ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 220

บทที่ 220 ไปตามหาคน

หวางฮองไทเฮามือกุมหัวเก้าอี้หงส์ “ข้ามิเคยทำเรื่องแบบนั้น แต่ว่าเรื่องของอ๋องเสียนไปยั่วโมโหองค์หญิงใหญ่ เรื่องนี้คงต้องไปถามอ๋องเสียน

ถ้าเกิดเขาเกิดเรื่องนอกเขตต้าจงเจิ้งย่วน ก็คงจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป พอเกิดเรื่องขึ้นที่เขตต้าจงเจิ้งย่วน นั่นเป็นพื้นที่ขององค์หญิงใหญ่ นางจึงมิสนว่าเป็นใคร?”

หวางฮองไทเฮาดูสงบไป ฮ่องเต้ชิงหยู่ลุกขึ้นแล้วเข้ามากล่าวลา “ข้าขอตัวกลับก่อน เสด็จแม่เองก็รีบพักผ่อนเถอะ”

ฮ่องเต้ชิงหยู่หันตัวกลับ หวางฮองไทเฮาพูดขึ้นมาว่า “เจ้ามิได้ไปหาเซียวผินนานแล้ว ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์อยู่ เจ้าควรไปดูแลนางให้มากๆ แบบนี้นางถึงจะคลอดองค์ชายที่แข็งแรงออกมาได้”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

พอฮ่องเต้ชิงหยู่ออกมาก็ไปวังสวยหัวต่อ

เสินหยุนชูเพราะมีเรื่องเกิดขึ้นที่ข้างในวัง จึงอยู่ที่พระตำหนักศาลบรรพชนตลอด ฮ่องเต้ชิงหยู่ถูกห้ามมิให้มาเจอกับฮองเฮา จึงผ่านมาหลายวันแล้วที่มิได้มาพบกับเสินหยุนซู

ข่าวแพร่กระจายในวังอย่างรวดเร็ว เสินหยุนชูถูกลงโทษให้ไปสำนึกผิดที่พระตำหนักศาลบรรพชน วันนี้ฮ่องเต้ชิงหยู่ได้ไปหาเซียวผินอีกแล้ว ที่จวนเฉินเสี้ยงเองก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตื่นตกใจ

เฉิงเสี้ยงฮูหยิงที่นั่งอยู่ในห้องได้ไอเป็นเลือดออกมา พอเปิดมือขึ้นมาดู ก็รีบเช็ดออกทันที

เสินหยุนเอ๋อพอเห็นแม่ไอเป็นเลือด ก็ตกใจจนหน้าถอดสี รีบไปตามหมอจวนมาทันที พอหมอจวนมาถึง เฉิงเสี้ยงฮูหยิงก็สลบอยู่บนโต๊ะ

หมอจวนวินิจฉัยว่า มิมีทางช่วยได้แล้ว

“เป็นความจริงที่ฮูหยิงหัวใจมิแข็งแรง แต่ฮูหยิงเองยังมีวัณโรคอีก เกรงว่าคงจะมิไหวแล้ว”

หมอจวนรีบคุกเข่าลงไป เสินหยุนเอ๋อโกรธจนเตะเข้าไปหนึ่งที “ไป ไสหัวไปให้พ้น!”

เสินเฉิงเสี้ยงที่อยู่ข้างนอกรีบร้อนเข้ามา ตำหนิเสินหยุนเอ๋อเสร็จก็รีบเดินเข้าไป หยุดอยู่ตรงหน้าของเสินฮูหยิน “ฮูหยิน เจ้าอย่าเพิ่งทิ้งข้าไปนะ”

เสินฮูหยินปิดตาสนิทมิยอมลืมตาขึ้นมา ตระกูลเสินแทบจะหมดลมหายใจแล้ว

เสินเฉิงเสี้ยงพอเห็นเสินฮูหยินเป็นแบบนี้ จึงเรียกคนให้ไปต้มยา แล้วก็ไล่คนออกไปให้หมด จากนั้นก็นั่งลงกุมมือของเสินฮูหยินเอาไว้

“ฮูหยิน เจ้ารู้สึกยังอันใดบ้าง?”

“นายท่าน ข้าเกรงว่าคงจะมิไหวแล้ว”น้ำตาของเสินฮูหยินไหลออกมาอย่างช่วยมิได้

เสินเฉิงเสี้ยงพูด “เด็กยังมิได้คลอดออกมาเลย ถ้าเกิดคลอดออกมาเป็นลูกชาย อย่างนั้นก็ยังมีความหวังเหลืออยู่”

เฉิงเสี้ยงฮูหยิงส่ายหัว “มิทันแล้ว คนมากมายขนาดนั้นบอกว่าหามิเจอแล้ว จะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ เพียงแค่มิมีใครพูดถึงก็เท่านั้นเอง

ตอนนี้ฮองไทเฮาให้ฮ่องเต้ไปหาเซียวผิน นี่มันชัดเจนแล้วมิใช่รึ?”

“ฮูหยินมิรู้สึกว่ามันบังเอิญเเสวยไปรึ?มีนักฆ่ามาลอบสังหารพระชายาเสียน หายไปสามสิบสี่คน แล้วก็บังเอิญมีนักฆ่าสามสิบสี่คนปรากฏตัวออกมา”

เฉิงเสี้ยงฮูหยิงเบิกตาโต “เป็นฝีมือของชูเอ๋อรึ?”

เสินเฉิงเสี้ยงส่ายหัว “ข้าเองก็มิแน่ใจ”

อันหลิงหยูนพอตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็ได้ข่าวว่ามีคนยอมรับสารภาพแล้วว่าเป็นคนวางยากงชิงวี่ เป็นน้องคนเล็กสุดของอ๋องชินหรง กงชิงห้าวฉือ

ตอนแรกอันหลิงหยูนก็มิได้คิดอันใดมาก มีคนยอมรับอย่างนั้นเรื่องก็คงจะจบแล้ว

แต่พอเห็นกงชิงวี่แสดงสีหน้าที่มิค่อยดี นางจึงถามไปว่า “เจ้าเป็นอันใดน่ะ?”

“กงชิงห้าวฉือตอนนี้เพิ่งจะสิบหกขวบ เขาเกิดจากสนม ปกติชอบอ่านหนังสือ ทั้งฉลาดแล้วก็มีฝีมือ เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์

แต่ความสัมพันธ์ของเขากับอ๋องชินหรงมิได้ดีมากนัก เขาเกิดจากนางสนม นางสนมคนนี้โดนพระชายาเอกสังหารตั้งนานแล้ว ชีวิตในวังของเขามิได้ดีมากนัก

ถ้าบอกว่าเขาวางยาพิษข้าเพื่อแก้แค้นให้กับอ๋องชินหรง แล้วจะมีใครเชื่อเรื่องนี้กัน?”

อันหลิงหยุนถาม “สิบหกขวบ?”

“อืม”

กงชิงวี่เดินออกไปอย่างช้าๆ อันหลิงหยุนก็ตามเขาออกไป

อันหลิงหยุนถาม “ท่านอ๋อง จะออกไปข้างนอกรึ?”

“ไปดูเด็กคนนั้นหน่อย”

อันหลิงหยุนถาม “เจ้าเกลียดราชนิกุลมิใช่รึ?”

“นั่นมันมิเหมือนกัน มิใช่ว่าข้าจะเกลียดทุกคน ข้าเคยเจอเด็กคนนั้น”กงชิงวี่เดินอย่างรวดเร็ว เพียงมินานอันหลิงหยุนก็เจอกับเด็กคนนั้น

สิบหกขวบ หน้าตาหล่อเหลา น่าจะยอมรับผิดได้เร็ว เพราะอย่างนั้นจึงมิได้โดนทำร้าย ตามตัวมิมีแผลแม้แต่น้อย

พอถึงหน้าประตูอันหลิงหยุนถามด้วยความสงสัย “ท่านอ๋อง พวกเขาต้องการดึงจวนอ๋องเจ็ดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างนั้นรึ?”

“น่าจะหมายถึงแบบนี้ แต่ว่าท่านอาอ๋องเจ็ดเป็นน้องชายของฮ่องเต้องค์ก่อน เขามิได้ทำอันใดผิด โทษมิถึงตาย นางสนมของเขาตายไปแล้วคนหนึ่ง ลูกชายคนเล็กก็เป็นคนยอมรับสารภาพผิดเอง อย่างนั้นเขาจะไปไหนได้อีกล่ะ?

เขายังมีลูกชายอีกสามคน นางสนมสองคน แล้วก็ลูกที่เกิดจากนางสนมอีกหนึ่ง เขามิมีอันใดให้ต้องกังวล”

กงชิงวี่มองเพียงแค่ครู่เดียว ก็กะจะเดินจากไป

อันหลิงหยุนเดินตามออกไป แล้วถามว่า “ท่านอ๋องดูแค่นี้เองรึ?”

“เพียงพอแล้ว เด็กคนนั้นมิได้ยอมรับด้วยความเต็มใจ ต้องปล่อยเขาออกมา”

อันหลิงหยุนถาม “ต่อให้มิได้มาด้วยความเต็มใจ ต่อให้ออกไปได้ เขาก็เป็นคนของตระกูลราชนิกุล ต่อไปก็คงมิมีที่ให้ไป อย่างนั้นเขาจะใช่ชีวิตยังอันใดล่ะ?”

“ข้าพูดแค่ประโยคเดียว เขาก็สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้”

“......”อันหลิงหยุนพูดอันใดมิค่อยได้ ตามกงชิงวี่กลับไปที่ห้องพัก

“เจ้ามิสนเขาแล้วรึ?”เมื่อกี้ยังบอกว่าสนอยู่เลย

“หลิงหยุน เจ้าลองหาทางเข้าไปที่จวนอ๋องเจ็ดดู ข้ามิสะดวกที่จะออกไป มิว่าจะใช้วิธีไหน ก็ต้องเข้าไปที่จวนอ๋องเจ็ดเพื่อตามหาคนที่ชื่อกงชิงห้าวเริ่นให้เจอ”

“เป็นน้องชายของเด็กคนนั้นรึ?”อันหลิงหยุนเกือบจะคิดได้ว่าจะต้องมีคนบังคับกงชิงห้าวฉือแน่

กงชิงวี่พยักหน้า “อืม”

อันหลิงหยุนพยักหน้ารับ “อย่างนั้นข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

กงชิงวี่เหมือนจะนึกอันใดขึ้นมาได้จึงไปหาอันหลิงหยุน “หลิงหยุน”

“อืม”

ตอนแรกอันหลิงหยุนคิดว่ากงชิงวี่ต้องการจะสั่งอันใดเพิ่มสักอีก จึงหันกลับไปมองกงชิงวี่

เขายิ้มยังมีความสุข “เด็กคนนั้นเด็กคนนั้น เจ้าอายุเท่าไหร่กัน?”

อันหลิงหยุนรู้สึกผิดหวัง “มากกว่าท่านอ๋องก็แล้วกัน”

กงชิงวี่มีสีหน้าที่เหนือความคาดหมาย “พูดบ้าๆ”

มิสนใจกงชิงวี่อีก อันหลิงหยุนหันตัวแล้วกำลังจะเดินออกไป กงชิงวี่ค่อนข้างที่จะกังวล “รอเดี๋ยว”

“เจ้าว่ามา”

“ดูแลตัวเองให้ดีๆล่ะ อีกอย่างถ้าเกิดเจ้ามิมั่นใจ ก็ไปหาคนๆหนึ่ง”

“องค์หญิงน้อยรึ?”อันหลิงหยุนนึกขึ้นมาได้ ลองถามดูว่าตอนนี้จะมีใครเข้าออกจวนอ๋องเจ็ดได้?

“อืม”

อันหลิงหยุนตัดความคิดนี้ไป มิได้รู้จักสักหน่อย

“ข้าเข้าใจแล้ว”อันหลิงหยุนหันตัวเดินออกไป

หลังออกมาจากต้าจงเจิ้งย่วนอันหลิงหยุนก็เดินมาถึงหน้าประตูจวนอ๋องเจ็ด ยืนอยู่ข้างนอกสักพัก ก็เห็นว่ามีคนออกมาจากข้างใน

พอเห็นอันหลิงหยุนกลับเชิญนางเข้ามาข้างใน “พระชายาเสียนเชิญทางนี้ นายท่านรออยู่ข้างในแล้ว”

อันหลิงหยุนสงสัย “นายท่านของเจ้ารู้ว่าข้าจะมาที่นี่อย่างนั้นรึ?”

“มิใช่ ตอนที่พระชายามาถึงที่นี่ พอนายท่านเห็น จึงอยากจะเชิญพระชายาเข้ามาข้างใน”

คนใช้พูดด้วยความเกรงใจ อันหลิงหยุนมิเข้าใจ ทำไมต้องเกรงใจขนาดนี้ พวกเขาเป็นศัตรูนะ

“ข้าแค่เดินผ่านมา มิเข้าไปดีกว่า”อันหลิงหยุนแค่คนเดียว เข้าไปลำบาก ปฏิเสธอย่างมีมารยาทจากนั้นก็เดินจากไป

คนใช้ของจวนอ๋องเจ็ดพอเห็นอันหลิงหยุนเดินจากไปก็ยิ้มด้วยความเย็นชา รีบหันกลับไปรายงาน

อันหลิงหยุนมองจากที่ที่มิไกลมากนักอยู่พักหนึ่ง ถึงจะหันกลับไปที่จวนอ๋องเสียน กะว่ากลับไปคิดหาวิธีก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที

พอกลับถึงจวนอ๋องเสียน คนรับใช้ของจวนอ๋องเสียนยังคงเหมือนเดิม มีพ่อบ้านยืนอยู่ตรงหน้าประตู เขาออกมารอข้างนอกทุกวัน ก็เพื่อรอการกลับมาของอ๋องเสียนและพระชายา

วันนี้ในที่สุดก็รอจนนางกลับมา

พ่อบ้านพอเห็นอันหลิงหยุนน้ำตาก็ไหลออกมา รีบเดินเข้าไปอยู่ตรงหน้าของอันหลิงหยุน “พระชายา ในที่สุดท่านก็กลับมา”

พอเห็นพ่อบ้านน้ำตาท่วนใบหน้า อันหลิงหยุนจึงพูดกับเขาว่า “อายุปูนนี้แล้ว ยังจะร้องไห้อีก ท่านร้องไห้เพราะข้า หรือร้องไห้เพราะท่านอ๋อง?”

พ่อบ้านยืนอึ้งไปสักพัก รอตั้งนานกว่าจะตอบกลับไป

“.......ข้าเองก็ลืมไปแล้ว”พ่อบ้านเองก็มิรู้ว่าร้องไห้ทำไม ความจริงเขาเข้าใจดี ว่าท่านอ๋องมิเป็นอันใด มิอย่างนั้นพระชายาก็คงมิให้อาหยู่กลับมาบอกข่าว

แต่มิได้เจอท่านอ๋องกับพระชายามาโดยตลอดทำให้เกิดกลัวขึ้นมา ทุกๆวันเขาจึงทำได้แค่มารออยู่ที่หน้าประตูด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง

เขาเพียงแค่อยากจะรอ มิได้คิดอย่างอื่นอีก

แต่พอเห็นพระชายา จู่ๆก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา ทนมิไหวจนร้องไห้ออกมา

“ถ้าลืมก็หยุดร้องไห้ได้แล้ว อย่าทำตัวเหมือนกันเด็ก เจ้าร้องไห้แบบนี้ การที่ฝากจวนอ๋องให้เจ้าดูแล ข้ารู้สึกกังวลจริงๆ”อันหลิงหยุนเข้าไปยังจวนอ๋อง พ่อบ้านเช็ดคราบน้ำตาออกแล้วเดินตามเข้าไป

อันหลิงหยุนเดินไปยังลานโอวหลาน พอเข้าไปข้างในก็จัดเรียงของในห้องยาให้เรียบร้อย

พ่อบ้านจึงมารายงานว่า “พระชายา มีคนมาที่วังคนหนึ่ง ท่านถางเป็นคนพามา”

อันหลิงหยุนเหมือนจะคิดอันใดออก “แล้วอยู่ไหน?”

“อยู่ข้างนอก แต่ก็มิได้เตรียมกันอันใด บอกว่าเป็นคนของท่าน”พ่อบ้านมิค่อยแน่ใจ ช่วงนี้เขาทำงานช้าขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เทียบกับเมื่อก่อนมิได้แล้ว เรื่องภายในวังล้วนอยู่ในการตัดสินใจของพระชายา เขากลัวว่าจะหาเรื่องเข้ามา ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของเขาช้าลง

ถ้าเกิดเขาต้องการใช้บั้นปลายชีวิตเพื่ออยู่ในวัง อย่างนั้นก็ยังเก็บเอาไว้ได้อยู่

อันหลิงหยุนพูดว่า “ให้นางเข้ามาเถอะ”

“ขอรับ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน