ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 156

บทที่ 156 การไต่สวนในยามค่ำ

เสินหยุนเจ๋ไม่ได้พูดอันใด แค่มองที่เสินหยุนชูแล้วก็เดินจากไป

เสินหยุนชูเองก็ไม่รู้จะทำกระไร ได้แต่ส่ายหน้าแล้วก็บรรทมลงไป

ถึงแม้ว่าอันหลิงหยุนจะได้ช่วยนางไว้ก็เถอะ แต่นางเองก็ไม่สามารถที่จะปล่อยเสินหยุนชูได้ เพราะว่านางนั้นเก่งเเสวยไป จึงไม่สามารถที่จะให้นางนั้นอยู่ได้

อันหลิงหยุนออกมาจากวังเฟิ่งหยี แล้วจากนั้นก็ไปยังพระตำหนักศาลบรรพชน ต่อ และด้านนอกของพระตำหนักศาลบรรพชน นั้นมีกงชิงหยินและจุนฉูฉูกำลังนั่งคุกเข่าอยู่

ทั้งสองคนนั่งอยู่อย่างนั้นมานานแล้ว อันหลิงหยุนเองก็เห็นแล้ว

ว่ามันน่ากลัวกว่าการฆ่าคน บรรยากาศในวันนั้นก็ไม่ได้ดูอบอุ่นเท่าไร เพราะมันยังมีลมเย็น ๆ คอยพัดผ่านอยู่ อิฐหินที่ปูที่พื้นนั้นจะเยือกเย็นแค่ไหน ก็ไม่อาจจะทราบได้ อีกอย่างอิฐหินเหล่านั้นก็แข็งอย่างกับอันใดดี

หากเป็นอย่างนี้ต่อไป นั่งคุกเข่าอยู่สองชั่วโมงคงไม่เป็นไร หากนั่งไปเรื่อย ๆ จนกว่าหวางฮวงไทเฮาออกมาแล้วล่ะก็ คงต้องพิการเป็นแน่

กงชิงหยินและจุนฉูฉูนั่งคุกเข่าแล้วหันหน้าเข้าไปยังพระตำหนักศาลบรรพชน เมื่ออันหลิงหยุนเดินผ่าน ก็เหลือบแลดู

เมื่อไห่กงกงมองเห็นว่าอันหลิงหยุนกำลังเดินเข้ามา จึงรีบวิ่งออกมารับ แล้วถามขึ้นว่า “พระชายาเสียน มีเรื่องดีมาหรือ”

“ใช่แล้ว รบกวนกงกงถวายรายงานต่อเสด็จแม่หน่อย แม่และลูกทั้งสองตำหนักต่างปลอดภัยดี พรที่เสด็จแม่ขอนั้นช่างศักดิ์สิทธิ์เสียจริง”

ไห่กงกงเกือบจะร้องไห้ออกมา จากนั้นก็รีบกลับเข้าไปถวายรายงาน

หวางฮวงไทเฮาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แล้วมองขึ้นไปยังป้ายลำดับที่อยู่ด้านบน และรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก “บรรพบุรุษรักษา คุ้มครอง ให้ประเทศต้าเหลียงนั้นประสบแต่ความสุข และร่มเย็นตลอดไป”

ฮั๋วไทเฟยเองก็รีบคุกเข่าคำนับ เพราะรู้สึกสบายใจขึ้นมาแล้ว

จากนั้นฮั๋วไทเฟยลุกขึ้นแล้วประคองหวางฮวงไทเฮา แล้วพูดขึ้นว่า “ท่านพี่เพคะ”

หวางฮวงไทเฮาถึงแม้จะไม่ชอบฮั๋วไทเฟย แต่ในเวลานี้กลับไม่ใส่ใจกับเรื่องในอดีตแล้ว จากนั้นก็พยักหน้า “ออกไปกันเถอะ”

“เพคะ”

และทั้งสองคนก็ได้ออกมาจากพระตำหนักศาลบรรพชน อันหลิงหยุนแสดงความเคารพ “หม่อมฉันคารวะเสด็จแม่ คารวะไทเฟย”

หวางฮวงไทเฮาพยักหน้ารับ “ลำบากเจ้าแล้ว หลิงหยุน ลุกขึ้นเถอะ”

หวางฮวงไทเฮามองไปเห็นกงชิงหยินและจุนฉูฉูที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ข้างนาง แล้วพูดขึ้นว่า “อ๋องตวนสุขภาพไม่ดีมาตั้งแต่เด็ก ลุกขึ้นเถอะ”

“หม่อมฉันขอบพระทัยเสด็จแม่ที่กรุณาเพคะ”

เมื่ออ๋องตวนลุกขึ้นแล้ว

หวางฮวงไทเฮาเห็นแก่หน้าของฮั๋วไทเฟย จึงไม่อยากจะถือสากงชิงหยิน แต่ว่าจุนฉูฉูนั้น นางคงไม่ปล่อยไปง่าย ๆ แน่

“พระชายาตวน เจ้ากับเซียวกุ้ยเฟยเป็นพี่น้องกัน อย่างนั้นเมื่อหากนางมีเรื่อง เจ้าเองก็อย่าชะล่าใจ งั้นเจ้าอยู่ที่นี่ต่อ เพื่อขอพรให้นางเถอะ”

เมื่อหวางฮวงไทเฮาพูดจบ อ๋องตวนเองจับชายผ้าสะบัดขึ้น เพื่อเตรียมตัวที่จะคุกเข่าลงขอความเมตตา ฮั๋วไทเฟยเหลือบไปเห็นเข้า จึงมองเขาด้วยสายตาที่น่ากลัว แล้วอ๋องตวนเองก็แทบไม่กล้าที่จะทำอย่างนั้น

“หม่อมฉันขอบพระทัยเสด็จแม่ที่กรุณาพ่ะย่ะค่ะ”

จุนฉูฉูคำนับด้วยการโขกหัวลงที่พื้น จากนั้นหวางฮวงไทเฮาเลยให้ฮั๋วไทเฟยประคองแล้วเดินจากไป

ทั้งสองคนเดินไป พร้อมด้วยนางกำนัลอีกมากมาย อันหลิงหยุนเองก็เดินตามออกไป

อ๋องตวนยืนอยู่ข้าง ๆ ของจุนฉูฉูอย่างนิ่ง ๆ

และหวางฮวงไทเฮาเดินไปได้สิบกว่าก้าว จึงกำชับสั่งขึ้นอีกว่า “อ๋องตวน ข้าได้เจอกับเจ้ามานานแล้ว ข้าจำได้ว่าเมื่อครั้งที่เจ้ายังเด็กนั้นเป็นเด็กที่ซื่อสัตย์มาก ตามข้ามา เดินไปเป็นเพื่อนข้าหน่อย”

อ๋องตวนจึงรีบตามไป “กระหม่อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”

อ๋องตวนเองก็ไม่รู้จะทำกระไร เมื่อเห็นจุนฉูฉูดูมีสีหน้าที่ซีดเผือด จากนั้นเขาก็ไปยังวังเฉาเฟิ่ง

ระหว่างทางฮั๋วไทเฟยเองก็ขอตัวกลับวังฮั๋วหยางอย่างสุภาพนุ่มนวล ส่วนอันหลิงหยุนและอ๋องตวนนั้นก็ได้ตามไปยังวังเฉาเฟิ่ง

เมื่อหวางฮวงไทเฮาถึงยังวังเฉาเฟิ่งแล้วก็กลับเข้าไปพักผ่อน ส่วนอันหลิงหยุนและอ๋องตวนนั้นก็ได้รออยู่ข้างนอก อ๋องตวนยืนอยู่นิ่ง ไม่ขยับ แววตาดูเหม่อลอย

ส่วนอันหลิงหยุนก็ยืนหลับอยู่ข้าง ๆ กัน

ตัวโยกไปโยกมา ทำเอาไห่กงกงเองก็รู้สึกตกใจ คนหนึ่งยืนหลับลึกอย่างไม่รู้สึกตัว หากล้มลงจะทำกระไรดี

ไห่กงกงยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างไม่วางใจ จ้องมองที่อันหลิงหยุนอย่างไม่กระพริบตา

เมื่อมองสักพัก เห็นว่าไม่เหมาะ เลยเรียกขันทีน้อยเข้ามา กระซิบบอกไป ให้ไปบอกกับอ๋องเสียนให้รีบมา หากว่าเกิดเรื่องแล้ว พวกเขาเองก็รับผิดชอบไม่ไหว

พอกงชิงวี่มาถึง อันหลิงหยุนกำลังก้มหน้าหลับอยู่พอดี

พอถึงแล้ว กงชิงวี่เลยโอบประคองนางไว้ในอ้อมอก ไห่กงกงเองก็อยากจะทำความเคารพ แต่ก็ถูกกงชิงวี่นั้นโบกมือห้ามไว้เสียก่อน

พออันหลิงหยุนรู้ว่ากงชิงวี่มาแล้ว ก็บรรทมต่ออย่างสบายใจ

กงชิงวี่เองก็อดที่จะขำไม่ได้ จึงพูดขึ้นว่า “ขนาดยืนอยู่ก็ยังสามารถหลับได้ ข้ายอมรับจริง ๆ”

อันหลิงหยุนเองก็ไม่ได้ลืมตาขึ้นดู ในตำหนักเหลือแค่กงชิงวี่และกงชิงหยินเพียงสอนคน กงชิงหยินเลยพูดขึ้น “ฉูฉูสุขภาพไม่ค่อยดี ขอร้องเสด็จแม่หน่อย ให้นางกลับไปพักผ่อนเถอะ”

“พี่สองเรื่องนี้ไม่พูดจะดีกว่า พระชายาตวนห่างจากพี่สองแค่ช่วงเวลาหนึ่งก้านธูปเอง ไปที่วังจิ่งซิ่วเถอะ เรื่องนี้มีคนรายงานแก่เสด็จแม่แล้ว และเสด็จแม่เองก็ไม่ได้กล่าวโทษใคร ซึ่งพระมหากรุณาอย่างยิ่งแล้ว และเรื่องเอาไว้แค่นี้พอ

หากไม่ปล่อยให้เป็นไปตามนี้ เกรงว่าจะไม่งาม”

เมื่อกงชิงวี่พูดแบบนี้ออกมา กงชิงหยินก็เลยหันกลับไปมอง แล้วพูดขึ้นว่า “เจ้ารู้ตั้งแต่แรก ทำไมไม่บอกเรื่องนี้แก่ฝ่าบาท”

“พี่สองรู้ได้กระไร ว่าฝ่าบาทไม่รู้เรื่องนี้” กงชิงวี่พูดขึ้นด้วยความรู้สึกที่เย็นชา

กงชิงหยินตะลึง “ฝ่าบาทรู้หรือ”

“พี่สอง ฝ่าบาทยังไงก็คือฝ่าบาท แต่กระไรเขาก็เป็นพี่ชายของพวกเรา พี่สองยังจำได้ไหม เมื่อครั้งยังเด็กที่พวกเราไม่ล่าสัตว์ที่เขาครั้งแรกนั้น พลาดกลิ้งลงมาจากเขา ซึ่งตอนนั้นก็เป็นฝ่าบาทที่อุ้มพวกเราเอาไว้ พวกเราจึงมีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้”

เมื่อกงชิงวี่พูดถึงเรื่องนี้ กงชิงหยินเลยเงียบไป

อันหลิงหยุนกลับรู้สึกแปลกใจ ยังมีเรื่องแบบนี้อีกรึ

ทั้งสองคนต่างพากันเงียบ และทั้งสามคนก็ยังคงรออยู่วังเฉาเฟิ่ง

เมื่อยังไม่มีคำบัญชาจากหวางฮวงไทเฮา ทั้งสามคนนั้นก็ไม่กล้าที่จะกลับ พวกเขาจึงรออยู่ที่นั่นสามวันเต็ม ๆ ยืนอยู่อย่างนั้นทั้งสามวัน

ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ที่มีความดีความชอบ แต่อันหลิงหยุนนั้นก็มีเลือดเนื้อ อยู่อย่างนั้นทั้งสามวันไม่ได้เสวยอันใด ใบหน้าก็ดูตอบลง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน