ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 115

บทที่ 115 เจ้าเป็นใครกันแน่

เมื่อมาถึงด้านนอกของพระตำหนักจรุงจิต อันหลิงหยุนก็ไปหากงชิงวี่ สวีกงกงรีบมาบอกอันหลิงหยุนว่า เขากำลังรออยู่ที่วิหารบรรทมรอง นางจึงไปหากงชิงวี่ที่วิหารบรรทมรอง

เมื่อมาถึงวิหารบรรทมรอง อันหลิงหยุนเห็นกงชิงวี่กำลังวาดภาพอยู่ จึงเข้าไปดู เป็นภาพวาดวิวทิวทัศน์ของภูเขาและแม่น้ำขนาดใหญ่ภาพหนึ่ง

อันหลิงหยุนเองก็เคยเรียนเกี่ยวกับภาพวาดจีนแบบดั้งเดิมมาก่อน จึงค่อนข้างที่จะมีความรู้เกี่ยวกับการวาดภาพ เมื่อเห็นถาพที่กงชิงวี่วาด อันหลิงหยุนก็นึกคำออกเพียงแค่สี่คำ วิญญาณแรงกล้า!

ขณะที่กำลังยืนนิ่งมองดูภาพวาดอยู่นั้น กงชิงวี่ก็ยื่นพู่กันที่อยู่ในมือให้แก่อันหลิงหยุน แล้วพูดแบบผ่านๆว่า: “เจ้าช่วยเขียนตัวอักษรให้ข้าสักสองสามตัวสิ”

อันหลิงหยุนมองพู่กันเล่มนั้น คิดอยู่สักครู่แล้วจึงยื่นมือไป แล้วเขียนตัวอักษรสองสามคำไว้ใต้ภาพ

ใต้หล้างดงาม!

เมื่อกงชิงวี่เห็นคำที่ดูคมคายเหล่านั้น ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา: “ข้าดูถูกเจ้าเกินไปจริงๆ”

“อ่อ?”

อันหลิงหยุนแสร้งทำเป็นไม่รู้ แล้ววางพู่กันลงที่เดิม แต่กงชิงวี่กลับถามว่า: “เจ้าเป็นใครกันแน่?”

อันหลิงหยุนผงะไปชั่วครู่ แล้วมองกงชิงวี่ด้วยความประหลาดใจ กงชิงวี่มองนางแล้วหัวเราะ: “ข้าคิดว่าเจ้าจะมองการหยั่งเชิงของข้าไม่ออก ดูๆไปแล้วกลายเป็นข้าที่คำนวณผิดไป”

“ท่านอ๋องอยากให้หม่อมฉันเขียนตัวอักษรบนภาพ ถ้าหากท่านอ๋องทรงบอกหม่อมฉัน หม่อมฉันก็จะเขียนตามความต้องการของท่านอ๋อง”

อันหลิงหยุนหยิบพู่กันขึ้นมา เตรียมตัวที่จะเขียนตัวอักษร

“ข้าคิดว่า ข้าเองก็เคยเห็นพราะชายามาก่อน ทัศนคติเช่นนั้น ท่าทางเช่นนั้น มารยาทเช่นนั้น ลายมือเช่นนั้น ความเศร้าโศกที่อยู่บนตัวอักษรนั้น ไม่ว่าจะจงใจแค่ไหน ก็ไม่เหมือนพยายามทำออกมา แต่นี่ยังเป็นเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น แต่ที่อยู่ลึกเข้าไปจริงๆก็คือความคิดที่รอบคอบและชาญฉลาด” กงชิงวี่กระซิบ

อันหลิงหยุนรู้สึกตื่นเต้น ถูกถามจนพูดอะไรไม่ออก

กงชิงวี่ยังไม่คิดที่จะหยุด พูดต่ออย่างละเอียด: “ที่สำคัญคือ ความลึกซึ้งในดวงตานั้น ที่ข้าคิดไปคิดมาก็รู้สึกกลัว ดวงตาที่สวยและดูลึกซึ้งขนาดนี้ ทำไมจึงปกปิดเอาไว้ได้ จนข้าเองก็มองไม่ออก นี่มันเรื่องอะไรกันแน่

พระชายา เจ้าไม่คิดที่จะอธิบายให้ข้าฟังหน่อยหรือ?”

อันหลิงหยุนสูดหายใจลึก คนคนนี้น่ากลัวจริงๆ แต่ละคำล้วนแทงใจ แต่กลับฟังดูเรียบเฉย เหมือนกับกำลังพูดคุยเรื่องทั่วๆไปอยู่

“ในวันแต่งงาน หม่อมฉันเป็นขนาดนั้นแล้ว ท่านอ๋องยังไม่สงสาร ช่างน่าท้อใจจริงๆ เดิมทีหม่อมฉันเองก็สับสน ในใจคิดแค่เพียงอยากอยู่กับท่านอ๋องด้วยความรัก มาวันนี้สามารถกลับใจ อยู่กันได้อย่างสงบมากขึ้น จึงคิดแค่เพียงว่าอยากจะใช้ชีวิตอยู่อย่างสบาย ส่วนเรื่องอื่นไม่เคยคิดมาก่อน”

อันหลิงหยุนพูดเบาๆอย่างอ่อนน้อม ดวงตาดำขลับของกงชิงวี่คู่นั้นลึกซึ้งดั่งทะเล กว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้นางหมดสิ้นซึ่งความกล้าหาญ

“ทักษะการเพทย์ของพระชายานั้นยอดเยี่ยม ข้าเองก็เพิ่งจะเคยเห็น” กงชิงวี่พูดขึ้นมาทันใด อันหลิงหยุนยิ่งพูดอะไรไม่ออก

“แต่ว่า......ข้าเองก็ไม่ได้สนใจว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพียงแต่......ในเมื่อพระชายาเป็นคนของข้าแล้ว ขอเพียงแค่อย่าจากข้าไปก็พอ ข้าขี้อิจฉา และขี้ระแวงมาก หากพระชายากล้ามีความคิดที่จะไปจากข้าแล้วล่ะก็ หรือทำเรื่องอะไรที่เป็นการผิดต่อข้าแล้วล่ะก็ ข้าเองก็จะไม่ทน โดยจะเริ่มจัดการจากแม่ทัพอันและคนสองร้อยกว่าคนในจวนแม่ทัพก่อน”

“ท่านนี่มัน ความแค้นระหว่างท่านกับข้า จะเอาพวกเขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทำไม?” อันหลิงหยุนรู้สึกไม่พอใจ กงชิงวี่เดินเข้าไปหาอย่างไม่แยแส ทำให้อันหลิงหยุนต้องถอยร่นไปสองก้าว

มองไปรอบๆ แล้วกงชิงวี่จึงถามขึ้นว่า: “ข้าดีหรือว่าไม่ดี?”

“......” การตอบสนองของอันหลิงหยุนเริ่มตามไม่ทันกงชิงวี่ จึงไม่ได้ตอบกลับเป็นนานสองนาน

“เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเหมือนสายน้ำ ข้าเองไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้า เจ้าเองก็อย่าพูดถึงเรื่องที่ข้าทำไม่ดีกับเจ้าอีก เจ้ากับข้าก็ไม่ได้ต่างอะไรกัน ถ้าจะว่าไป ก็เป็นเพราะนิสัยชั่วร้ายของเจ้าที่ทำให้ข้าดวงตามืดมัว มองไม่เห็นมุกเม็ดงามที่ซ่อนอยู่ภายในตัวเจ้า ส่วนเรื่องที่สุดท้ายแล้วเจ้าจะเป็นใครกันแน่นั้น ข้าเองก็ไม่ได้สนใจ แต่ถ้าหากเจ้าคิดที่จะไปจากข้าล่ะก็ ข้าจะต้องทำให้เจ้ามานั่งนึกเสียใจทีหลังอย่างแน่นอน!”

“กงชิงวี่ นี่ท่านขู่ข้าอย่างนั้นหรือ?” อันหลิงหยุนตั้งสติได้ก็รู้สึกโกรธอย่างมาก อยากจะทะเลาะกันใช่หรือไม่?

“ก็ถือว่าใช่” กงชิงวี่พูดอย่างไม่พอใจ อันหลิงหยุนเหมือนอยากจะพูดอะไร อยู่ดีๆเขาก็ยื่นมือมาดึงพู่กันออกจากมือแล้ววางลง แล้วนำภาพวาดเดินตรงไปยังกระถางจุดไฟ แล้วโยนลงไปในนั้น

ภาพวาดถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน กงชิงวี่เดินกลับมาจับมือ: “เป็นกระไรบ้าง? ฮองเฮาทรงแข็งแรงดีหรือไม่?”

กงชิงวี่เปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว อันหลิงหยุนอดไม่ได้ที่จะนับถือในการควบคุมอารมณ์ของเขา แต่ก็ขี้เกียจที่จะทะเลาะกับเขาคิดเสียว่าเขาเหมือนกับคนบ้า ที่อยู่ๆดีก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา

“แข็งแรงดีเพคะ” อันหลิงหยุนไม่รู้ว่าควรจะบอกเรื่องสับเปลี่ยนพระโอรสกับกงชิงวี่ดีหรือไม่ จึงไม่ได้พูด แล้วจึงหันหลังเดินออกจากวิหารบรรทมรอง

กงชิงวี่เดินตามมาด้านหลัง ได้ยินเขาพูดว่า: “ไม่รู้จักมารยาท ข้ายังไม่เดิน เจ้ากลับเดินออกมาแล้ว”

อันหลิงหยุนหยุดรอกงชิงวี่ จริงๆแล้วจิตใจไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัว

กงชิงวี่ดึงมือนางมา แล้วจึงกุมมือเดินออกจากประตูวังไป

ฮ่องเต้ชิงหยู่ยืนอยู่ที่ใจกลางของวัง กำลังมองลงมาจากกำแพงเมือง แล้วพูดว่า: “ช่วงนี้ดูท่าอ๋องเสียนจะอารมณ์ดี”

สวีกงกงรีบมองตามแล้วพูดว่า: “พระชายาเสียนรู้จักพูดเกลี้ยกล่อมคน ได้ยินมาว่าเป็นที่โปรดปรานของหวางฮองไทเฮาอย่างมาก ทรงตกรางวัลเป็นของมีค่าให้มากมายพ่ะย่ะค่ะ”

“อย่างนั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้น เห็นทีข้าเองไม่ตกรางวัลก็คงไม่ได้”

สวีกงกงสังเกตใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของฮ่องเต้ชิงหยู่ แล้วก้มหน้าก้มตา คาดเดาเจตนาที่แท้จริงไม่ถูก

“ฝ่าบาท หม่อมฉันละอายใจนัก”

“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ตำหนักทั้งสองมีเรื่องน่ายินดีพร้อมกัน กำลังตั้งครรภ์พระโอรสทั้งคู่ ข้าเองรู้สึกดีใจมาก จึงต้องให้ความสำคัญกับโอรสมาเป็นอันดับแรก จึงเกรงว่าจะกระทบถึงการออกว่าราชการ เช่นนี้ก็จะเป็นการละอายใจต่อความรักอันยิ่งใหญ่ของประชาชนประเทศต้าเหลียง ดังนั้น......ขอให้ติดประกาศแต่งตั้งอ๋องเสียนขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทน นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อช่วยข้าแบ่งเบาภาระบ้านเมือง”

“ฝ่าบาท การเป็นผู้สำเร็จราชการแทนนั้นจะต้องดูแลทั้งหกฝ่าย ฝ่าบาท......” สวีกงกงรู้ดีว่าไม่สามารถแทรงแซงเรื่องกิจการของรัฐได้ จึงต้องกลืนคำพูดกลับไป

ฮ่องเต้ชิงหยู่ไม่เห็นด้วย: “ไปเถอะ เขาเป็นน้องชายของข้า ข้ารู้ดีว่าอะไรเหมาะสม”

“พ่ะย่ะค่ะ”

อันหลิงหยุนยังไม่ทันถึงบ้าน ถางเหอก็มาคุกเข่าอยู่ที่ด้านนอกแล้ว พระราชโองการถูกส่งมาถึงโดยม้าเร็วเรียบร้อยแล้ว

อันหลิงหยุนลงจากรถม้า ก็เห็นถางเหอกำลังนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ในมือกำลังถือพระราชโองการรออยู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน