึกซึ้งดั่งขุนเขาเช่นนี้ หลิงอวี๋กลับไม่รู้จะทะนุถนอมไว้อย่างไร ตลอดสี่ปีเต็มก็ไม่เคยไปเยี่ยมท่านเลยด้วยซ้ำ!
หัวใจกระตุกชั่วขณะที่ต้องเห็นคนชรามากล้ำกลืนความไม่เป็นธรรมอย่างนี้เพื่อนาง ทำให้หลิงอวี๋รู้สึกเจ็บปวดใจต่อท่านอดีตเสนาบดีนัก!
ไทเฮาเป็นคนมีอายุและอ่อนไหว ครั้นวัยเยาว์นางเคยตกทุกข์ได้ยากกับท่านอดีตเสนาบดีร่วมกันมา
เมื่อนางเห็นสหายเก่าของตนคุกเข่าเพื่อหลิงอวี๋ก็รู้สึกปวดใจต่อท่านอดีตเสนาบดีด้วยเช่นกัน
ไทเฮากวาดตามองไปทั่วลาน โดยถือโอกาสมองหน้าของหลิงเสียงเซิงบิดาของหลิงอวี๋ ก่อนสายตาจะตกสู่ร่างของหลิงอวี๋ กล่าววาจาพกความเห็นอกเห็นใจว่า
“หลิงอวี๋ ท่านอดีตเสนาบดีขอโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงแก่เจ้า! เจ้ารักษามันไว้ให้ดีเถิด!”
เมื่อครู่หลิงอวี๋คงถูกตัดหัวไปแล้วหากไทเฮาไม่กล่าวสิ่งใด นางคิดฉวยโอกาสนี้ทดสอบหลิงอวี๋!
ไฉนเลยจะคิดว่า หลิงอวี๋พอตกอยู่ในความลำบาก นอกจากท่านอดีตเสนาบดีแล้วก็มิมีผู้ใดคิดช่วยนางแม้แต่คนเดียว!
สาวน้อยผู้นี้ดูมีจิตใจดี แต่กลับตกอยู่ในสถานภาพที่ทุกคนหมางเมินและโดดเดี่ยวได้เยี่ยงไรกัน?
“ขอขอบพระทัยไทเฮาและฝ่าบาทเพคะ… ขอบพระคุณท่านปู่ที่มอบโอกาสแก่หลิงอวี๋!”
หลิงอวี๋ดึงหลิงเยว่คุกเข่าลงพลางกล่าวเสียงทุ้มต่ำ “ตั้งแต่วัยเยาว์หลิงอวี๋ได้รับการอบรมสั่งสอนจากท่านปู่ มิใช่สตรีใจง่ายเด็ดขาดเพคะ!”
“เจ้าพูดว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่งั้นรึ! ท่านอดีตเสนาบดีก็ไม่ได้ติดตามเจ้าตลอดเวลา เขาจะรู้ได้เยี่ยงไรว่าเจ้าทำสิ่งใดบ้างอยู่ข้างนอก!”
ชายาผิงหยางกล่าวคำถากถางอย่างไม่ยินยอม
“ถูกต้อง ถ้าเจ้าไม่ใช่สตรีใจง่าย เจ้าจะคิดร้ายต่อพี่หลินเทียนของข้าในปีนั้นได้เยี่ยงไร?” เสิ่นจวนตอกกลับอย่างไม่ยินยอม
(1) บุ๋นบู๊ (文武) บุ๋น คือ ขุนนางที่ทำงานด้านเอกสารต่าง ๆ บู๊ คือ นักรบที่ใช้วิทยายุทธและพละกำลังในปกป้องบ้านเมือง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอหญิงทะลุห้วงเวลา
ลุ้นจะหนียังไง...
หงุดหงิด กับเด็กนรกก...
อ๋องอี้กับชิวเหวินซวงเหมาะสมกันมาก เหมือนผีเน่ากับโลงผุเลย คนนึงเป็นอ๋องใจบอด อีกคนมักใหญ่ใฝ่สูง เล่เหลี่ยมมากมาย...
ถ้านางเอกกับลูกยอมรับอ๋องอี้ในที่สุดคือไม่เข้าท่าเลยนะ...
จะได้เปิดโรงหมอแล้ว เย่ๆๆๆ...
อ๋องอี้ก็ยังโง่ให้คนอื่นจูงจมูกง่ายๆเหมือนเดิม...
ต่อให้ไม่ใช่ลูกเห็นเด็กเล็กโดนขนาดนั้นก็ต้องรู้สึกอะไรบ้างไหม แต่นี่คือจิตใจอำมหิตมากกกก...
ในที่สุดควสมจริงก็เปิดเผยสักที แล้วทุกคนจะรับผิดชอบที่รักแกเยวี่ยเยวี่ยกับหลิงอวี่อย่างไรล่ะ...
อ๋องอี้ก็เฮงซวย ฮ่องเต้ก็ถูกจูงจมูกง่ายๆ หวังว่านางเอกกับลูกจะรอด แล้วทำให้พ่อกับปู่รู้ว่าตัวเองชั่วช้าคิดฆ่าลูกกับหลานแท้ๆได้ลงคอ หรือยัยน้องกับลูกต้องถูกทรมานเจียนตายจนใกล้ตอนจบเลยหรือเปล่า ส่วนไทเฮานั้นถ้าน้องรอดชีวิตไปได้ก็อย่าได้พบหญิงชรานางนี้อีกเลย...
อ๋องอี้คือผัวสารเลวสุดแสนเฮงซวยที่สุดแล้ว ต่อไปข้างหน้า ถ้านางเอกมารักกับผัวเฮงซวยแทนที่จะเลิกรากันไปนี่คือ เธอช่างใจกว้างไปละ...