ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 290

บทที่ 290 ถามหรือว่าไม่ถาม

อันหลิงหยุนไม่อยู่เพียงวันเดียว กงชิงวี่ก็ไม่ได้นอนเลยทั้งวันเช่นกัน เขากินไม่ได้ นอนไม่หลับ ราวกับว่าจะเป็นบ้าไปเสียให้ได้จริงๆแล้ว

แม้ว่าจะมีเพียงหนึ่งแนวกำแพงขวางกั้นพวกเขาเอาไว้ แต่สำหรับกงชิงวี่แล้ว มันเป็นดั่งโลกทั้งใบก็ว่าได้

แต่ไหนแต่ไรมา เขาไม่เคยประสบกับวันเวลาที่ยากลำบากถึงเพียงนี้มาก่อนในชีวิต

เมื่อนึกถึงเรื่องของเด็ก ๆ เป็นพรวนในท้อง ก็นับว่าเป็นเรื่องกลัดกลุ้มระทมทุกข์แล้ว แต่พอไม่เห็นอันหลิงหยุน นั่นยิ่งเป็นเรื่องที่น่ากระวนกระวายยิ่งกว่า

เดิมทีเขาคิดว่า เพียงแค่ไม่กี่วัน ไม่นับเป็นสิ่งใดได้

แต่นับจากวินาทีที่เริ่มต้น เขาก็ถูกความทรมานจู่โจมจนเจียนจะบ้าคลั่งให้ได้แล้ว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รสชาติของความรู้สึกอยากพบเจอ แต่ก็ไม่กล้าไปรบกวนนั้น มันช่างอึดอัดทรมานใจเหลือเกินแล้ว

ตอนที่อันหลิงหยุนผลักประตูเพื่อเข้าไปด้านใน กงชิงวี่กำลังอึดอัดกลัดกลุ้ม ทั้งที่ตัวเขาเองก็ง่วงงุนอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้

อาหารทั้งสามมื้อ ล้วนถูกนำมาวางเรียงรายพร้อมพรักอยู่บนโต๊ะ ทว่ากลับไม่ถูกแตะต้องแม้แต่คำเดียว

เขาสวมชุดทับในสีขาวทั้งร่าง นอนอยู่บนเตียง ด้วยท่าทางสิ้นหวังหมดอาลัยในชีวิต

ทันทีที่เสียงประตูดังขึ้น เขาก็ปรายตาไปมองดูทั้งสองตา ยังคิดไปว่าตนเองตาลายคล้ายว่ากำลังฝันอยู่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ขยับเคลื่อนไหวใดๆ

อันหลิงหยุนเหลือบตามองเขาครู่หนึ่ง จากนั้นจึงมองไปยังอาหารที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ หมุนกายกลับมาปิดประตู แล้วจึงเดินตรงไปหาเขา

เมื่อเห็นคนเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ กงชิงวี่จึงเริ่มจะเชื่อขึ้นมาแล้ว

ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นนั่ง กระโดดลงมาจากเตียงวิ่งเร็วจี๋ราวติดปีกบิน ทำราวกับว่าไม่ได้พอเจอกันมานานหลายปีก็ไม่ปาน เดินไปถึงตรงหน้าของอันหลิงหยุน ด้วยท่าทางคล้ายเสียการควบคุมเล็กน้อย: "กลับมาแล้วหรือ?"

"คิก! ... " อันหลิงหยุนอดไม่ไหวหลุดหัวเราะออกมา ยกมือขึ้นลูบไปที่ศีรษะกงชิงวี่: "อาการโรคอารมณ์คลั่งกำเริบหรือเพคะ?"

"หยุนหยุน จากนี้ไปข้าจะไม่ยอมห่างจากเจ้าอีกแล้ว" กงชิงวี่รู้สึกกลัวขึ้นมาแล้ว ในค่ำคืนที่ไม่มีอันหลิงหยุนนั้น ช่างผ่านไปอย่างแสนยากเข็ญทรมาน ยากเกินจะรับได้ยิ่งกว่าการพ่ายแพ้ในสงครามเสียอีก

"..... " อันหลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออก นางแค่ไม่ได้มาเยี่ยมหาเขาเพียงวันเดียว ปกติตัวเขาเองก็มีบ้างบางครั้งที่ไม่ได้กลับหลายวัน เหตุใดเหมือนกับเป็นการลาจาก ที่ยากจะได้พบพานกันอีกไปได้ล่ะนี่?

กงชิงวี่ประคองจับใบหน้าของอันหลิงหยุน: "หยุนหยุน ข้าไม่อาจอยู่ได้หากไม่มีเจ้า"

"..... " อันหลิงหยุนเริ่มจะหดหู่ นี่คือเสียสติแล้ว?

