ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 160

บทที่ 160 เกิดเรื่องกับหยุนโล๋ชวน

แม่ทัพอันเลยสั่งการให้คนใช้จัดเตรียมพระกระยาหารและเหล้าไว้ แต่แม่ทัพอันนั้นได้ออกจากจวนไปตั้งแต่แรกแล้ว

เมื่อแม่ทัพอันเห็นกงชิงหยินเข้ารู้สึกโกรธอย่างบอกไม่ถูก

หากตัวเองอยู่ที่นี่เดี๋ยวเก็บอารมณ์ไม่อยู่ จึงออกไปข้างเสียเลย

ทั้งสี่คนเสวยข้าวด้วยกัน แต่อันหลิงหยุนนั้นจะเลือกเสวยเป็นพิเศษ เพราะว่าชินแล้วกับการเลือกสิ่งของที่จะมาบำรุง และในแต่ละวันที่เสวยนั้น นางก็มักจะเลือกเสวย อีกอย่างฝีมือของพ่อครัวของจวนอ๋องเสียนนั่นดีกว่าจวนแม่ทัพเป็นไหน ๆ จึงทำให้อันหลิงหยุนชอบเสวยกับข้าวของจวนอ๋องเสียนเป็นพิเศษ

แต่หยุนโล๋ชวน เสวยอย่างจุใจ แถมยังเสวยได้เยอะอีกด้วย เหมือนกับว่าไม่เคยเสวยมาก่อนกระไรอันหลิงหยุนเสวยไปแล้วก็ดูหยุนโล๋ชวนเสวย “พระชายารองหยุน จริงหรือที่จวนอ๋องตวนนั้นไม่มีเนื้อให้เสวย”

หยุนโล๋ชวนแทบจะไม่เสวยผักอยู่แล้ว นางชอบเสวยเฉพาะเนื้อ

เพราะนางเกิดให้ครอบครัวทหาร ซึ่งปกติแล้วคงจะไม่ขาดเนื้อแน่บรรทม เมื่อดูสภาพของนางในตอนนี้ เหมือนกับคนที่ไม่เคยเสวยข้าวอิ่มมาก่อน

หยุนโล๋ชวนเสวยเนื้อ แล้วพูดขึ้นว่า “พระชายาเสียนยังไม่รู้ ตั้งแต่ที่แต่งเข้าไป สามวันแรกได้เสวยเนื้อก็จริงอยู่ ก็ไม่รู้ว่านั้นจัดเตรียมไว้ให้อ๋องตวนหรือเปล่า พอเขาไม่อยู่พระกระยาหารทั้งหลายก็จะมีแต่ผัก ”

ตอนแรกข้าก็ได้เสวยดีอยู่ดี แต่เมื่อเข้าพิธีเสกสมรสแล้ว ก็ไม่ปรากฏพระกระยาหารที่มีเนื้อเลย

ซึ่งปกติแล้วท่านอ๋องก็ไม่ไปค้างที่เรือนของข้ารึก จึงไม่ได้เสวยพระกระยาหารที่มีเนื้อเลย พอเมื่อเขามา ข้าถึงจะได้เสวย

ข้าเองก็ถามพ่อบ้านนะ พ่อบ้านบอกว่านี่มันคือกฎของจวนนี้ มีแค่ท่านอ๋องเท่านั้นที่จะสามารถเสวยเนื้อได้

“เจ้าพูดอันใดของเจ้า”

สีหน้าของกงชิงหยินดูแย่ลง ตอนแรกเขาก็ไม่เชื่อในคำพูดของหยุนโลชวน แต่เมื่อได้สัมผัสกับนางเยอะขึ้น จึงพอได้รู้ ว่านางนั้นไม่ได้โกหก

นางชอบเสวยเนื้อแบบนี้ แต่กลับผอมลงมาก กงชิงหยินเลยเข้าใจแล้วว่ามันเกิดอันใดขึ้น

ในเวลานี้นางบอกว่า เป็นพ่อบ้านที่เป็นคนพูดอย่างนั้น กงชิงหยินเลยรู้สึกโกรธ

หยุนโล๋ชวนมอง แล้วพูดขึ้น “ท่านจะโมโหขนาดนี้ทำไมกัน ท่านก็ไม่เห็นต้องรับผิดชอบเรื่องสำคัญ ๆ อันใด ไม่เหมือนกับอ๋องเสียนที่เป็นถึงผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ มีเสวยไม่เท่าพวกเขาซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติออก”

“……”อันหลิงหยุนจึงรู้สึกเศร้า ๆ จวนอ๋องตวนควรจะมีสมบัติมากกว่าพวกเขาสิถึงจะใช่

กงชิงหยินลุกขึ้น “กลับเถอะ ข้าเสวยอิ่มแล้ว”

หยุนโล๋ชวนมองกงชิงหยินด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไร ลุกขึ้น แล้วเช็ดปาก มองยังไก่อบน้ำผึ้งที่วางอยู่บนโต๊ะพระกระยาหารด้วยสายตาและท่าทางทียังเสียดายอยู่ จากนั้นนางก็เดินตามออกไป

เมื่อทั้งสองคนนั้นกลับไป อันหลิงหยุนเลยรู้สึกหายใจคล่องขึ้นหน่อย “ไปได้เสียที”

“ใช่ หลิงหยุน วันนี้พวกเราจะกลับไหม”กงชิงวี่เห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว อีกอย่างก็รู้สึกเหนื่อยด้วย

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ประทับที่นี่ วันรุ่งค่อยเสด็จกลับ”

เมื่อกงชิงหยินพาหยุนโล๋ชวนกลับถึงจวน ก็ได้ไปหาพ่อบ้าน พอเข้าไปในประตูก็ถีบไปหนึ่งที “ไอ้บ่าวสารเลว กล้าลบหลู่เบื้องสูง เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วหรือ”

หยุนโล๋ชวนเองก็ยังงง ๆ ทำไมเขาถึงได้ดูโกรธขนาดนี้ด้วย

แต่ทว่า……

ดูไม่ออกเลยว่า อ๋องตวนนั้นเป็นคนอารมณ์ร้ายเหมือนกัน

สายตาของหยุนโล๋ชวนแฝงเอาไว้ด้วยความพอใจ แบบนี้สิถึงจะเหมือนกับผู้ชายหน่อย

พ่อบ้านตกใจคุกเข่าลงหมอบกับพื้น จากนั้นก็เอาหัวโขกที่พื้นแล้วยอมรับผิด

กงชิงหยินยืนเอามือไขว่หลังไว้ สีหน้าดุดัน แล้วพูดขึ้น “ข้ารู้ ว่าพวกเจ้าคอยรับใช้และติดตามข้ามาเป็นเวลานานแล้ว จนสามารถที่จะทำอันใดก็ตามได้ตามอำเภอใจก็ได้

ตอนแรกข้าเองก็ไม่อยากที่จะยุ่งรึก ขอเพียงแค่ไม่ได้เกิดเหตุร้ายแรงอันใด ข้านั้นก็จะไม่ถือสา

แต่ที่ทำให้ข้าคิดไม่ถึงคือ พวกเจ้าบังอาจที่ขาดตกบกพร่องเรื่องข้าวปลาพระกระยาหารของพระชายารอง

ใครใช้ให้เจ้าทำอย่างนี้ ใครเป็นนาย ใครเป็นบ่าว เจ้าแยกไม่ออกหรือกระไร”

กงชิงหยินโกรธมาก ทำเอาพ่อบ้านถึงกับพูดไม่ออก

“ข้าถามเจ้าหน่อย ใครให้เจ้าดูแลข้าวปลาพระกระยาหารของพระชายารองแบบนี้”

พ่อบ้านได้แต่โขกหัวลงที่พื้น “ท่านอ๋อง เป็นความผิดของบ่าวเอง บ่าวไม่กล้าอีกแล้ว”

กงชิงหยินจึงถีบไปอีกรอบ “ข้าว่าเจ้าคงไม่กล้าทำรึก”

พ่อบ้านบรรทมหมอบอยู่กับพื้น แล้วก็รีบคลานกลับมาโขกหัวลงที่พื้นต่อ

หยุนโล๋ชวนทนดูต่อไม่ไหว จึงได้ดึงกงชิงหยินออกมา แล้วพูดขึ้นว่า “ช่างเถอะ ข้าเองก็ยังอยู่ดี ๆ ไม่ใชหรือ ไม่ได้เป็นอันใดสักหน่อย ท่านอ๋องจะโกรธขนาดนี้ทำไม เดี๋ยวจะเสียสุขภาพเอาได้ เป็นข้าเองที่ทำไม่ถูก ข้าว่าพอแค่น้เถอะ พ่อบ้านอาจจะทำไปเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในจวน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเปลือง”

กงชิงหยินมอง แล้วครุ้นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สายตาดูเย็นลงหน่อย “เจ้านี่ช่างใจกว้างเสียจริง”

“……”หยุนโล๋ชวนเองก็ไม่รู้จะทำกระไร นอกจากทำปากยื่น “แล้วจะมีวิธีไหนล่ะ เขาอยู่ใต้ชายคานี้ ไม่ฟังคำสั่งก็ไม่ได้”

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พระชายารองต้องการที่จะเสวยอันใด ก็เตรียมสิ่งนั้นไว้ หากพระชายารองยังผอมอีกอยู่ หากคนที่จวนกั๋วกงมาหาข้า ข้าจะส่งเจ้าไปให้พวกเขา” กงชิงหยินพูดขึ้นด้วยความโกรธ

พ่อบ้านรีบรับคำสั่ง และก็ไม่กล้าจะทำเรื่องแบบนี้อีกแล้ว

กงชิงหยินเลยพาหยุนโล๋ชวนเดินจากไป

พวกเขาไปที่เรือนของหยุนโล๋ชวน ในขณะเดินไปนั้น กงชิงหยินพูดขึ้นว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากมีเรื่องอันใดให้มาหาข้า เจ้าไม่พูด ข้าไหนเลยจะรู้”

“แล้วข้าจะรู้ได้กระไรล่ะว่า ทุกคนในจวนนั้นต่างก็ได้เสวยเนื้อ ข้าเองได้เสวยแค่ผัก จนทำให้ข้าคิดว่า ท่านอ๋องไม่มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบเลยไม่ได้เงินเดือนเสียอีก” หยุนโล๋ชวนเองก็ไม่รู้จักทำกระไร ก็เลยนึกว่าตัวเองนั้นแต่งกับคนจนเสียอีก ที่จริงแล้วเป็นพวกบ่าวนั้นคอยกลั้นแกล้งนี่เอง

กงชิงหยินรู้สึกโกรธไม่เบา “ข้าเองไม่ใช่ไม่มีภาระงาน แต่เป็นเพราะไม่อยากที่จะทำมากกว่า”

“ทำไมล่ะ เป็นลูกผู้ชาย ต่อให้ไม่ได้ตอบแทนบุญคุณประเทศชาติ แต่ก็ต้องเลี้ยงดูคนในครอบครัวไม่ใช่หรือ หรือว่าท่านอ๋องไม่รู้หลักการนี้” หยุนโล๋ชวนยิ่งพูดยิ่งทำให้เข้าโกรธ โกรธจนกงชิงหยินมีสีหน้าที่ซีดไป

นางเป็นแค่เด็กผู้หญิง พูดกับนางมากไป นางก็ไม่เข้าใจรึก

กงชิงหยินเองอยากจะอบรมนางสักหน่อย แต่ดูสภาพแล้ว เลยปล่อยไปก่อนดีกว่า

หยุนโล๋ชวนกลับถึงเรือนแล้ว จึงรีบทำท่าทางแสดงความเคารพ และมีสีหน้าที่ดูสนิทสนม จากนั้นนางก็พูดขึ้น “ท่านอ๋อง ข้ายังมีเรื่องที่ต้องทำ เชิญท่านอ๋องกลับไปก่อนเถอะ”

เพราะรู้ว่ากงชิงหยินไม่ชอบที่จะมายังเรือนของนาง หยุนโล๋ชวนเองก็ไม่อยากจะบังคับ ทำท่าทางทำความเคารพเพื่อบอกให้เขากลับไป

กงชิงหยินดูภายในเรือน อาวุธสงครามมีหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ดาบ ธนู และกระบอง เมื่อเห็นดังนั้นแล้วก็ไม่ชอบ หันหลังกลับแล้วเดินจากไป

เมื่อกลับไปถึงยังเรือนของจุนฉูฉู กงชิงหยินจึงหยุดสักพัก จากนั้นค่อยเข้าไปหาจุนฉูฉู

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน