ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 291

บทที่ 291 พี่น้องประมือ

เห็นอันหลิงหยุนอ้าปากเหมือนกำลังจะพูดแล้วก็หยุดไป กงชิงวี่แปลกใจ “จะถามอะไร?”

อันหลิงหยุนก็อดใจไว้ไม่ได้ “ก็ไม่มีอะไร ก็แค่ฟังที่ท่านอ๋องพูดแล้วรู้สึกสะเทือนอารมณ์สะท้อนใจมาก มีคำพูดหนึ่งไม่รู้ว่าควรจะพูดดีหรือไม่ แต่พอมาคิดดูดีๆแล้ว ก็รู้สึกว่าไม่ควรถามตั้งแต่แรก ยิ่งไม่สมควรที่จะคิด” กงชิงวี่เป็นคนฉลาดระดับไหน พอหวนกลับไปคิดแล้ว เขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว

เขาไม่รอช้ากล่าวถามด้วยความสงสัยว่า “ระหว่างเจ้ากับเขา ข้าจะเลือกใคร?”

อันหลิงหยุนพยักหน้า “อืม”

“ข้าไม่เคยคิด แต่หากว่าเขาทำร้ายหยุนหยุน ข้าต้องไม่ยอมอยู่แล้ว” กงชิงวี่จริงใจ เขามองไปที่พระตำหนักจรุงจิตครู่หนึ่ง “ถึงแม้ข้าจะไม่คิดกบฏ แต่หากหยุนหยุนโดนทำร้าย ข้าต้องหาเขาทวงความเป็นธรรมแน่”

“มีคำพูดคำนี้ของท่านอ๋องข้าก็พอใจแล้ว แต่ว่าหากถึงเวลาแล้วข้าทำร้ายเขา ท่านอ๋องอย่ามาคิดบัญชีกับข้าแล้วกัน”

อันหลิงหยุนเหลือทางเอาไว้ให้ตัวเอง

ในเมื่อฮ่องเต้ชิงหยู่ทำร้ายนางเขาจะไปคิดบัญชี หากว่านางทำร้ายฮ่องเต้ชิงหยู่เข้า กลัวว่าตามนิสัยของเขาแล้ว คงจะไม่ยอมปล่อยไปแน่

พูดเอาไว้ก่อน ถือเป็นหลักประกันในวันหน้า

กงชิงวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ก็มีแต่เจ้านั่นแหละที่ใจกล้าขนาดนี้ กล้าพูดคำเช่นนี้ ข้าปกป้องเจ้า แต่ไม่ใช่ว่าจะให้ท้ายเจ้า

ในเมื่อหยุนหยุนเป็นพระชายาเสียน ก็สมควรต้องทำหน้าที่พระชายาเสียนเป็นหลัก จะทำเรื่องที่ทำให้ข้าเสื่อมเสียชื่อเสียงไม่ได้

เขาหาเรื่องหยุนหยุนนั่นเป็นเพราะเขาลำไส้ไก่น้อยผ้าขี้ริ้ว(จิตใจคับแคบ) แน่นอนว่าข้าจะต้องหาเขา แต่หยุนหยุนหาเรื่องเขาถือเป็นการลบหลู่ เป็นการกฏบ!”

กงชิงวี่กล่าวรุนแรง อันหลิงหยุนกลับไม่คิดกลัว บริเวณรอบๆไม่เห็นมีใคร ก็ไม่กลัวว่าจะมีคนได้ยิน

“ท่านอ๋องคิดมากไปแล้ว ถึงแม้คนทั้งโลกใบนี้มีใจคิดกฏบ ข้าก็ไม่คิดจะมีความคิดนั้น ส่วนเรื่องลบหลู่.......เป็นอะไรที่จำใจจริงๆ

ท่านอ๋องท่านไม่รู้หรอก เวลาที่อยู่กับเขาข้าเหนื่อยมาก บางครั้งเขาก็เป็นคนบีบบังคับให้ข้าลบหลู่เขาเอง”

กงชิงวี่มองไปที่อันหลิงหยุนอีกครั้ง รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขาไม่ชอบให้อันหลิงหยุนพูดถึงบุคคลนั้นเลย

“ข้าพาเจ้ากลับเถอะ”

กงชิงวี่จับมืออันหลิงหยุนไว้ก็คิดจะจากไป กลับเป็นอันหลิงหยุนเองที่ตะลึงไป “ท่านอ๋องข้ามาหาเขาวันนี้เพราะมีธุระ กลับไปแบบนี้กลัวว่าคงจะไม่เหมาะสม ยิ่งไปกว่านั้นสวีกงกงก็ไปรายงานแล้วด้วย”

“ถ้างั้น......” กำลังคิดจะพูดอะไร สวีกงกงก็ออกมาจากข้างใน

ทั้งสองไม่ได้กลับแล้วถูกเชิญเข้าไป อันหลิงหยุนเดินเข้าไปยังพระตำหนักจรุงจิต คุกเข่าลงน้อมทักทาย กงชิงวี่ค้นพบเป็นครั้งแรก เขาไม่อาจทนเห็นผู้หญิงคนนี้คุกเข่าได้

จ้องมองไปที่อันหลิงหยุนสีหน้ากงชิงวี่ไม่น่าดูเลย

เหมือนว่าฮ่องเต้ชิงหยู่จะดูออกอย่างงั้นแหละ ทุกครั้งก็รีบให้อันหลิงหยุนลุกขึ้นโดยไว มีแต่ครั้งนี้ที่ยังไม่เอ่ยปาก

กงชิงวี่รออยู่ครู่หนึ่ง เลยต้องกล่าวว่า “ข้าไปล่วงเกินผิดใจฝ่าบาทตรงไหนหรือ?”

“พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?” ฮ่องเต้ชิงหยู่เหลือบมองไปที่อันหลิงหยุนที่ยังคุกเข่าอยู่อีกครั้ง ตั้งครรภ์หรือ? เกี่ยวกับเรื่องที่อันหลิงหยุนตั้งครรภ์ ฮ่องเต้ชิงหยู่กลับพูดไม่ออกว่าควรจะมีความสุขหรือไม่มีความสุขดี

แต่เขากลับอยากพบกับพวกเขาผัวเมีย

ก่อนหน้านั้นบอกว่าไม่ร่วมห้องกัน ถ้าอย่างนั้นแล้วเด็กมาได้อย่างไรกันแน่?

“หยุนหยุนกำลังตั้งครรภ์อยู่ ไม่ควรตรากตรำตั้งแต่แรก วันนี้มีธุระเข้าวัง เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องคุกเข่าน้อมทักทาย แต่ร่างกายนางอ่อนแอ ไม่เหมาะกับการคุกเข่านานๆ ทุกครั้งที่มาน้อมทักทายฝ่าบาท ฝ่าบาทก็ให้หยุนหยุนรีบลุกขึ้นโดยเร็ว วันนี้คุกเข่าอยู่นาน ไม่รู้ว่าเพราะข้าทำอะไรผิดพลาดไปหรือเปล่า?”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ยิ้มเรียบๆ “ข้าเป็นฮ่องเต้ จะให้ใครคุกเข่าหรือไม่ให้ใครคุกเข่า ยังต้องฟังคำพูดเจ้าหรือ?”

“ข้าไม่กล้า”

กงชิงวี่ยกมือโค้งคาราวะ ฮ่องเต้ชิงหยู่ฮึออกมาอย่างเย็นชา “ปากเจ้าบอกไม่กล้า แต่ในใจเจ้าอาจจะไม่คิดแบบนี้ก็ได้?

ตั้งแต่เด็กข้าก็คอยสั่งสอนเจ้า ฮ่องเต้กับขุนนางมีวิถีแห่งมารยาท เจ้ากลับลืมไปจนสนิท วันนี้ แค่คำที่เจ้าพูดออกมาเมื่อกี้ ข้าก็สามารถลากตัวเจ้าออกไปประหารแล้ว”

อันหลิงหยุนบ่นพึมพำ นี่ไม่ใช่การจ้องจะเล่นงานพวกเขาอย่างเห็นได้ชัดหรือ?

แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรล่วงเกินฮ่องเต้ชิงหยู่ หรือจะเป็นเพราะว่านางคุกเข่าอยู่ แล้วกงชิงวี่ก็พูดมากไป?

“ฝ่าบาทตรัสเช่นนี้ ข้าคงจะกระทำความผิดฐานลบหลู่จริงๆ ข้ายอมรับความผิดก็ได้”

กงชิงวี่ยกชายกระโปรงคุกเข่าลง “ฝ่าบาทโปรดเมตตา ให้หยุนหยุนลุกขึ้นมาเถอะ ทารกในครรภ์ของนางหัวใจเต้นไม่คงที่ หลายวันมานี้ก็ไม่สบายอยู่บ่อยๆ ฝืนจนมาเข้าวังได้ ให้คุกเข่าไว้เช่นนี้ กลัวว่าจะกระทบต่อร่างกายนาง”

เมื่อกงชิงวี่กล่าวคำนี้ออกมาก็เห็นฮ่องเต้ชิงหยู่ขยับจริงๆ แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าเป็นความจริงไหม

“พระชายาเสียนเป็นหมอ หรือว่าไม่สามารถรักษาตัวเองได้งั้นหรือ?”

“ทูลฝ่าบาท หมอไม่สามารถรักษาตัวเองได้ บวกกับถูกคนทำร้ายหลายต่อหลายครั้ง ร่างกายของหยุนหยุนไม่ได้แข็งแรงเหมือนแต่ก่อนแล้ว”

เวลานี้อันหลิงหยุนก้มหัวคุกเข่าอยู่ตรงนั้น ทำราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับนางเลย ทำไมนางรู้สึกว่า วันนี้สองคนนี้กำลังแอบใช้กลยุทธ์ในการต่อสู้กันอย่างลับๆ แต่รายละเอียดเป็นเพราะอะไร นางยังคิดอยู่

ฮ่องเต้ชิงหยู่มองไปที่อันหลิงหยุนสักครู่ จะให้นางลุกขึ้นมาก็รู้สึกไม่เต็มใจ เห็นกงชิงวี่คุกเข่าขอร้องเพื่อนาง เขาก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก

หากไม่ให้ลุกขึ้นมา เกิดมีอะไรขึ้นมาจริงๆ เขาก็ทนดูไม่ได้เช่นกัน

“ในเมื่อเจ้าว่าร่างกายนางไม่แข็งแรง งั้นให้นางลุกขึ้น ส่วนเจ้าก็คุกเข่าแทนนางเถอะ”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ทรงตรัสเช่นนี้สวีกงกงที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย เขาก็ไม่เข้าใจวันนี้ฮ่องเต้เป็นอะไรไป คำที่ตรัสออกมายังทำให้คนยากที่จะเข้าใจ

กงชิงวี่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรมาก “ขอบพระทัยฝ่าบาท”

อันหลิงหยุนมองไป ลุกขึ้นมาก็ไม่ใช่ไม่ลุกขึ้นมาก็ไม่ใช่

กงชิงวี่มองไปทางอันหลิงหยุน “ลุกขึ้นมาเถอะ”

อันหลิงหยุนเลยจำต้องลุกขึ้นมา

ลุกขึ้นยืนแล้วอันหลิงหยุนมองไปที่กงชิงวี่อีกครั้ง นางไม่ได้กล่าวอะไรในทันทีก้มหน้าแล้วเงียบเอาไว้

ฮ่องเต้ชิงหยู่มองพวกเขาผัวเมียครู่หนึ่ง กล่าวถาม “วันนี้เข้าวัง มีธุระ?”

“กราบทูลฝ่าบาท ก่อนหน้านั้นหยุนหยุนไม่สบาย ดีที่ได้พระชายาจวิ้นเสี้ยวจากตระกูลป๋ายช่วยหยุนหยุนเอาไว้ ถึงได้ปลอดภัย

ข้ารู้มาว่า พระชายาจวิ้นเสี้ยวจากตระกูลป๋าย มาจากตระกูลหมอเทวดาที่มีความสามารถล้ำเลิศ และนางก็ยังยืนยัน ทารกในครรภ์ของหยุนหยุนมีความแปลกเล็กน้อย กลัวว่าอาจเป็นเพราะร่างกายไม่แข็งแรง จะเกิดเรื่องกับเด็ก

ข้าถึงได้รีบร้อนมาขอให้ฝ่าบาทมีราชโองการ ให้ความกรุณาหยุนหยุนสักครั้ง ให้พระชายาจวิ้นเสี้ยวจากตระกูลป๋ายไปที่จวนอ๋องเสียนเพื่อป้องกันการแท้งบุตรของหยุนหยุนด้วยเถอะ”

พูดถึงเรื่องป้องกันการแท้งบุตร ฮ่องเต้ชิงหยู่ก็ไม่มีอารมณ์จะทรมานแล้ว โบกมือไปมา “ลุกขึ้นมาเถอะ”

กงชิงวี่ไม่ได้ลุกขึ้นมา กล่าวต่อไปว่า “ฝ่าบาท ขอให้พระองค์ทรงมีราชโองการด้วยเถอะ”

ฮ่องเต้ชิงหยู่สีหน้าแสดงความไม่พอใจ “อ๋องเสียนลุกขึ้นมาก่อน”

อันหลิงหยุนเหลือบมองไปทางกงชิงวี่ครู่หนึ่ง นี่เขาไม่พอใจหรือ?

อันหลิงหยุนเข้าใจได้ถึงความหมดปัญญาของฮ่องเต้ทันที มีน้องชายสองคนถือว่าเป็นเรื่องโชคร้ายจริงๆ นี่ถ้ามีน้องชายเยอะมิต้องโชคร้ายกว่านี้หรือ

เอะอะก็ข่มขู่!

“ฝ่าบาท ข้าคุกเข่าไว้ก่อน”

“ฮึ งั้นเจ้าก็คุกเข่าจนตายเถอะ”

ฮ่องเต้ชิงหยู่สีหน้าเย็นชา สายตามองไปยังอันหลิงหยุน สอบถามไปหลายประโยค คำพูดอันหลิงหยุนส่วนใหญ่เหมือนกันกับกงชิงวี่ ฮ่องเต้ชิงหยู่เลยเชื่อ

“หากว่าไม่สบายจริง ก็ให้พระชายาจวิ้นเสี้ยวไปเถอะ แต่ยังไงนางก็เป็นถึงราชนิกุล ถึงจวนแล้วก็ระวังไว้หน่อยแล้วกัน!”

“หม่อมฉันน้อมรับคำสั่ง”

อันหลิงหยุนรับคำสั่ง ฮ่องเต้ชิงหยู่มองไปที่กงชิงวี่ครู่หนึ่ง

“หากเจ้าไม่อยากลุกขึ้น งั้นก็คุกเข่าต่อไป พระชายาเสียน พักนี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย เจ้ามาตรวจดูให้ข้าหน่อย” ฮ่องเต้ชิงหยู่ลุกขึ้นไปยังพระตำหนักด้านหลัง อันหลิงหยุนรู้สึกลำบากใจมาก เหลือบมองไปที่กงชิงวี่ หากจะทำก็ต้องทำให้สุดถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่ต้องทำ เมื่อโค้งคำนับตอบตกลงคนก็ล้มหัวฟาดลงไป

“หยุนหยุน.......”

กงชิงวี่ดวงตาเฉียบแหลม มือที่ว่องไวคว้าตัวอันหลิงหยุนแล้วกอดเอาไว้ สวีกงกงตกใจจนร้องออกมา ตามหลังฮ่องเต้ชิงหยู่ไปดูอย่างใกล้ชิด

กงชิงวี่หน้าซีดเผือด เหงื่อออกเต็มหน้า กำลังกอดและเรียกอันหลิงหยุนที่สลบไป

มือของฮ่องเต้ชิงหยู่กุมเอาไว้ สีหน้าเปลี่ยนไป!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน