บทที่ 286 ป๋ายสู้สู้พบเจอชายชั่วช้าสารเลว
ระหว่างทางไปจวนอ๋องจวิ้นเสี้ยว อันหลิงหยุนได้ถามเรื่องราวบางส่วน เกี่ยวกับอ๋องจวิ้นเสี้ยว กงชิงวี่รู้มากกว่าคนธรรมดาทั่วไปจริงๆ
ก่อนหน้านี้อันหลิงหยุนเคยถามอาหยู่ และได้ฟังจากคนในจวนมาบ้าง แต่พวกเขาก็รู้เรื่องนี้แบบคลุมเครือไม่ชัดเจน ไม่ได้รู้เรื่องของอ๋องจวิ้นเสี้ยวกับป๋ายสู้สู้มากนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่ออันหลิงหยุนเอ่ยถึงเรื่องของป๋ายสู้สู้ พ่อบ้านก็จะบอกเพียงว่าตระกูลของนางเป็นพหูสูตรที่มีความรู้ลึกซึ้งและกว้างขวาง ทว่ามีเพียงไม่กี่คน ที่รู้เกี่ยวกับตัวตนของนางเหตุผลพื้นฐานก็เพราะป๋ายสู้สู้อยู่แต่ในตระกูลป๋ายมาตลอด จนกระทั่งนางได้แต่งเข้าจวนอ๋องจวิ้นเสี้ยวก่อนหน้านั้น นางไม่เป็นที่รู้จักในเมืองหลวงอีกทั้งไม่มีใครเคยได้ยินเรื่องของนางมาก่อน
หลังจากแต่งให้อ๋องจวิ้นเสี้ยวแล้ว จึงค่อยมีคนรู้เกี่ยวกับการดำรงอยู่ของป๋ายสู้สู้
สิ่งที่พ่อบ้านรู้ทั้งหมดมีเพียง ตระกูลของป๋ายสู้สู้มีความรู้ที่ลึกซึ้ง แต่งให้อ๋องจวิ้นเสี้ยว เป็นที่อิจฉาของหญิงสาวนับไม่ถ้วน ท้ายที่สุดขึ้นเป็นพระชายาอ๋องจวิ้นเสี้ยว แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป
แต่ที่กงชิงวี่พูดมานั้น ชาติกำเนิดมารดาของป๋ายสู้สู้ ก็นับว่าดีทีเดียว นางเป็นคนในยุทธภพ ตอนที่นางแต่งเข้าตระกูลป๋าย ถึงกับสร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งเมืองหลวง
เพียงแต่มารดาของป๋ายสู้สู้เป็นคนงามผู้มีชะตาอาภัพ หลังจากแต่งงานได้เพียงสามปีร่างกายของนางอ่อนแอลงทุกวัน ในวันหนึ่งจึงจากไป เหลือทิ้งไว้เพียงป๋ายสู้สู้คนเดียวอยู่ในตระกูลป๋าย
แต่ในตระกูลคนร่ำรวยใหญ่โต เป็นไปไม่ได้ที่จะมีภรรยาเพียงคนเดียว ก่อนที่มารดาของป๋ายสู้สู้จะเสียชีวิตลง ฮูหยินรองก็ได้แต่งเข้ามา ทั้งยังได้ให้กำเนิดบุตรชาย บุตรสาวให้กับบิดาของป๋ายสู้สู้บุตรสร้างความมั่นคงให้มารดา บวกกับในจวน ฮูหยินใหญ่ร่างกายอ่อนแอลงทุกวัน ฮูหยินรองจึงอยู่ในตำแหน่งที่ยึดครองอำนาจทั้งหมดไว้แต่เพียงผู้เดียว
รอจนกระทั่งมารดาของป๋ายสู้สู้จากไป ฮูหยินรอง จึงได้เริ่มเข้ามาดูแลเรื่องราวน้อยใหญ่ทั้งหลายในจวน
ป๋ายสู้สู้ตั้งแต่ยังเล็ก ก็ไม่ใด้เป็นคนที่บิดารักใคร่พอใจ จึงถูกส่งตัวไปที่จวนหลัง มอบให้แม่เฒ่าที่มีปัญหาด้านสายตาเป็นคนดูแล
พูดถึงตรงนี้ อันหลิงหยุนอดโกรธไม่ได้: "น่าโมโหนัก เห็นอยู่ชัดๆ ว่านางถูกใครบางคนทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต คิดดูดีๆ มารดาของป๋ายสู้สู้ มีฝีมือความชำนาญพิเศษล้ำเลิศ ทักษะทางการแพทย์ก็ยอดเยี่ยมแต่ตระกูลป๋ายเป็นถึงตระกูลหมอเทวดา คงใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อหลอกให้นางยอมแต่งเข้ามา หลังแต่งเข้าตระกูลแล้วจึงหลอกล่อ ล้วงเอาศาสตร์วิชาความรู้ทั้งหมดของนางไป”
“ในเวลานั้น มารดาของป๋ายสู้สู้ก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป ดังนั้นจึงต้องกำจัดทิ้งโดยเร็ว หากปล่อยไว้ เขารู้สึกว่าในอนาคต อาจมีปัญหาที่ยากจะจบลงด้วยดีตามมาได้”
“เวลาผู้ชายต้องการจะฆ่าผู้หญิงที่รักเขาสักคน ช่างเป็นเรื่องที่จัดการได้ง่ายดายอย่างมาก
ที่น่ารังเกียจที่สุดคือ หลังจากฆ่าหญิงสาวผู้น่าสงสารแล้ว ก็ส่งมอบบุตรสาวที่เขาคิดว่าเป็นส่วนเกินคนนี้
ไปให้แม่เฒ่าที่มีปัญหาทางสายตาเป็นคนเลี้ยงดู”
“หากว่าเป็นคนรับใช้ที่ดีหน่อย ก็ยังถือว่าแล้วกันไปเถอะ แต่นี่ยังถึงกับมีปัญหาทางสายตาอีก”
“ท่านอ๋อง จุดประสงค์มันคืออะไรกันเพคะ!? "
โทสะของอันหลิงหยุนปะทุออกมาถึงภายนอก เด็กอายุสามขวบคนหนึ่ง ในช่วงเวลาที่นางต้องการคนดูแลใส่ใจ กลับโยนไปให้คนรับใช้ที่มีปัญหาทางสายตา การใช้ชีวิตให้อยู่รอดต่อไป จะต้องยากลำบากสักแค่ไหนกัน?
กงชิงวี่รู้นิสัยของนางดี เป็นธรรมดาที่จะไม่กล้าไปกระตุ้นปลุกเร้านาง ดังนั้นจึงตั้งใจหลีกเลี่ยงไปไม่พูดดีกว่า กลับมาคุยเรื่องของป๋ายสู้สู้ต่อ
เวลาต่อมา ป๋ายสู้สู้กัดฟันฝืนมีชีวิตอยู่รอดจนได้ แต่ตอนนางยังเล็กก็ติดโรคประหลาดชนิดหนึ่ง ไอทุกวันไม่หยุด บางคนบอกว่าเป็นวัณโรคปอด ในขณะที่บางคนบอกว่าเป็นเพราะถูกลมเย็น นานวันเข้าจึงกลายมาเป็นดั่งที่เห็นอยู่ในตอนนี้
สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร จนกระทั่งถึงตอนที่ ป๋ายสู้สู้เริ่มเติบโตเป็นดรุณีน้อย
วันหนึ่งป๋ายสู้สู้ออกไปจ่ายตลาดกับคนรับใช้ที่มีปัญหาสายตา ได้เจอมู่มิงที่กำลังวางอำนาจบาตรใหญ่ อยู่บนถนน มู่มิงจะทะเลาะต่อยตีกับผู้คน ถูกป๋ายสู้สู้เข้าไปหยุดไว้ ป๋ายสู้สู้ยอมให้นางตี เดิมทีทั้งสองคนมองอีกฝ่ายแบบนี้ ดันกลายเป็นว่ามีคนต้องการลักพาตัวมู่มิงในวันนั้นไปเสียได้
ในเมืองหลวงเด็ก ๆ ในตระกูลใหญ่ มีแนวโน้มที่จะเรื่องได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นโจรภูเขาเหล่าผู้ร้ายบนท้องถนนทั่วทั้งยุทธภพ ก็ล้วนเกิดเรื่องขึ้นได้ทั้งสิ้น
"เฮอะ! ข้าว่าคงเป็นเพื่อนร่วมงานนั่นล่ะ" อันหลิงหยุนจินตนาการได้ไม่ยากว่า มีคนบางจำพวกเพื่อที่จะบังคับขู่เข็ญบางคน จะสรรหาวิธีการต่ำช้าบางอย่างออกมา หากเริ่มจากคนในตระกูล ก็นับว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ง่ายต่อการเจาะเข้าไปโจมตีได้
กงชิงวี่กุมมืออันหลิงหยุนไว้ ไม่ได้พูดอะไรกับนางมากนัก เพียงพูดคุยเกี่ยวกับ เรื่องป๋ายสู้สู้ต่อไปเท่านั้น
“ว่าไปแล้วเรื่องวันนั้นก็บังเอิญเสียจริง ป๋ายสู้สู้กับมู่มิงเดินบนถนนสายเดียวกัน บังเอิญคนชั่วพวกนั้นก็ออกมาจับตัวมู่มิงพอดี ป๋ายสู้สู้เห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่ดี จึงไปอยู่ข้างๆกายมู่มิง ยังบอกอีกว่านางต่างหากคือจวิ้นจู่มู่มิง ส่วนมู่มิงเป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของนางเท่านั้น”
“คนร้ายกลุ่มนั้นก็เชื่อท้ายที่สุดก็นำตัวป๋ายสู้สู้ไป
มู่มิงกลับไปหาคนมาช่วย จึงสามารถกลับไปช่วยป๋ายสู้สู้ออกมาได้
ดรุณีน้อยทั้งสองจึงกลายเป็นสหาย เป็นพี่สาวน้องสาวที่คุยกันได้ทุกเรื่องไปด้วยประการฉะนี้
ป๋ายสู้สู้จึงพอนับได้ว่า มีสถานะให้ยืนในตระกูลป๋ายขึ้นมาบ้าง หากไม่เช่นนั้น แม่เลี้ยงของนางคนนั้น คงจะปล่อยให้นางตายไปตั้งนานแล้ว”
ในส่วนของอ๋องจวิ้นเสี้ยว
อ๋องจวิ้นเสี้ยวพอจะถือว่าเป็นบุรุษรูปงามมากความสามารถ ตอนที่เขายังไม่ได้แต่งงาน มีอุปนิสัยดีน่าคบหาอย่างมาก
พวกเขาได้พบกัน เมื่อมู่มิงพาป๋ายสู้สู้ไปล่องเรือริมทะเลสาบ อ๋องจวิ้นเสี้ยวเพียงแรกเห็นป๋ายสู้สู้ ก็ถูกตาต้องใจในตัวนาง
แรกเริ่มเดิมทีป๋ายสู้สู้ก็ไม่ตกลง ที่จะแต่งให้กับอ๋องจวิ้นเสี้ยว แต่นางไม่อาจหยุดการตามตอแยไม่เลิกราของเขาได้ ในการตามตอแยครั้งหนึ่ง ป๋ายสู้สู้ก็ตอบตกลงในที่สุด
แต่เพราะเรื่องที่ตอบตกลงอ๋องจวิ้นเสี้ยว เป็นสาเหตุให้มู่มิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่นาน
“แม้ว่าข้าจะไม่ชอบมู่มิง แต่เพราะมู่มิงกับข้ามีความใกล้ชิดกันมาก ดังนั้นต่อให้ไม่มีเรื่องอะไร นางก็เป็นต้องวิ่งมาหาข้า เดิมทีเรื่องนี้นางมาพูดกับข้านานแล้ว ต้องการให้ข้าไปซัดอ๋องจวิ้นเสี้ยวให้ร่วง
แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่ผ่านมานานแล้ว และเพราะเรื่องนั้น ......
มู่มิงไม่ได้คืนดีกับป๋ายสู้สู้มาสี่ปีเต็มแล้ว
มีข่าวลือว่าพวกนางทะเลาะกันจนแตกหักไปแล้ว เป็นธรรมดาที่ข้าเอง ก็ไม่อาจไปใส่ใจเรื่องของพวกนาง
แต่ข้าจะรู้เรื่องราวในเมืองแค่เพียงเล็กน้อย เมื่อเกี่ยวกับเหล่าราชนิกูลแล้ว เป็นธรรมดาที่ต้องสืบหาข้อมูลให้กระจ่างชัดเจนจึงจะดี”
และเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ก็จะรู้อะไรขึ้นอีกมากมายเช่นกัน
“เท่าที่ข้ารู้มาทั้งหมด อ๋องจวิ้นเสี้ยวนั่น ไม่ใช่สุภาพบุรุษที่ซื่อสัตย์อะไรนัก แม้ว่าฉากหน้าเขาจะเป็นคนดีดูมีเมตตากรุณา แต่สิ่งที่เขาแอบทำอยู่ในที่ลับ ก็ล้วนเป็นเรื่องชั่วร้ายทั้งสิ้น
เขาหลอกลวงความรู้สึกของป๋ายสู้สู้ก่อน จากนั้นก็บังคับขืนใจนาง ทำให้ป๋ายสู้สู้มีเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง บีบบังคับให้นางต้องแต่งงานกับเขา”
“แต่ทว่าเรื่องนี้ มู่มิงไม่เคยรู้มาก่อน ตัวป๋ายสู้สู้เองก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้กับมู่มิงเช่นกัน
คนที่รู้ก็มีไม่มากอีกด้วย”
“หลังจากป๋ายสู้สู้แต่งเข้าตระกูลไป เป็นเพราะไม่เป็นที่รักใคร่พอใจของอ๋องจวิ้นเสี้ยว ทั้งยังทระนง หยิ่งในศักดิ์ศรี เป็นธรรมดาที่อ๋องจวิ้นเสี้ยวนั่นจะไม่ชอบนาง
ในทางกลับกัน น้องสาวคนละแม่ของนาง ไปที่จวนอ๋องจวิ้นเสี้ยวราวๆสองสามครั้ง ก็ไปมีความสัมพันธ์กับอ๋องจวิ้นเสี้ยว”
“ป๋ายสู้สู้กล้าแย่งชิงสิ่งที่เป็นของตนเอง นางจับได้ว่าพวกเขาเป็นชู้กันคาเตียง เป็นธรรมดาที่นางต้องปวดร้าวจนจิตใจแทบแตกสลาย ไม่อาจระงับโทสะไว้ได้ชั่วขณะ จึงเข้าไปทุบตีน้องสาวต่างมารดาของนาง”
“ไม่คาดคิดมาก่อนว่า อ๋องจวิ้นเสี้ยวเมื่อหมดรักนางแล้ว จึงยกเท้าถีบเข้าไปที่ท้องของนาง ถีบจนกระเทือนถึงเด็กในครรภ์ นางจึงแท้งลูกไปทั้งอย่างนั้น "
เมื่อพูดถึงตรงนี้ กงชิงวี่ก็หยุด หันมองไปยังอันหลิงหยุน กุมมือของนางเอาไว้แน่น
“ ตอนที่ข้ารู้เรื่องนี้ ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรแม้แต่น้อย อีกทั้งไม่รู้สึกเป็นทุกข์คับข้องใจใดๆ แล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่าอ๋องจวิ้นเสี้ยวมีตรงไหนไม่ถูกต้อง”
“ เมื่อพูดถึงเรื่องนี้จนถึงวันนี้ ข้ายังจำได้ว่า ทุกสิ่งที่ข้าเคยทำไว้กับหยุนหยุนในตอนนั้น มันก็ไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่เขาทำเลย "
บนใบหน้าของกงชิงวี่เริ่มปรากฏสีหน้าดูไม่ได้ขึ้นเรื่อยๆ ในใจยิ่งทวีความรู้สึกอึดอัดไม่สบาย
อันหลิงหยุนอยากหัวเราะเป็นบ้า: "ผู้ชายที่นี่ช่างแบ่งแยกความรักความชังชัดเจนเสียจริง หากว่าไม่รักแล้วก็แค่คิดหาวิธีร้อยแปดพันเก้ามาสังหารคนทิ้ง หากถ้ารักแล้ว ก็ไม่อาจบอกได้แน่ชัดว่าจะรักใคร่ทะนุถนอมพวกนางอย่างไร”
“ข้ากลับไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องอะไร เรื่องทั้งหลายของท่านอ๋องก็ยกเลิกไปให้หมดเถอะ เดิมทีข้ามักจะพูดอยู่บ่อยๆ ท่านอ๋องก็ไม่ให้ข้าพูด จนมาตอนนี้ท่านก็อย่าได้จดจำ จนเกิดเป็นความพะวงในใจไม่อาจลืมเลือนไปเลยเพคะ
ว่ากันว่าลูกชายเสเพลกลับเนื้อกลับตัวใหม่ มีค่ายิ่งกว่าทองคำ เชื่อว่าท่านอ๋องเอง ก็จะมีค่าจนแม้แต่ทองคำก็ไม่อาจแลกได้เช่นกันนะเพคะ”
เป็นอีกครั้งที่กงชิงวี่ได้รับความรู้ใหม่ๆ จากโลกอนาคตที่อันหลิงหยุนถ่ายทอดให้ ความอยากรู้อยากเห็นประหนึ่งโดนเกี่ยวติดเบ็ด ห้อยค้างกลางอากาศขึ้นมาโดยพลัน
“ลูกชายเสเพลกลับเนื้อกลับตัวใหม่มีค่ายิ่งกว่าทองคำ?”
"กลับไปข้าค่อยบอกท่านอ๋อง เรามาพูดถึงเรื่องของป๋ายสู้สู้ก่อน เช่นนั้นตามที่ท่านอ๋องพูดมา นางต้องใช้ชีวิต อย่างถูกเอารัดเอาเปรียบอยู่ในจวนอ๋องจวิ้นเสี้ยว อย่างนั้นสินะเพคะ?"
"ถูกต้อง แต่ทว่าป๋ายสู้สู้ ท้อแท้หมดกำลังใจไปนานแล้ว จนวันนี้สภาพนางจึงเป็นอย่างที่เห็น"
เมื่อกงชิงวี่พูดจบ อันหลิงหยุนก็มองไปด้านหน้า ในเวลานี้พวกเขามาถึงหน้าประตูจวนอ๋องจวิ้นเสี้ยวแล้ว
อันหลิงหยุนเอ่ยขึ้นว่า: "ท่านอ๋องหากไม่รักแล้วจึงตั้งใจกำจัดทิ้ง นั่นมันก็ยังจะพอเข้าใจได้ แต่อ๋องจวิ้นเสี้ยวคนนี้เห็นได้ชัดว่า เป็นเฉินซื่อเหม่ยแห่งยุคนี้ ก็แค่ผู้ชายต่ำช้าสารเลวตัวเป็นๆที่ทอดทิ้งลูกเมีย หากข้าไม่ได้ระบายเอาอารมณ์ชั่วร้ายนี้ออกไป เกรงว่าข้าคงต้องมีภาวะจิตใจหดหู่ ใจคอเหี่ยวแห้งไปจนตายเป็นแน่แล้ว”
"......"
กงชิงวี่ขมวดคิ้วมุ่น ดวงตาคมกริบ จ้องมองไปยังประตูหน้าจวนอ๋องจวิ้นเสี้ยว: "เช่นนั้น ข้าย่อมไม่อาจปล่อยเขาไว้ได้จริงๆแล้ว!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...