ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 299

บทที่ 299 ความโกรธแค้นของเสินหยุนชู

อ๋องจวิ้นเสี้ยวถูกลากออกไป ป๋ายชิงชิงตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นางคลานไปที่เท้าของอันหลิงหยุนแล้วก็ไปดึงชายกางเกงร้องขอให้ช่วยชีวิต

อันหลิงหยุนเห็นว่าป๋ายชิงชิงดึงนาง นางก็รีบถอยหลัง กงชิงวี่ไม่ยอมแล้ว กล้าแตะต้องผู้หญิงของเขา

กงชิงวี่เตะไปที่คางป๋ายชิงชิง ป๋ายชิงชิงถูกเตะออกไปหายเมตร ร่วงลงกับพื้นอุ้มท้องของนางกลิ้งไปกับพื้น

อันหลิงหยุนตื่นตกใจ “ท่านอ๋อง......”

กงชิงวี่โกรธกะทันหัน “เจ้าคนบังอาจ กล้าจู่โจมพระชายา”

อันหลิงหยุนอ้าปากค้าง (แทนที่จะยอมรับผิด)เขากลับย้อนเล่นงานอีกฝ่าย!

อันหลิงหยุนผละออกจากกงชิงวี่ ไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่น เดินไปดูป๋ายชิงชิง ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เด็กคือผู้บริสุทธิ์ จะไม่ให้สนใจเด็กได้อย่างไร

อันหลิงหยุนเริ่มต้นสแกน ดีที่เด็กยังแข็งแรงดีไม่เป็นอะไร นางหยิบเอายาบำรุงครรภ์ที่พกติดตัวไว้ตลอดให้ป๋ายชิงชิงกินเข้าไป นางไม่เป็นอะไรแล้วถึงลุกขึ้นจากไป

ป๋ายชิงชิงไม่ยอมลุกขึ้นมา แสร้งทำเป็นว่ากระเทือนต่อครรภ์ของนาง ร้องไห้อยู่บนพื้น

เวลานี้บังเอิญได้เห็นถึงความหล่อเหลาของกงชิงวี่ ตะลึงไปเล็กน้อย

นางเห็นกงชิงวี่ ในใจเกิดความชอบอย่างบอกไม่ถูก

เทียบกับอ๋องจวิ้นเสี้ยวแล้ว กงชิงวี่เป็นดั่งมังกรในหมู่มนุษย์ชัดๆ

สีหน้ากงชิงวี่ขรึมลง ฮึออกมาอย่างเย็นชา พาอันหลิงหยุนไปด้านหนึ่ง

ถางเหอพาคนเดินมา พูดข้างหูกงชิงวี่สองสามคำ กงชิงวี่ฮึออกมาเย็นชา “ไปเถอะ”

อันหลิงหยุนไม่เข้าใจ ตามออกจากจวนอ๋องจวิ้นเสี้ยวออกนอกประตูอันหลิงหยุนกล่าวถาม “เกิดอะไรขึ้น?”

“ตีจนสลบไปแล้ว เขาไม่ยอมพูด ตีต่อไปก็ตายเปล่าไม่มีประโยชน์อะไร” กงชิงวี่ถอนคนออกไป พาอันหลิงหยุนเข้าวังไปก่อน

อันหลิงหยุนไปพบฮ่องเต้ชิงหยู่ นำเรื่องขึ้นกราบทูล ฮ่องเต้ชิงหยู่หยิบคำให้การมาดู บันดาลโทสะ โยนคำให้การทิ้งไป “ตระกูลป๋ายนี้ หลอกลวงเบื้องสูงปิดบังเบื้องล่าง ไร้ซึ่งมโนธรรม หากไม่มีการลงโทษ สวรรค์ก็ทนสิ่งนี้ไม่ได้” อันหลิงหยุนเหลือบมองไปอย่างระมัดระวัง ตอนนี้นาง ดูไม่ออกแล้วว่าฮ่องเต้ชิงหยู่แกล้งทำหรือว่าเอาจริงกันแน่?

“อ๋องเสียนเจ้าเห็นว่า เรื่องนี้ควรจะลงโทษเช่นไร?”

ฮ่องเต้ชิงหยู่มองไปทางกงชิงวี่ กงชิงวี่กล่าวว่า “ในเมื่อเป็นการฆ่าเมียฆ่าแม่ โทษสมควรตาย ส่วนคนในตระกูล ผู้ชายเนรเทศไปชายแดน ผู้หญิงให้เป็นทาส”

“อืม ก็ถือว่าถูกไปสำหรับพวกเขาแล้ว(ลงโทษสถานเบา) ในเมื่ออ๋องเสียนเห็นควรเช่นนี้ งั้นก็ทำเช่นนี้เถอะ?”

ฮ่องเต้ชิงหยู่สั่งให้ตรวจสอบและจัดการ ก็รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยแล้ว

“พระชายาเสียน ข้ารู้ว่าร่างกายเจ้าหักโหมไม่ได้ แต่ว่าสองวังต้องการให้เจ้าดูแลรักษาจริงๆ เจ้าไปตรวจดู ข้ามีเรื่องจะพูดกับอ๋องเสียน”

“เพคะ” อันหลิงหยุนถอยออกมาจากพระตำหนักจรุงจิต

ไปตรวจดูฮองเฮาก่อน สวีกงกงคอยดูแลอยู่ข้างๆ

อันหลิงหยุนถาม “กงกงทำไมถึงออกมาได้ ไม่ต้องอยู่รับใช้ฝ่าบาทหรือ?”

“อ๋องเสียนสั่งให้ข้าน้อยมา อาจเพราะไม่วางใจ(เป็นห่วง)”

“รบกวนกงกงแล้ว” อันหลิงหยุนไปดูฮองเฮาก่อน ที่วังเฟิ่งหยีเจอกับเสินหยุนเจ๋ที่เข้าวังเยี่ยมฮองเฮาพอดี

“เจ้ามาแล้วหรือ?”

รอบข้างไม่มีคน เสินหยุนเจ๋ก็ไม่ต้องถูกจำกัดแล้ว การเรียกขานก็เลยเปลี่ยนไป

อันหลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มเรียบๆ “แม่ทัพน้อย”

“มาเถอะ”

เสินหยุนเจ๋หันหลังเข้าไป อันหลิงหยุนมองสวีกงกงครู่หนึ่งก็ตามเข้าไป

เวลานี้ฮองเฮากำลังนั่งอยู่ในลาน ร่างกายก็ยิ่งแย่ลงกว่าแต่ก่อน ใบหน้าก็ผอมบางจนริ้วรอยปรากฎ แม้จะดูแลรักษาอย่างไร อย่างไรเสียผู้หญิงก็คือผู้หญิง พอเจอเรื่องอะไรเข้า ก็ยิ่งผอมแห้งซีดเซียวได้ง่าย

เส้นหยุนชูสวมชุดหงส์สีเหลืองข้างใน ข้างนอกคลุมเสื้อคลุมไว้หนึ่งตัว ร่างกายผอมบางลมพัดมาดูแล้วหดหู่ยิ่งนัก

อันหลิงหยุนเข้าประตูมาโค้งตัวคำนับ “ถวายพระพรฮองเฮา” เสินหยุนชูมองไปช้าๆ หรี่ตามองไปที่ท้องของอันหลิงหยุน ได้ยินเมื่อวานแล้ว ไม่ได้มีแค่คนเดียว

เสินหยุนชูอยากยิ้ม แต่กลับยิ้มไม่ออก

“นั่งลงเถอะ”

อันหลิงหยุนเดินไปนั่งลง “ฮองเฮา หม่อมฉันได้นับคำสั่งให้มาจับชีพจร”

เสินหยุนชูเอามือวางไว้บนโต๊ะ อันหลิงหยุนเริ่มต้นสแกน ผ่านไปสักพักถึงเก็บมือกลับ

“ร่างกายพระนางพร่องเย็น จำเป็นต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างดี หม่อมฉันมียาบำรุงร่างกายอยู่หนึ่งขวด ฮองเฮารับไว้ กินทุกวันวันละสามครั้ง เช้ากลางวันเย็น ใช้น้ำอุ่นในการกิน”

อันหลิงหยุนวางขวดยาสีขาวเอาไว้ ที่จริงแล้วนางเตรียมไว้ให้จุนเซียวเซียว แต่ในเมื่อมาถึงวังเฟิ่งหยีก่อน งั้นก็ให้เสินหยุนชูก่อน

เสินหยุนชูมองครู่หนึ่ง กล่าวเรียบๆ “ขอบใจ พระชายาเสียน”

“หน้าที่ของหม่อนฉัน หม่อมฉันไม่กล้า”

“เสินหยุนชูก็ไม่ได้พูดอะไร มองขวดยาสักครู่ บอกว่านางเหนื่อยแล้ว

“หม่อมฉันทูลลา”

อันหลิงหยุนลุกขึ้นแล้วออกจากวังเฟิ่งหยี นางนึกถึงแม่นมซีแล้วอารมณ์ไม่ดี แม่นมซีตายอย่างน่าอนาถนัก

ถึงแม้แม่นมซีตายจะด้วยน้ำมือกงชิงวี่ แต่ความจริงแล้วนางตายเพื่อฮองเฮา

เสินหยุนเจ๋ตามอันหลิงหยุนออกจากวังเฟิ่งหยีพร้อมกัน ทั้งสองไม่ได้พูดอะไร อาจจะเป็นเพราะเข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

ทั้งสองไปวังจิ่งซิ่วพร้อมกัน จุนเซียวเซียวได้รับการโปรดปรานเป็นถึงกุ้ยเฟย ก็ต้องไม่อยู่ที่วังสวยหัวต่ออยู่แล้ว

มาถึงวังจิ่งซิ่วอันหลิงหยุนกับเสินหยุนเจ๋เข้าประตูพร้อมกัน ในวังมีนางกำนัลออกมาต้อนรับ ไม่รออันหลิงหยุนเข้าไปจุนเซียวเซียวก็เดินออกมา

“คำนับพระนาง” ตอนนี้ไม่เหมือนวันก่อน อันหลิงหยุนโค้งตัวคำนับก่อน

จุนเซียวเซียวรีบร้อนพยุงนาง “เจ้ามาซะที ได้ยินว่าเจ้ามีแล้วข้ารู้สึกตื่นเต้นมาก”

“ขอบพระทัยพระนางที่คิดถึง”

อันหลิงหยุนเกรงใจเดินตามเข้าไป นั่งลงแล้วพูดตามตรงตรวจให้จุนเซียวเซียว จุนเซียวเซียวอาศัยตอนที่ตรวจถามเรื่องที่อันหลิงหยุนตั้งครรภ์ขึ้นมา

จุนเซียวเซียวเพิ่งจะเสียลูกไปไม่นาน อันหลิงหนุนไม่อยากพูดอะไรมาก เพียงแต่พูดกับนางแค่ไม่กี่คำ ก็ไม่พูดอีก

ก่อนจากไปจุนเซียวเซียวใช้สายตาส่งอันหลิงหยุนจากไป เวลานี้เสินหยุนเจ๋ก็จากไปพร้อมกับอันหลิงหยุน

ทั้งสองร่วมทางไปด้วยกัน เส้นหยุนเจ๋กล่าว “เจ้าเปลี่ยนไปนะ”

“..........แม่ทัพน้อยพูดถูกแล้ว”

เสินหยุนเจ๋หยุดลง “แต่ว่าข้าก็ยังชอบมาก ยิ่งชอบมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่เจ้า แต่กลับควบคุมหัวใจไม่ได้”

เสินหยุนเจ๋พูดเช่นนี้ อันหลิงหยุนได้แต่เกลี้ยกล่อมว่า “ผู้หญิงดีๆมีเยอะแยะ ทำไมต้องชอบหญิงที่มีสามีแล้ว พูดออกไปมีแต่จะเสื่อมเสียชื่อเสียง”

“ถึงแม้จะผู้หญิงดีๆมีเยอะแยะ แต่พวกนางไม่ใช่เจ้า”

เสินหยุนเจ๋พูดจบก็เดินไปทางวังเฟิ่งหยี อันหลิงหยุนหดหู่ใจเหลือเกิน ยืนอยู่สักพักถึงไปที่พระตำหนักจรุงจิต

ระหว่างทางสวีกงกงกล่าวว่า “พระชายา เดิมทีแม่ทัพน้อยก็เคยชอบพระชายา ในเมืองหลวงต่างก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่คำพูดไม่น่าฟังมีเยอะมาก ถ้าหากพระชายาไม่ตัดขาดการไปมาหาสู่กับเขา หากมีคนตั้งใจพูดอะไรลับหลัง เกรงว่าจะไม่เป็นผลดีกับพระชายา”

อันหลิงหยุนส่ายหน้า “ข่าวลือจะหยุดที่ผู้มีปัญญา(ผู้มีปัญหาจะรู้จักแยกแยะและไม่ลือต่อ) เรื่องบางอย่างยิ่งอธิบายก็ยิ่งไม่ชัดเจน เขาเป็นแม่ทัพน้อย ข้าเป็นพระชายาเสียน เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน ไม่ไปสนใจก็พอ”

สวีกงกงไม่พูดต่ออีก แต่เขาก็ยังมองไปทางวังเฟิ่งหยีครู่หนึ่ง แล้วตามหลังไปที่พระตำหนักจรุงจิต

กงชิงวี่ออกมาจากพระตำหนักจรุงจิตแล้ว อันหลิงหยุนมองเขาครู่หนึ่ง ตามสวีกงกงเข้าไปรายงานเรื่องของสองวังให้ฮ่องเต้ทราบ ทั้งสองถึงจากไปพร้อมกัน

ในรถม้า อันหลิงหยุนกล่าวถึงเรื่องของเสินหยุนชู “ฮองเฮาร่างกายอ่อนแอ ดูท่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน ข้าเอายาให้นางหนึ่งขวด ถ้าหากว่ายอมกิน ยังสามารถฟื้นฟูอย่างช้าๆ แต่ข้ากลัวว่านางจะไม่กิน”

“เป็นวาสนาไม่ใช่คราวเคราะห์ ถ้าเป็นคราวเคราะห์ก็หลบไม่พ้น ถึงแม้นางจะไม่เหมือนแต่ก่อน แต่นางก็ไม่ยอมตายหรอก แต่ว่ายาขวดนั้นของเจ้าไม่แน่ว่านางจะกิน”

กงชิงวี่กุมมืออันหลิงหยุนเอาไว้ โอบกอดคนเข้าไปในอ้อมแขน

คนเราก็เป็นเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าความปรารถนาดีทั้งหมดจะถูกถือเป็นความปรารถนาดี

ฮองเฮาโกรธแค้นในใจแต่แรก แล้วจะยอมกินยาได้อย่างไร?

เสินหยุนเจ๋เดินเข้าตำหนักชั้นในจากด้านนอกวังเฟิ่งหยี เพิ่งจะเข้าไปก็เห็นเสินหยุนชูเทยาในขวดสีขาวลงในน้ำ จากนั้นก็เทน้ำทิ้ง

ยาด้านในละลายเร็วมาก ตอนที่เทน้ำ บนพื้นเหลือแต่ยาที่ละลายเป็นน้ำแล้ว ดูดซึมลงพื้นอย่างรวดเร็ว ไม่เหลืออะไรเลย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน