ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 283

บทที่ 283 นางอยากฆ่าคน

ทั้งสองคุยกันตลอดทาง นี่เป็นครั้งแรก ที่อันหลิงหยุนได้พบสตรีสักคนที่เป็นแบบนี้ นางไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงสิ่งใด ๆทั้งสิ้น ก็สามารถเข้ากับคน ๆ นี้ได้อย่างสบายใจ

อันหลิงหยุนรู้ตัวดีว่า ตนไม่ใช่คนประเภทที่คบกับใครก็ได้ โดยไม่พิจารณาอะไรเลย แต่ไม่ใช่กับป๋ายสู้สู้

ป๋ายสู้สู้ยังคงต้องการคนช่วยประคองในยามขึ้น และลงจากรถม้า อันหลิงหยุนจึงลงจากรถไปก่อน อาหยู่ต้องคอยร้องบอกให้นางระมัดระวัง

อันหลิงหยุนรู้โดยธรรมชาติ ว่านางควรระมัดระวังให้มาก แต่นางอดเป็นห่วงป๋ายสู้สู้ไม่ได้

ป๋ายสู้สู้ จับข้อมือของอันหลิงหยุนขณะลงมาจากรถ ทั้งสองคนเอาแต่อยู่ในสภาพ เจ้ามองมาข้ามองไปกันอยู่อย่างนั้น อันหลิงหยุนนั้นตกตะลึง ป๋ายสู้สู้เองก็ตะลึง

ทั้งสองมองหน้ากัน ป๋ายสู้สู้ถามว่า "เจ้าตั้งครรภ์อย่างนั้นหรือ?"

“ เจ้าถูกพิษอย่างนั้นหรือ?”

การแสดงออกของทั้งสอง ช่างเหนือความคาดหมาย แต่อาหยู่ที่อยู่ห่างออกไปอีกด้าน กลับรู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่า พวกนางช่างร้ายกาจอะไรเช่นนี้

อันหลิงหยุนช่วยพยุงป๋ายสู้สู้ลงจากรถ แม้ว่าป๋ายสู้สู้ในยามนี้ ทั้งขาทั้งเท้าล้วนเดินเหินไม่สะดวก แต่ก็ไม่กล้าให้อันหลิงหยุนช่วยพยุงแล้ว กลับเกาะยึดรถม้าเป็นที่พยุงตัว เพราะกลัวว่าจะทำให้อันหลิงหยุนลำบาก

อันหลิงหยุนไม่ยอมพลาดโอกาสนี้ รีบคว้าจับข้อมือของป๋ายสู้สู้ เพื่อเริ่มการตรวจสอบวิเคราะห์อาการ นางอยากรู้ว่าป๋ายสู้สู้ถูกพิษอะไรกันแน่

พิษต้องมีแน่ๆ แต่อันหลิงหยุนตรวจหาไม่ได้ว่ามันคือพิษอะไร รู้เพียงว่าพิษได้เข้าสู่หัวใจ และไม่สามารถยับยั้งเอาไว้ได้แล้ว

“ เจ้าถูกวางยาได้อย่างไร เจ้าเป็นถึงลูกหลานสายตรงในตระกูลหมอเทวดา ไม่ควรเป็นเช่นนี้ได้แท้ๆ?” อันหลิงหยุนไม่คาดคิดว่า ที่ป๋ายสู้สู้ไม่ได้รับความรักในชีวิตที่ผ่านมา เป็นเพราะนางถูกพิษ ไม่ใช่เพราะสามีไร้ยางอายคนนั้นของนางไปเสียทั้งหมด

กลับกัน ป๋ายสู้สู้สัมผัสตรวจวัดชีพจรของอันหลิงหยุน เอ่ยช้าๆเหมือนตกอยู่ในภวังค์ว่า “ไม่ใช่เด็กเพียงคนเดียวนี่?”

“หา!?”

อันหลิงหยุนตัวแข็งไปชั่วขณะ: "เจ้าพูดอะไร?"

ป๋ายสู้สู้ยิ้มอย่างมีความสุข: "แล้วก็ไม่ใช่สองคน"

"อะไรนะ?"

ครั้งนี้อันหลิงหยุนยิ่งไม่กล้าเชื่อเข้าไปทุกทีๆแล้ว

แม้ว่านางจะไม่แน่ใจ ว่าเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง อีกทั้งเด็กก็ยังเล็กมาก แต่จะหนึ่งหรือสองหรือมากกว่านั้น นางจะไม่รู้ได้อย่างไร?

การตรวจวิเคราะห์ของนางแม่นยำเสมอมา เป็นไปไม่ได้ที่จะตรวจไม่พบว่ามีกี่คน

นอกจากนั้น ยังไม่ใช่หนึ่งหรือสอง อาจเป็นไปได้ว่ามีถึงสามหรืออาจถึงสี่?

นั่นไม่ใช่กลายเป็นแม่หมูไปแล้วหรอกหรือ!?

แต่เมื่อต้องเปรียบเทียบกัน ระหว่างเรื่องที่นางตั้งครรภ์ลูกกี่คน อันหลิงหยุนกลับรู้สึกกังวล เรื่องพิษของ ป๋ายสู้สู้มากกว่า

"บอกข้ามาว่าใครวางยาพิษเจ้า แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่ามันคือพิษชนิดใด ข้าจะช่วยแก้พิษให้เจ้าเอง จะต้องแก้ได้อย่างแน่นอน"

ป๋ายสู้สู้ส่ายหน้า: " ไม่จำเป็นแล้ว ก่อนที่ข้าจะเจอมู่มิง ข้ายังอยากจะฝืนตัวเองให้ผ่านพ้นช่วงเวลาเหล่านั้นแล้วมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ใช่เพื่อร่างกายที่ชำรุดใช้การไม่ได้นี้ของข้า แต่เพื่อให้ได้พบเจอมู่มิงสักครั้ง เพื่อขอโทษนาง ได้เอ่ยคำว่าขอโทษสักครั้งก็พอ”

“แต่เมื่อได้พบหน้ากัน จู่ๆข้าก็เกิดรู้สึกว่า คำขอโทษเพียงคำเดียวไม่อาจแก้ปัญหาอะไรได้เลย

ไม่สู้ให้ทุกอย่างมันเป็นไปเช่นนี้ รอเมื่อข้าตายจากไป ให้นางโกรธแค้นชิงชังข้าก็ดีอยู่แล้ว "

"เจ้าพูดจาเหลวไหล หากเจ้าตาย มู่มิงต้องเสียใจมากเป็นแน่ เจ้าเห็นว่าปกติแล้ว นิสัยนางออกจะโอหังถือดี เหมาะหรือที่จะห่วงใยใครสักคนถึงเพียงนั้น หากเจ้าตายไปจริงๆ แล้วนางไม่สามารถกลั้นโทสะได้ ไม่แน่ว่าอาจบุกไปหาอ๋องจวิ้นเสี้ยว เมื่อถึงเวลานั้น กลายเป็นสร้างหายนะครั้งใหญ่ เกี่ยวโยงไปถึงพ่อแม่ของนางด้วยจะทำอย่างไร?”

“เจ้าตายไป เจ้าจะสามารถตายตาหลับได้อย่างนั้นหรือ?”

"จะตายตาหลับหรือไม่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ มู่มิงพูดถูก อ๋องจวิ้นเสี้ยวไม่ใช่คนดี เขาโกหกข้า ทำร้ายข้า เดิมทีเขาก็ไม่ได้จริงใจต่อข้าอยู่แล้ว มู่มิงบอกข้าอย่างนั้นตั้งแต่แรก ข้าก็ยังไม่ยอมฟังนาง ตอนนางจากไปนางเป็นห่วงข้าเพียงใด ข้าก็รู้อยู่เต็มอก แต่ข้ากลับไม่ยอมไปส่งนาง”

“มันเป็นความผิดของข้าเอง ข้าก็ต้องอยู่ต่อไปอย่างไร้ตัวตนให้ได้"

ป๋ายสู้สู้พูดอย่างมีอารมณ์ร่วม ในดวงตามีน้ำตาคลออยู่เต็มหน่วย

อันหลิงหยุนพูดอย่างขุ่นเคือง: "อย่าพูดแบบนั้น เพื่อมู่มิงแล้ว เจ้าจะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด"

ป๋ายสู้สู้ส่ายหน้า: "ไม่ทันแล้ว ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว!"

หลังจากพูดจบ ป๋ายสู้สู้ก็เกาะรถม้าประคองตัวเดินไปยังประตูจวนอ๋องจวิ้นเสี้ยว เดินไปพลางเงยหน้าขึ้นมองไปพลาง

ตัวอักษรใหญ่สามตัวของจวนอ๋องจวิ้นเสี้ยว อยู่สูงเหนือศีรษะของนาง บีบคั้นกดดันเสียจนนางแทบไร้หนทางหายใจต่อไปได้

นางหยุดและหันกลับไปมองอันหลิงหยุน: "ขอแสดงความยินดีด้วย เจ้าได้ลูกชาย "

“เป็นลูกชาย?”

อันหลิงหยุนรู้สึกค่อนข้างเหนือความคาดหมาย นางไม่รู้ว่าทำไม นางมักจะเชื่อป๋ายสู้สู้อยู่เสมอ

"ไม่ใช่เสียทั้งหมดหรอก"

"หา!?" หากอันหลิงหยุนจะบอกว่านางไม่ตกใจ นั่นก็นับว่าโกหกแล้ว อีกทั้งถึงกับตกใจจนตะลึงค้างเลยด้วย แค่เรื่องเด็กในท้องกี่คนแน่ นางยังแก้ได้ไม่ตก นี่ถึงกับเป็นครอกเลยเชียวหรือ?

หากไม่เพราะ อันหลิงหยุนเป็นห่วงป๋ายสู้สู้แล้วล่ะก็ นางคงถึงขั้นเป็นลมล้มตึงลงเสียตรงนี้ได้เลยทีเดียว

คนอื่นเค้าคลอดลูกกัน นางเองก็คลอดลูกเหมือนเค้า แถมไม่แน่ว่า อาจคลอดออกมาได้เป็นครอกเลยด้วย

น่ากลัว ช่างน่ากลัวจริงๆ!!

การคลอดลูก เดิมทีก็เป็นเรื่องที่อันตรายถึงชีวิต แต่พูดไปผู้หญิงธรรมดาบางคน ก็อาจจะไม่ได้รู้ถึงอันตรายระหว่างคลอดเท่านั้นเอง

แต่นางเป็นหมอ นางย่อมเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ หากเรื่องแค่นี้ยังไม่รู้ นั่นคงกลายเป็นเรื่องตลกจริงๆแล้ว

อันหลิงหยุนพยายามสงบสติอารมณ์ และมองไปยังป๋ายสู้สู้: "สรุปแล้ว มันเป็นยาพิษชนิดใดกันแน่?"

ป๋ายสู้สู้จนสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร นางเพียงส่ายหน้า หมุนกายและเดินกะเผลกๆ ไปยังจวนอ๋องจวิ้นเสี้ยว

เรื่องในจวนอ๋องจวิ้นเสี้ยวนั้น อันหลิงหยุนอยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว นางก็ต้องหาหลักฐานมายืนยันให้ได้ด้วย

มือของนางไม่อาจยืดออกได้ยาวขนาดนั้น เช่นเดียวกับมู่มิง ที่ได้แต่ยืนมองป๋ายสู้สู้ในสภาพนั้นอย่างอับจนหนทาง  ไม่ใช่ว่านางไม่อยากสนใจ แต่นางไม่อาจหาหนทางช่วยเหลืออะไรได้จริงๆ

แต่ไหนแต่ไรมา บรรดาราชนิกูลล้วนไม่อาจรับมือได้โดยง่าย ก๊กกู๋ใหญ่คือใคร? ฮูหยินกั๋วจิ้วคือใคร? ยังไม่กล้าเอาตัวเข้าไปยุ่งด้วย นับประสาอะไรกับแค่นาง

จวนอ๋องจวิ้นเสี้ยวด้านหนึ่งคือจวนอ๋องหก จวนอ๋องหกใหญ่โตกว้างขวาง เขาครอบครองพื้นที่เกินครึ่งบนถนนสายนี้ แม้ว่าเขาจะไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการในราชสำนัก อีกทั้งชื่อเสียงของเขาก็ไม่ค่อยดีนัก แต่จวนอ๋องหกก็เหมือนกับจวนอ๋องอื่น ๆ ตลอดมาไม่เคยขาดแคลนเงินทอง

ไม่ต้องพูดถึงเงินที่ฝ่าบาทประทานให้ มันย่อมเป็นไปไม่ได้ ที่พวกเขาจะนั่งกินนอนกิน รอเวลาตายไปวันๆ

ราชวงศ์ไม่อนุญาตให้พวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่มีตำแหน่ง แต่ก็ไม่อาจให้พวกเขาไม่ทำมาหากินได้ มีวิธีการมากมาย เช่นเก็บค่าเช่าที่ทำนา หรือทำธุรกิจการค้าการขายก็ย่อมทำได้

ดังนั้นความกว้างใหญ่ไพศาลของจวนอ๋องหก จึงเป็นสิ่งที่คนธรรมดา ทำได้เพียงแหงนหน้ามองขึ้นไปเท่านั้น ถนนทั้งสายนี้ จวนอ๋องหกตั้งอยู่ตรงกลางในตำแหน่งที่ดีที่สุด หันหน้าไปทางพระราชวังอันทรงอำนาจสูงสุดขององค์จักรพรรดิ ทั้งสองด้านคือจวนของอ๋องชินจงและจวนของอ๋องจวิ้น เป็นตระกูลใหญ่โตมีลูกหลานมากมาย ทายาทสายตรงที่เกิดจากเมียหลวง หากนับไปก็มากกว่าห้าหรือหกคนแล้ว อ๋องจวิ้นเสี้ยวนับเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่ไม่อยู่ในสายตา

อ๋องจวิ้นเสี้ยวแห่งจวนอ๋องหก นับตามลำดับแล้วอยู่ลำดับที่สี่ เป็นอ๋องจวิ้นที่กำเนิดจากเมียหลวง

ทว่าจวนของเขาอยู่ติดกับจวนอ๋องหก ซึ่งแสดงให้เห็นว่า อ๋องหกปฏิบัติกับบุตรชายคนนี้ไม่เลวเลยทีเดียว

อันหลิงหยุนยืนอยู่ข้างนอก มองเห็นป๋ายสู้สู้เดินงกๆเงิ่นๆเข้าไป เงาแผ่นหลังอันซูบผอมบอบบางของนางเสียดแทงเข้าไปในดวงตาจนรู้สึกเจ็บปวดเหลือจะกล่าว

ในสถานที่แห่งนี้เดิมทีก็ไม่ได้มีความอบอุ่นมากนัก ผู้หญิงที่อ่อนโยนเช่นป๋ายสู้สู้ ก็เปรียบเสมือนดอกไม้ป่าที่ไร้คนให้พึ่งพาช่วยเหลือ ต้องเผชิญกับสถานการณ์ยากลำบาก อยู่ท่ามกลางสายลมสายฝนที่ยากจะทานทนได้ แต่ก็ยังเหยียบย่ำลงไปบนร่างอันซวนเซ ง่อนแง่นใกล้ตายของนางอย่างไร้ความปรานี

ไม่อาจฝืนทนได้ แต่กลับทำอะไรไม่ได้สักอย่าง อันหลิงหยุนยืนอยู่นอกรถม้า และบีบมือของตัวเองแน่น ไม่เต็มใจ ไม่ยินยอม ฝืนสะกดจิตใจอันโกรธเคืองแทบคลั่งเอาไว้!

เมื่อเห็นประตูจวนอ๋องจวิ้นเสี้ยวปิดลง อันหลิงหยุนหันกายไปมองทางอาหยู่: "ไปตรวจสอบ ตรวจสอบให้ข้าอย่างดีที่สุด ข้าไม่เชื่อ ว่าข้าจะไม่สามารถกำจัดพวกเขาได้!"

หลิงหยุนตัดสินใจปะทะกับกับอ๋องจวิ้นเสี้ยวแล้ว ไม่ใช่บอกไว้ว่าจับได้หนึ่ง ก็ให้ส่งมาตัดโค่นทิ้งหรอกหรือ เช่นนั้นนางจะตัดโค่นอ๋องจวิ้นเสี้ยวทิ้งไปเสีย

ตั้งแต่อันหลิงหยุนมาที่นี่ นางไม่เคยคิดที่จะทำร้ายใครมาก่อนเลยสักครั้งแต่วันนี้.......

นางอยากฆ่าคน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน