ตอน บทที่ 289 คัมภีร์พิษประหลาด จาก ยอดหมอยาของอ๋องเสียน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 289 คัมภีร์พิษประหลาด คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนซ์ ยอดหมอยาของอ๋องเสียน ที่เขียนโดย หยูนเยว่ เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
บทที่ 289 คัมภีร์พิษประหลาด
อันหลิงหยุนคิดจะเข้าไปยับยั้ง แต่ในวินาทีต่อมา คิ้วของป๋ายสู้สู้ก็กระตุกขึ้นน้อยๆ เอียงศีรษะพูดว่า "นี่คือพิษชนิดหนึ่งจากซินเจียงเขตแดนทางตะวันตก กล่าวกันว่าเป็นหญ้าพิษชนิดหนึ่ง ที่เพาะตัวในหุบเขาลึก กรรมวิธีการกลั่นสกัดทำได้ยากมากเพราะมันมีพิษ ตั้งแต่โคนรากจนถึงใบของหญ้านี้ล้วนมีพิษทั้งสิ้น จึงควรระมัดระวังให้มากเวลานำมาใช้”
“แต่หญ้าชนิดนี้มีลักษณะพิเศษมากนั่นคือ ไร้สีไร้รสชาติ สถานที่ที่มันเติบโตจะต้องมีอากาศหนาวเย็น จึงมีชื่อตามลักษณะถิ่นกำเนิดพิเศษนั้น ได้ชื่อว่าหญ้ายิงหาน ”
อันหลิงหยุนไม่เคยได้ยินเรื่องหญ้าชนิดนี้มาก่อน ดังนั้นนางจึงส่ายหน้า: "ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน"
ป๋ายสู้สู้วางปิ่นลง หยิบพู่กันและมองไปยังอันหลิงหยุน: "นำสมุดเล่มเล็กๆมา แล้วข้าจะเขียนให้เจ้า ทั้งหมดที่เจ้าจำได้ล้วนเป็นของเจ้าทั้งสิ้น"
อันหลิงหยุนรู้สึกหงุดหงิดไม่สบอารมณ์อยู่ในใจ แม้ว่าพวกนางเพียงพบกันโดยบังเอิญ แต่เจอกันครั้งแรกกลับรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนกันมานาน
แต่วันนี้เมื่อได้ยินป๋ายสู้สู้พูดเช่นนี้ นางก็รู้ได้ทันทีว่า ป๋ายสู้สู้หมดสิ้นความหวัง ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้ว
บางที พิษของนางอาจไม่ใช่ว่าไม่สามารถแก้ได้ แต่เป็นเพราะนางไม่ต้องการแก้ต่างหาก
แต่ใจนางยังคงไม่ยินยอม เพราะเหตุใดจึงไม่แก้พิษไปเสียให้หมดสิ้น?
อันหลิงหยุนไม่รอช้า หันกลับไปหยิบสมุดขนาดเล็กที่สะอาดสะอ้านมา พวกนางเป็นหมอ ไม่ว่าจะยุคโบราณหรือว่ายุคปัจจุบันก็ตาม มักจะมีนิสัยเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ จะพกสมุดและปากกาเพื่อเอาไว้จดบันทึกข้อมูลต่างๆอยู่เสมอ
อันหลิงหยุนนำสมุดไปมอบให้ป๋ายสู้สู้พลางพูดว่า "ที่เจ้าเขียนจนสุดความสามารถนั้น ข้าจะอ่านเข้าใจได้ บิดาของข้าเป็นแม่ทัพ ตั้งแต่ยังเด็กข้าไม่มีมารดาอบรมเลี้ยงดู คนรับใช้ในจวนก็ล้วนหยาบกระด้างไม่ค่อยละเอียดอ่อน อักษรที่ได้เล่าเรียนมาก็มีไม่มาก หากมีกฎเกณฑ์ข้าจะอ่านออก แต่หากเป็นคำที่ไม่มีกรอบไม่มีเกณฑ์ข้าจะไม่รู้จักแล้ว "
ป๋ายสู้สู้โดนหยอกจนหัวเราะออกมา ยิ้มแย้มไม่พูดจา เหลือบมองอันหลิงหยุน หลังจากเปิดสมุด จึงเขียนอักษรลงไปสองสามประโยคที่ด้านหน้า: คัมภีร์พิษประหลาด
อันหลิงหยุนคิดว่านี่มันช่างตรงประเด็นมาก พิษที่นางไม่รู้ก็คือพิษประหลาดนี่ล่ะ
ป๋ายสู้สู้เขียนพิษชนิดหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังวาดรูปพรรณลักษณะของหญ้าพิษด้วย หลังจากวาดเสร็จ ก็มอบให้กับอันหลิงหยุนซึ่งยังคงอึ้ง ตกอยู่ในภวังค์อยู่อีกครู่ใหญ่
“ พืชพรรณสมุนไพร รวมถึงสัตว์พิษที่ด้านล่างนี้คือใช้แก้พิษหรือ?”
ป๋ายสู้สู้พยักหน้า: "ตราบใดที่มันเป็นพิษ พูดให้น่าฟังหน่อยก็คือสามารถแก้พิษ พูดไม่น่าฟังหน่อยก็คือใช้พิษสู้พิษ เจ้าเป็นหมอก็คงรู้ดีว่าการแก้พิษด้วยวิธีนี้ จะส่งผลร้ายเป็นอันตรายต่อผู้คนเช่นกัน ส่วนจะส่งผลร้ายตรงไหน นั่นย่อมต้องเป็นร่างกายเป็นธรรมดา”
“แต่เจ้าก็ยังสามารถมีชีวิตอยู่รอดมาได้ ช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก "
“ มีสิ่งที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นอีก ข้าจะแก้พิษให้เจ้าด้วย”
“เรื่องพิษของข้าอย่าได้กังวลร้อนใจไปเลย หากเจ้าสามารถแก้พิษเหล่านี้ได้ ก็นับว่าร้ายกาจมากแล้ว ขั้นตอนการใส่บรรดาพืชพรรณดอกไม้ใบหญ้าพิษเหล่านี้ ล้วนมีกฎระเบียบเป็นขั้นเป็นตอนทั้งสิ้น”
“กล่าวโดยทั่วไป หากเจ้ารู้กระบวนการปรุงยาพิษ เจ้าสามารถยึดเอากระบวนการปรุงยามาใช้กำหนดค่าสัมพันธ์ของพิษชนิดอื่น จากนั้นจึงนำมาใช้แก้พิษ
แต่เจ้าในตอนนี้ ยังไม่อาจรู้กระบวนการทั้งหมดทั้งมวลนั้นได้ คนปรุงยาทุกคน ล้วนเป็นประเภทอยากปรุงสิ่งใดก็ปรุงสิ่งนั้น ไม่มีเงื่อนไขตายตัว
ดังนั้นสิ่งที่ข้าต้องการให้เจ้าทำ ก็คือการผสมสารพิษเหล่านี้เข้าด้วยกันโดยไม่มีลำดับก่อนหลัง แต่ต้องสามารถแก้พิษได้ทั้งหมด "
เมื่อป๋ายสู้สู้พูดออกมาถึงขนาดนี้แล้ว อันหลิงหยุนย่อมสามารถมองออกอย่างสมบูรณ์ ชัดเจนแล้วว่า ทักษะทางการแพทย์ของนางนั้น ยอดเยี่ยมจนถึงขั้นทำให้ผู้คนตกตะลึงได้เลยทีเดียว
"ข้าจะลองดู"
อันหลิงหยุนหยิบสมุดบันทึกขึ้นมา ค้นหาสารพัดสิ่งมีพิษทุกชนิด โชคดีที่ทั้งหมด ล้วนมีอยู่ในสมุดบันทึก อันหลิงหยุนจึงเริ่มการค้นคว้าวิจัยทันที
ป๋ายสู้สู้รับผิดชอบคอยดูนางอย่างใกล้ชิด อันหลิงหยุนใช้เวลาทั้งวันโดยไม่พักผ่อน ไม่หลับไม่นอน จนในที่สุดก็ค้นพบกฎเกณฑ์ประการหนึ่ง ซึ่งเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ที่ทั้งสอดคล้อง และหักล้างกันของพิษนั้นๆ รูปแบบดังกล่าว ถูกอันหลิงหยุนเขียนลงในคัมภีร์พิษประหลาด โดยเขียนต่อท้ายจากที่ป๋ายสู้สู้ได้เขียนไว้
"เจ้าทำสำเร็จแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย!"
ป๋ายสู้สู้ยิ้มแล้วยิ้มอีก อันหลิงหยุนจึงค่อยเอ่ยขึ้นว่า "ให้ข้าช่วยเจ้า"
ป๋ายสู้สู้ส่ายหน้า: "ยังไม่ถึงเวลา ต่อไปข้าจะให้พิษนานาชนิด เจ้าลองศึกษาดู รอเมื่อเจ้าสามารถแก้พิษเหล่านี้ได้หมดเมื่อไหร่ ข้าจึงจะยอมให้เจ้าแก้พิษให้ข้า"
อันหลิงหยุนผิดหวังมาก อันที่จริงแล้วไม่น่าจะเรียกว่าผิดหวัง ป๋ายสู้สู้ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว ซึ่งนางเองก็รู้อยู่แก่ใจดี
หลังจากพักผ่อนครู่หนึ่ง อันหลิงหยุนและป๋ายสู้สู้ก็ออกมา เดินเข้าไปในสวน ป๋ายสู้สู้เงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ กล่าวว่า: "ตั้งแต่ยังเด็กข้าก็ชอบดวงจันทร์ เพราะมันอยู่สูง อีกทั้งไม่ได้ร้อนอบอ้าวเหมือนดวงอาทิตย์ ดังนั้น ข้าจึงบอกกับแม่เฒ่าตาบอดว่า วันหน้ารอให้ข้ามีความสามารถ มีพละกำลังแล้วข้าจะไปดวงจันทร์ จะพานางไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น น่าเสียดายที่ข้าผิดคำพูดแล้ว "
อันหลิงหยุนเป็นคนที่ เห็นผู้หญิงประเภทก้มหน้าปลงต่อชีวิตแล้วจะทนดูไม่ได้ แต่กับป๋ายสู้สู้แล้วนางโกรธไม่ลงจริงๆ
“มู่มิงคงจะเป็นห่วงเจ้ามาก หากเจ้าอยากพบนาง ข้าสามารถให้นางมาที่นี่ได้”
อันหลิงหยุนพลันนึกถึงมู่มิงขึ้นมาได้ จึงรีบพูดเสนอทันที
ป๋ายสู้สู้ส่ายหน้า: "ข้าจะไม่พบนาง หากได้พบ ข้าไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับนางอย่างไร เรื่องนี้ไว้ค่อยคุยกันวันหลังเถอะ"
ป๋ายสู้สู้ไม่ยอมพบมู่มิง อันหลิงหยุนเองก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ จึงได้แต่ปล่อยไปตามที่นางต้องการแล้ว
แต่เมื่อไม่ได้แก้พิษ อันหลิงหยุนก็ยังคงต้องไปทำธุระอีกสองเรื่อง เรื่องแรกคือจัดเตรียมสถานที่พักให้ป๋ายสู้สู้ อีกเรื่องคือเข้าวังสักรอบหาใครสักคน มาช่วยพูดคุยบอกเล่าเรื่องหลังจากนี้กับป๋ายสู้สู้เสียหน่อย
ถึงอย่างไร ป๋ายสู้สู้ก็เป็นคนของจวนอ๋องจวิ้นเสี้ยวจริงๆ การมาที่จวนอ๋องเสียน แล้วไม่กลับไปโดยไม่มีเหตุผล ย่อมไม่ใช่เรื่องที่จะพูดจาตกลงกันง่ายๆ
“เจ้าพักอยู่ในห้องยาด้านนี้ชั่วคราวไปก่อน เดิมทีห้องเตียงอุ่นด้านนอกห้องยาเป็นที่พักของข้า ช่วงสองสามวันนี้ข้าจะย้ายไปพักกับท่านอ๋องด้านโน้นเอง เจ้าสามารถพักที่นี่อย่างสบายใจได้”
อันหลิงหยุนรู้สึกว่าอย่างนี้เหมาะสมดีแล้ว จึงจัดแจงไปตามที่เห็นควร
ป๋ายสู้สู้ไม่มีข้อเรียกร้องใด ๆ เพียงพยักหน้าก็ถือเป็นคำตอบรับเรียบร้อย
“ ข้าอยากพักผ่อนแล้ว เจ้าไปเถอะ”
ป๋ายสู้สู้ยังคงดูเฉยเมยไม่ยินดียินร้ายเช่นเดิม อันหลิงหยุนจึงออกจากห้องยาไป
สวนแห่งนี้ยังนับว่าใหญ่โตกว้างขวาง อันหลิงหยุนมุ่งตรงไปห้องข้าง
เดิมทีนางทำกำแพงทะลุห้องของเรือนทั้งสองหลัง ให้เชื่อมต่อหากันไปหมดแล้ว เรือนหลักจึงไม่อาจใช้พักอาศัยได้อีกต่อไป
ครั้งนี้ทำได้เพียงแค่ ต้องน้อยเนื้อต่ำใจตามไปพักอยู่กับกงชิงวี่ที่ห้องข้างเสียแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...