อันหลิงหยุนยกมือขึ้น คิดจะยืนยันให้แน่ใจหน่อยว่า เขาป่วยเป็นอะไรไปแล้วหรือไม่

ไม่รอให้มือสัมผัสถูกศีรษะ กงชิงวี่ก็จัดการรวบตัวคนเข้ามา อุ้มขึ้นเป็นแนวนอนไปเรียบร้อยแล้ว

อันหลิงหยุนตกใจจนสะดุ้งเฮือก: "ท่านจะทำอะไร ข้าจะตรวจดูว่าท่านป่วยแล้วหรือไม่!"

“ข้าไม่เพียงแต่ป่วยแล้วเท่านั้น แต่ยังป่วยหนักมากด้วย อีกทั้งโรคนี้ยากที่จะรักษา จำเป็นต้องใช้เวลาทั้งชีวิตของหยุนหยุนมารักษาจึงจะหาย”

กงชิงวี่โอบกอดอันหลิงหยุนแนบแน่น เอ่ยตอบกลับด้วยความรักใคร่ลึกซึ้งสุดจะประมาณ

อันหลิงหยุนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ: "ท่านอ๋อง ท่านเสียสติแล้วหรืออย่างไร แค่ไม่ได้อยู่ด้วยกันคืนเดียว ไม่จำเป็นต้องเป็นถึงเพียงนี้ก็ได้นะเพคะ?"

"ทำไมจะไม่จำเป็นล่ะ?"

กงชิงวี่อุ้มอันหลิงหยุนขึ้นบนเตียงไป อันหลิงหยุนเตรียมจะลุกขึ้น เขาก็ตามขึ้นไปเรียบร้อย ดวงตาสี่ข้างจ้องประสาน แลกเปลี่ยนสายตากันขึ้นลงไปมาไม่หยุด

“ ข้าเหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อนเสียหน่อย”

อันหลิงหยุนงงงัน: "ใครไม่ยอมให้ท่านอ๋องพักผ่อนล่ะเพคะ?"

“ ไม่มีใครไม่ยอม เป็นเพราะข้าไม่มีหยุนหยุน จึงมีปัญหาการกิน การนอนไม่เป็นปกติ ดังนั้นเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะกอดหยุนหยุนนอนทุกวัน หากไม่ทำเช่นนั้น แม้ต้องสิ้นชีวิตลง ข้าอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตตัวเองจบสิ้นลงอย่างไร”

อันหลิงหยุนรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกขึ้นมาแล้ว กล่าวอย่างกระอักกระอ่วนว่า: "เพียงเพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันแค่วันเดียว ท่านก็จะเอาชีวิตไปจบสิ้นเสียแล้ว ท่านอ๋อง ท่านจะพูดจาสะเปะสะปะเลื่อนลอยอะไร ก็ให้มันน่าเชื่อถือกว่านี้สักหน่อยได้หรือไม่เพคะ?"

"... ชีวิตข้าแทบต้องสิ้นแล้วจริงๆ เพราะโรคคิดถึงที่รุมเร้าจนต้องล้มป่วยลง" กงชิงวี่ครั้งนี้ทั้งรู้สึกโกรธและเกลียดผสมปนเปกันยุ่งเหยิง เพราะเหตุใดถึงได้ไม่เชื่อกันแล้ว?

อันหลิงหยุนสามารถเข้าใจเรื่องแบบนั้นของผู้ชายได้ อีกทั้งเรื่องแบบนั้นของผู้ชายคนนี้ ก็เกิดขึ้นบ่อยเกิดขึ้นถี่ ค่อนข้างที่จะไม่บันยะบันยังเสียด้วย

จนนางท้องป่องขึ้นมาแล้ว ก็ยังไม่เห็นว่าเขาจะ ( เงียบสงบ) ขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้รู้ว่า ร่างกายของนางมีความพิเศษกว่าคนอื่น มีความสามารถในการฟื้นตัวอันแข็งแกร่ง เมื่อเด็กในครรภ์ไม่เกิดปัญหา ความขวัญกล้าบังอาจของเขา ก็ยิ่งขยายออกมาชนิดไม่มีเก็บคืนไม่ต้องควบคุมใดๆทั้งสิ้น

และด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงกลายสภาพเป็นอย่างที่เขาเป็นอยู่ในเวลานี้

อันหลิงหยุนโอบกงชิงวี่: "อย่าวุ่นวายเพคะ!"

“ ข้าพูดความจริง!”

กงชิงวี่ถูกทำให้โกรธแทบตายแล้ว เหตุใดพูดขนาดนี้แล้วก็ยังไม่เชื่อกันอีก

เขาถือโอกาสก้มหน้าลงและกัดเข้าไปคำหนึ่งเสียเลย แต่กลับไม่รู้ว่าการกัดครั้งนี้ กลายเป็นชนวนปล่อยความขวัญกล้าบังอาจของเขา ให้พวยพุ่งออกมาเสียจนเก็บกลับไม่ได้ เมื่อเสื้อผ้าถูกดึงทึ้งออก เรือนร่างขาวกระจ่างดั่งหิมะก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า เขาจึงไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

อันหลิงหยุนเองก็คิดถึงเขาเช่นกัน นางจึงไม่ได้มีทีท่าลังเลใดๆ

หลังจากผ่านไปครึ่งคืนจึงกลับเข้าสู่ความสงบลงมาได้ อันหลิงหยุนถูกโอบกอดเอาไว้อยู่ในอ้อมแขน นางยังไม่ได้รับอนุญาตให้ใส่เสื้อผ้า ทั้งร่างกระปลกกระเปลี้ยผิดจากยามปกติ นอนอยู่ข้างกายเขาด้วยร่างกายเปลือยเปล่า

แต่ยังดีที่มีผ้าห่มใช้คลุมกายไว้ อันหลิงหยุนจึงพอจะกัดฟันฝืนใจ เรื่องที่ต้องนอนเปลือยได้บ้าง

อันหลิงหยุนโอบเอวของกงชิงวี่ด้วยท่าทีง่วงงุน ดูคล้ายว่าจะหลับลงไปในไม่ช้า

"หยุนหยุน สัญญากับข้า หลังจากวันนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ห้ามแยกกันนอนกับข้าเด็ดขาด" มือของกงชิงวี่สัมผัสแผ่วเบาเข้าที่หัวไหล่เนียนละมุนชุ่มชื้น เจือกลิ่นหอมกรุ่นจากครีมบำรุงของอันหลิงหยุน ทว่ายามนี้นางง่วงจนแทบไม่ไหวแล้ว ไหนเลยจะสามารถคิดวิเคราะห์เรื่องอื่นใดให้มากมายได้อีก

นางไม่เอ่ยคำใด เพียงแนบกายติดไปกับร่างของเขา

กงชิงวี่ผลักคนออกห่าง พลิกตัวนอนตะแคง จับคางของอันหลิงหยุน: "หากเจ้าไม่รับปาก พรุ่งนี้ข้าจะให้คนมาสร้างโซ่เส้นใหญ่ แล้วก็สร้างกรงทองอีกใบ ให้เจ้าเข้าอยู่ในกรงนั่น เพียงนอนรอข้ากลับมาหาก็พอแล้ว ข้าทนไม่ได้เมื่อเห็นเจ้าออกไปข้างนอก แล้วไม่สนใจใยดีข้าเช่นนี้”

อันหลิงหยุนสะลึมสะลืออยู่ ก็มีอันต้องลืมตาขึ้นหันไปมองกงชิงวี่ ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยถามว่า: "นี่ท่านคิดจะขังข้าหรือ?"

กงชิงวี่ลูบคางของนางไปมา: "มันก็ช่วยไม่ได้ หากว่าหยุนหยุนไม่กลับมา ข้ามีแต่ต้องทำเช่นนั้นแล้ว"

"ทำตามพระทัยท่านอ๋องเถอะเพคะ ขอเพียงบิดาของข้าไม่โกรธ พูดตามจริงจะอยู่ที่ไหนก็ดีทั้งนั้น"

อันหลิงหยุนง่วงแล้ว จึงไม่ได้คิดพิจารณาสิ่งใดทั้งสิ้น

กงชิงวี่โกรธหนัก "ข้าอยากให้หยุนหยุนรับปาก ว่าจะไม่แยกกันนอน หยุนหยุนเจ้าเบี่ยงเบนประเด็นให้มันน้อยหน่อยเถอะ"

"พวกเราไม่ใช่ว่าแยกกันนอนเสียหน่อยนะเพคะ" อันหลิงหยุนง่วงนอนจนน้ำตาไหลแล้ว

กงชิงวี่แค่นเสียง ฮึ ขึ้นมาเสียงหนึ่ง แต่ใบหน้ายังคงแสดงถึงความไม่เต็มใจเช่นเดิม

ผู้หญิงคนนี้ตั้งใจจะทำให้เขาโกรธตายหรืออย่างไรกัน?

เดิมทีความโกรธยังกรุ่นเต็มอก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอันหลิงหยุนแล้ว ทำอย่างไรก็ไม่มีทางโกรธนางได้แบบเป็นจริงเป็นจังเสียที จึงถือโอกาสกัดนางเข้าไปคำใหญ่ๆอีกคำเสียเลย

อันหลิงหยุนขมวดคิ้วมุ่นจนเป็นรอยลึก ใช้มือตีใส่กงชิงวี่

“ ไม่เอา ... ข้าเหนื่อย ... ”

อันหลิงหยุนเหนื่อยมากแล้วจริงๆ

"-ข้าจัดการเอง ส่งเสบียงเรียบร้อยแล้ว หยุนหยุนนอนเถอะ"

กงชิงวี่จุมพิตลึกล้ำพลางเริ่มเรื่องที่เขากำลังจะทำ อันหลิงหยุนคิดอยากปฏิเสธ แต่นางไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้ว

หลังจากตีเขาไปสองครั้ง เขาก็ยังมีทีท่าไม่เจ็บไม่คัน พอพยายามจะพูด ก็ถูกเขาปิดปากไว้จนสนิท

หลังจากนั้นนางก็อยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น คล้ายว่าตนเองทะยานไปไกลสุดขอบฟ้า แม้จะง่วงอย่างที่สุด กลับยังรู้สึกเพลิดเพลินกับความชุ่มฉ่ำที่อาบไล้ไปทั้งกาย

หลังจากพัวพันกันหลายต่อหลายครั้ง อันหลิงหยุนรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกินแล้วจริงๆ ทั้งร่างไม่ไหวติงนอนขดตัวแน่นิ่งอยู่กับที่ กงชิงวี่โอบกอดนางไว้ ไม่ได้รู้สึกว่าตนทำเกินกว่าเหตุ

นางไม่ยอมเชื่อฟัง ย่อมต้องได้รับการปรับทัศนคติเป็นเรื่องธรรมดา

เช้าวันรุ่งขึ้นอันหลิงหยุนตื่นจากหลับใหล ออกจากสวนมา

นางไปดูป๋ายสู้สู้ ผู้ซึ่งกำลังศึกษาวิจัยอุปกรณ์ทางด้านวิทยาศาสตร์เหล่านั้นอยู่

อันหลิงหยุนเข้าไปพูดคุยสองสามประโยค ก็ออกมาจากด้านในแล้ว

นางต้องการเข้าวัง ไม่อาจชักช้าได้

เมื่อออกจากจวนอ๋องเสียน กงชิงวี่ตามอันหลิงหยุนเข้าวังไปด้วยกัน เมื่อไปถึงพระตำหนักจรุงจิต อันหลิงหยุนก็รู้สึกหดหู่เศร้าหมองขึ้นมาอีกระลอกหนึ่ง เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว

"เป็นอะไรไป?" กงชิงวี่จับมืออันหลิงหยุน กุมไว้ด้วยสองมือตลอดเวลา แม้จะไม่ได้เดินอยู่เขาก็มักจะจับมืออันหลิงหยุนไว้ คล้ายว่าเป็นการจับมือให้ความอบอุ่นจากใครสักคน แต่แท้ที่จริงแล้ว ไฉนเลยจะเป็นอันหลิงหยุนกุมมือให้ความอบอุ่นเขา แต่เป็นเขากำลังปกปิดซับเหงื่อให้อันหลิงหยุนอยู่ต่างหาก

ในสภาพอากาศเช่นนี้ สองมือกุมเข้าด้วยกันยังชื้นเหงื่อ นับประสาอะไรกับสามมือด้วยแล้ว

แต่ทำอย่างไรเขาก็ไม่ยอมปล่อย จึงทำได้เพียงปล่อยให้เขากุมไปเช่นนั้น

อันหลิงหยุนได้ยินเขาถามจึงเอ่ยขึ้นว่า: "สุดท้ายถึงอย่างไรพระองค์ก็เป็นถึงฮ่องเต้ การจะเข้าเฝ้าแต่ละครั้งช่างชวนให้รู้สึกอกสั่นแขวนแขวน เสมือนว่าหัวสมองจะขยับขยายย้ายบ้านไปไม่อยู่กับตัวได้ทุกเมื่อ”

กงชิงวี่รู้สึกขบขันขึ้นมาคำรบหนึ่ง: "วางใจเถอะ ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าจะกระตุ้นตนเองให้ปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น  ข้ายืนอยู่ตรงนี้ หากมีใครหน้าไหนกล้าออกมาทำร้ายหยุนหยุน ข้าจะเอาชีวิตมันผู้นั้น!"

อันหลิงหยุนคำพูดติดขัดไปชั่วขณะ อ้าปากแล้วอ้าปากเล่า คิดวนเวียนในใจถึงคำถามที่อยากถาม จะถามออกไปดี หรือว่าไม่ถามออกไปดีล่ะ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน