ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 288

บทที่ 288 แลกเปลี่ยนเงื่อนไข

อันหลิงหยุนถึงกับไร้คำพูดไปเลย เขาเลี้ยงไหวอยู่แล้ว แต่นางกลัวว่าท้องจะแตกไปเสียก่อนน่ะสิ!

แต่เรื่องมาถึงขนาดนี้ ไม่ว่าจะพูดอะไรก็สายเกินไปแล้ว

แม้ว่าจะเยอะไปหน่อยก็จริง แต่อย่างไรเสียก็เป็นลูกของเขาทั้งหมด ยินดีอ้าแขนรับชะตากรรมของตัวเองไปก็แล้วกันเถอะ!

นางเป็นหมอ ย่อมมีหนทางเสมอ!

อันหลิงหยุนผลักกงชิงวี่ออก หันไปมองป๋ายสู้สู้: "แม้ว่าสิ่งที่เจ้าพูดมา ดูเหมือนจะเป็นความจริง แต่ก็อาจจะไม่เป็นความจริงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เด็กในท้องก็ยังไม่ออกมา"

“เชื่อหรือไม่แท้จริงแล้วไม่ใช่เรื่องสำคัญ ผู้หญิงทุกคนล้วนคลอดลูกได้ทั้งนั้น เจ้าคลอดลูกครั้งเดียวมากมายเพียงนี้ ก็นับว่าเป็นเรื่องดีแล้ว”

“เป็นความจริงที่การคลอดลูกต้องประสบกับความทุกข์ทรมาน ล้วนต้องประสบสักครั้งหนึ่งไม่ต่างกัน แต่เจ้าคลอดได้มากมายเช่นนี้ ยังไม่ดีอีกหรือ? "

อันหลิงหยุนไฉนเลยจะสามารถมีความสุขขึ้นมาได้ แม้ว่าการได้ลูกมากมาย จากการคลอดเพียงครั้งเดียวจะเป็นเรื่องที่มีความสุขมาก และอย่างไรก็เลี้ยงดูได้ไหวก็ตาม

แต่ไม่เพียงแค่อันตรายจากการคลอดครั้งเดียวห้าคน ยังต้องกลัวว่าท้องจะแตกก่อนกำหนดคลอดด้วยเถอะ!

อันหลิงหยุนคิ้วขมวดมุ่นอย่างหดหู่เหี่ยวแห้ง เอ่ยขึ้นว่า "เรื่องคลอดลูกเป็นเรื่องของอนาคต ระหว่างนี้ข้าจะยังไม่พูดถึง วันนี้ที่ข้ามาก็เพื่อจะถามเจ้าว่า พิษในร่างกายของเจ้ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?"

“พิษก็คือพิษไม่มีอะไรทั้งสิ้น ก็คือข้าถูกพิษแล้ว เจ้าอย่าได้ถามอะไรอีกเลย ในส่วนของเจ้าข้าสามารถช่วยเจ้าได้ แต่เจ้าต้องสัญญากับข้าเรื่องมู่มิง”

ป๋ายสู้สู้เองก็ไม่เกรงใจเช่นกัน แม้จะฉลาดมองคนได้ขาด แต่นางก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจใดๆทั้งสิ้น

ครั้งนี้เมื่อพูดถึงเงื่อนไข อันหลิงหยุนจึงแอบเหลือบมองไปยังกงชิงวี่ เดิมทีในใจของกงชิงวี่ยังประหวั่นพรั่นพรึงไม่แน่ชัด คราวนี้เป็นครอกจริงแท้แน่นอนแล้ว

เดิมทีเขาคิดว่าอย่างมากที่สุดคือสามคน นั่นจะอย่างไรก็ยังไม่นับว่าเป็นครอก

แต่ผ่านไปไม่นานก็เหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ กลายเป็นว่าครอกหนึ่งจริงๆเสียแล้ว

เขาย่อมต้องตื่นตระหนกตกใจจนเกินเหตุเป็นธรรมดา

คนตัวเล็กๆเช่นนี้คนเดียว บรรจุเด็กไว้ในท้องเป็นครอก เขาจะไม่กลัวได้อย่างไรกัน!

แต่เมื่อเห็นสายตาที่อันหลิงหยุนจ้องมองนาง ใบหน้างามสง่าของกงชิงวี่กลับหนักอึ้ง สีหน้าจมลงโดยพลัน“ข้าไม่ตกลง!”

"......." อันหลิงหยุนพูดไม่ออก เขาไม่ตกลงเรื่องอะไรไม่ทราบ ? มันเกี่ยวอะไรกับเขาสักกระผีกไหมนั่น?”

อันหลิงหยุนมองป๋ายสู้สู้โดยไม่สนใจเขา: "ข้าไม่อาจรับผิดชอบได้ทั้งหมด ไม่อาจรับประกันได้ว่าสิ่งต่างๆจะสำเร็จอย่างแน่นอน แต่ข้าสามารถรับปากเจ้าได้ว่าจะลองพยายามให้ถึงที่สุด หรือเรื่องของมู่มิงในภายหน้า ข้าจะปกป้องเและช่วยเหลือนางอย่างเต็มที่"

ป๋ายสู้สู้ไม่ใช่คนโง่เขลาเบาปัญญา นางไม่เต็มใจทำเรื่องประเภทบังคับใจฝืนใจคนอื่น นางเพียงมองไปยังอันหลิงหยุนครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดจึงพยักหน้าแต่โดยดี

"ก็ดี ขอเพียงมีคำพูดนี้ของเจ้า เท่านี้ข้าก็รู้จักพอแล้ว ถึงอย่างไร ก็ไม่ใช่ว่าคนทุกคนจะรับปากทำเรื่องเช่นนี้ ข้าจะช่วยเจ้าแก้พิษเอง"

ป๋ายสู้สู้ตกปากรับคำแล้ว อันหลิงหยุนถึงกับอึ้งตะลึงงันไปครู่ใหญ่: "เจ้าสามารถแก้พิษได้จริงหรือ!?"

"จะได้หรือไม่ลองดูก็รู้แล้ว ในเมื่อเจ้าเองก็ไม่อาจรับประกันได้ เพียงรับปากว่าจะลองพยายามดู เช่นนั้นข้าเองก็จะไม่รับประกันใด ๆ เพียงรับปากว่าว่าจะลองพยายามเช่นกัน"

"..... " อันหลิงหยุนรู้สึกเหมือนว่า ตัวเองโดนดักให้ติดกับเข้าเสียแล้ว ป๋ายสู้สู้ไม่ใช่กระต่ายขาวไร้เดียงสา แต่เป็นเหมือนหมาป่าตัวใหญ่ที่หุ้มหนังกระต่ายเอาไว้เสียมากกว่า

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร การอยู่กับป๋ายสู้สู้ก็สบายใจเหลือเกิน

อันหลิงหยุนจึงเอ่ยขึ้นว่า "เช่นนั้นจากนี้ไปล่ะ? เจ้าจะไปแก้พิษกับข้าได้อย่างไร?"

"เรื่องนี้ง่ายมาก เพียงเจ้าบอกกับอ๋องจวิ้นเสี้ยวว่า พบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของทารกในครรภ์ จำเป็นต้องมีคนช่วยเหลือ ทั้งหมอหลวงในวังและหมอจวนล้วนดูไม่ออก อีกทั้งเจ้าไม่อาจวางใจ จึงต้องการให้ข้าไปช่วยเหลือเจ้าที่จวน”

ข้ออ้างของป๋ายสู้สู้ข้อนี้ อันหลิงหยุนฟังแล้ว ก็รู้สึกว่าช่างเหมาะสมมีเหตุผลมากเช่นกัน

นางมองดูป๋ายสู้สู้นานขึ้นอีกครู่ใหญ่: "ข้าดูไม่ออกจริงๆ ว่าเจ้าช่างมีความคิดอันแยบคายมากมายถึงเพียงนี้"

"นี่ไม่ใช่ความคิดแยบคายอะไรทั้งสิ้น เป็นเพราะที่นี่กลืนกินคนทั้งเป็น หากข้าไม่มีวิธีรับมือตอบโต้ตั้งแต่ยังเด็ก ข้าจะสามารถเติบโตขึ้นมาได้อย่างไรกัน?"

คำพูดของป๋ายสู้สู้นั้นตรงไปตรงมา อันหลิงหยุนถึงกับอับจนคำพูด ไม่อาจเอ่ยคำใดออกมาได้

"ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเรากลับไปค่อยพูดกันเถอะ"

อันหลิงหยุนหมุนกายกลับไปจวนอ๋องจวิ้นเสี้ยว ตอนแรกยังคิดอยู่ว่า เรื่องนี้น่าจะเปลืองแรงลำบากกว่านี้อยู่สักหน่อย เพราะถึงอย่างไร ป๋ายสู้สู้ก็เป็นถึงพระชายาจวิ้นเสี้ยว หากจะออกจวนไปจวนอ๋องเสียนอาจเป็นเรื่องที่พูดยาก แต่อันหลิงหยุนคาดไม่ถึงว่า เพียงนางเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา อ๋องจวิ้นเสี้ยวกลับตอบตกลงในทันที

อันหลิงหยุนรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย สุดท้ายแล้วเป็นอ๋องจวิ้นเสี้ยวไม่มีสมอง หรือเขาวางใจได้เสียจนคาดเดาเรื่องราวไม่ออกจริงๆกันแน่

ป๋ายสู้สู้ไปเก็บเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชุด สิ่งของที่เหลืออื่นใดล้วนไม่ได้นำติดกายไปด้วย แล้วจึงเดินตามอันหลิงหยุนออกจากจวนอ๋องจวิ้นเสี้ยวไป

หลังออกจากจวนไป ป๋ายสู้สู้ก็หันกลับไปจ้องมอง ราวกับเด็กน้อยที่ต้องจากบ้านไปอย่างไม่มีวันกลับ มองไปยังจวนอ๋องจวิ้นเสี้ยว ด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากไป

อันหลิงหยุนเดินไปข้างกายนาง: "ใช่ว่าจะไม่ได้กลับมาแล้วเสียหน่อย ดูท่าทางเจ้าเหมือนคนจิตตกสิ้นหวังในชีวิตเชียว"

“ ไม่ใช่สิ้นหวัง แต่เป็นอาลัย จะดีจะชั่วอย่างไรข้าก็อาศัยอยู่ที่นี่มาถึงสี่ปี หลังจากสี่ปีก็ต้องจากไปแล้ว ก็ยังคงรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่ดี”

ป๋ายสู้สู้พูดกับตัวเอง อันหลิงหยุนจึงเอ่ยถามขึ้นว่า "เจ้าไม่คิดจะกลับมาแล้วจริงๆน่ะหรือ?"

ป๋ายสู้สู้ยิ้มอย่างเข้าใจชัด ใบหน้าขาวราวกับหิมะฉายชัดถึงริ้วอารมณ์สายหนึ่ง ที่บ่งบอกถึงความรู้สึกสูญสิ้นความรักทั้งหมดในชีวิต รอยยิ้มของนางเหมือนหิมะขาวกระจ่างกลางฤดูหนาว ตกกระจัดจายอยู่บนพื้นพิภพ เหน็บหนาว เศร้าโศกและบอบบาง ยามเมื่อร่วงหล่นลงสู่หัวใจ ก็หลงเหลือเพียงความเย็นเยือก เหน็บหนาว อับจนสิ้นไร้หนทางเพียงเท่านั้น

ความงดงามในช่วงเวลานี้ จะเจือจางเลือนหายไปในช่วงเวลาถัดไป ดังนั้นจึงได้เศร้าโศกอ้างว้างยิ่งนัก!

อันหลิงหยุนหยุดกะทันหัน จ้องมองไปยังป๋ายสู้สู้: "พิษของข้าไม่สำคัญ ข้าเพียงอยากรู้ว่า พิษของเจ้ามีทางแก้หรือไม่?"

ป๋ายสู้สู้ลังเลเล็กน้อย หลังจากลังเลแล้วจึงค่อยส่ายหน้าช้าๆ อันหลิงหยุนกัดฟัน ชั่งใจเอ่ยว่า: "เลือดของข้าสามารถแก้พิษได้ ให้ข้าลองดูเถอะ"

พิษของฮ่องเต้ชิงหยู่ยังไม่อาจหาวิธีแก้ไข ขนาดอันหลิงหยุนเองยังไม่สามารถทำได้ นับประสาอะไรกับ ป๋ายสู้สู้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

แต่นางรู้สึกไม่เต็มใจ คนคนหนึ่งที่ดีเช่นนี้ ต้องมาจากโลกนี้ไปทั้งๆอย่างนี้

หากชีวิตของนาง ถูกลิขิตให้ต้องพบเจอโศกนาฏกรรมอันเลวร้ายเช่นนี้ แล้วเหตุใดสวรรค์ยังต้องให้นางถือกำเนิดขึ้นมาด้วย นี่มันไม่ยุติธรรมเลย!

ป๋ายสู้สู้สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ “ นอกจากมู่มิงแล้ว เจ้าเป็นคนเดียวที่ดีต่อข้า ทั้งยังห่วงใยใส่ใจข้ายิ่งนัก

ดังนั้น เมื่อข้าจากไป ข้าย่อมสามารถวางใจมอบมู่มิงไว้กับเจ้าได้แล้ว! "

ป๋ายสู้สู้ยื่นมือออกไปคว้ามืออันหลิงหยุนไว้ อันหลิงหยุนส่ายหน้า: "ข้าต้องมีหนทางช่วยเหลือเจ้าได้อย่างแน่นอน!"

“ สิ่งเหล่านั้นล้วนไม่สำคัญ แต่ .... หากเจ้าอยากลองดูก็ไม่เป็นไร ข้ายินดีให้เจ้าใช้ข้าเป็นตัวทดลอง หากเจ้าสามารถแก้พิษนี้ได้จริงๆ ข้าก็คิดว่าเจ้าจะสามารถแก้พิษใดๆ ก็ตามทั่วทุกหนแห่งใต้โลกหล้านี้ได้ทั้งหมด เป็นมือหนึ่งไร้เทียมทานไม่อาจมีผู้ใดมาต่อกรได้เป็นแน่แล้ว "

“ เช่นนั้นข้าจะลองดู!”

อันหลิงหยุนเป็นหมอ ทุกครั้งที่ช่วยเหลือคนใกล้ตาย รักษาเยียวยาผู้บาดเจ็บ ต่อให้มีความหวังเพียงน้อยนิดริบหรี่สักเพียงใด นางก็จะไม่ยอมแพ้เป็นอันขาด ในเวลานี้ เมื่อได้มาอยู่ต่อหน้าป๋ายสู้สู้ นางก็จะไม่มีทางยอมแพ้เป็นอันขาดเช่นกัน

นางอยากให้ป๋ายสู้สู้มีชีวิตอยู่ อีกทั้งต้องมีชีวิตที่ดีอีกด้วย

ทั้งสองไปยังจวนอ๋องเสียนด้วยกัน เมื่อเข้าประตูไป อันหลิงหยุนก็พาป๋ายสู้สู้ไปที่ลานโอวหลาน กงชิงวี่คิดอยากตามเข้าไปด้วย แต่กลับถูกอันหลิงหยุนหยุดไว้

“ท่านอ๋อง ในช่วงสองสามวันนี้ ต้องให้ท่านน้อยเนื้อต่ำใจสักหน่อยแล้วเพคะ ข้าไม่อาจถูกรบกวนได้ ข้าจำเป็นต้องสั่งสมพลังและความเข้มแข็ง เพื่อไปแก้พิษให้กับสู้สู้เพคะ”

กงชิงวี่เริ่มจะหดหู่ขึ้นมาแล้ว แต่เมื่อเห็นว่า อันหลิงหยุนห่วงใยป๋ายสู้สู้ถึงเพียงนี้ เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้มาก

จึงค่อยมีคำสั่งลงไปว่า เขาจะไปอาศัยอยู่ที่ห้องข้างของลานโอวหลาน ในช่วงระหว่างสองสามวันนี้

จะได้ไม่รบกวนอันหลิงหยุนด้วย

อันหลิงหยุนรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง มอบจุมพิตฟอดใหญ่ เพื่อเป็นรางวัลให้กงชิงวี่ต่อหน้าธารกำนัล

สีหน้าของกงชิงวี่หนักอึ้งจมดิ่ง เอ่ยอย่างโกรธๆว่า: "ไม่รู้จักละอายหรือไร!"

ทันทีที่พูดจบ หัวใจของเขากลับแช่มชื่นเบิกบานมองสิ่งใดล้วนงดงามโดยพลัน

อันหลิงหยุนเข้าใจเขาอย่างเป็นธรรมชาติทีเดียว

"ท่านอ๋อง ข้าเข้าไปก่อนนะเพคะ"

อันหลิงหยุนดึงตัวป๋ายสู้สู้ไปที่ห้องยา ในขณะที่กงชิงวี่ยังยืนอยู่ที่ประตู ด้วยท่าทางที่ยังไม่อาจหลุดจากภวังค์เมื่อครู่นี้ได้

ประการแรกเขารู้สึกตื่นเต้นกับจุมพิตเมื่อครู่ ประการที่สองเขาคิดถึงเรื่องลูก ๆ ของเขา ที่มากันเป็นครอกเสียจริงๆ หากพูดออกไปก็เกรงว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่

หนึ่งครรภ์หนึ่งอ๋องทั้งแปดก็ยังแทบไม่อาจทนสงบนิ่งกันได้อยู่แล้ว หากว่าครรภ์หนึ่งคือหนึ่งครอก อ๋องทั้งแปด จะไม่หาทางทำลายศพลบหลักฐานหรอกหรือ?

เมื่อคิดถึงเหล่าอ๋องทั้งแปด ที่วางแผนก่อกบฏอย่างลับๆ มีเจตนามาทำร้ายอันหลิงหยุน ดวงตาของกงชิงวี่ก็คมกริบขึ้นมาเป็นเท่าทวี

อันหลิงหยุนพาป๋ายสู้สู้ไปถึงห้องยา เมื่อเดินเข้าไปก็เตรียมแนะนำที่ทางโดยคร่าวๆ ป๋ายสู้สู้กลับรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งของที่อยู่ในห้องยาไม่น้อย อดไม่ได้ที่จะมองอันหลิงหยุนอยู่หลายครั้ง

แต่นางกลับไม่ได้ตกใจมากนัก ประดุจดั่งว่า ในสายตาของนาง ล้วนไม่มีสิ่งใดจะสามารถก่อเป็นคลื่นยักษ์ได้ทั้งสิ้น

ทว่านางกลับเดินตรงไปที่ห้องวิจัยภายในห้องยา สังเกตอยู่ชั่วครู่จึงหยิบปิ่นปักผมขึ้นมา อันหลิงหยุนกำลังคิดอยู่ว่าจะพูดอะไรออกมาสักหน่อย ป๋ายสู้สู้ก็หยิบเอาปิ่นนั้นใส่เข้าไปในปากนาง

อันหลิงหยุนไม่ทันแม้แต่จะเอ่ยปากถาม ก็เห็นว่านางเลียมันไปแล้วหนึ่งรอบ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน