ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 309

อ๋องหกรีบมาถึงเห็นลูกชายนอนจมกองเลือด หายใจไม่ออกเป็นลมหมดสติไป อันหลิงหยุนจึงถูกปล่อยไป

อันหลิงหยุนเดินไปตรวจดูให้อ๋องหก หัวใจวายเฉียบพลัน เลือดไปเลี้ยงสมองมากเกินไป เขาเป็นคนมีโรคหัวใจ

กินยารักษาโรคหัวใจที่อันหลิงหยุนทำขึ้นเอง อ๋องหกค่อยๆฟื้นคืนสติ ทันทีที่ตื่นขึ้นมาอ๋องหกก็หลั่งน้ำตาออกมา เสียใจจนทรมานอึดอัดไปหมด

“ลูกพ่อ ลูกชายของข้า”

อ๋องหกร้องไห้จนไม่ไหว มีคนมาประคองอ๋องหกไป

ในลานของจวนอ๋องจวิ้นเสี้ยว เวลานี้ยุ่งเหยิงไปหมด ทุกคนต่างพากันหวาดผวา คนตายไปตั้งหลายคนเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

กงชิงวี่ไปตรวจสอบแล้ว คนจากสำนักนักสืบก็มาถึงที่นี่อย่างรวดเร็ว แต่ครั้งนี้เว่ยหลิงชวนก็มาด้วย

อันหลิงหยุนก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ อ๋องจวิ้นตายไปทั้งคนแถมยังเป็นตระกูลอ๋องชิน เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงราชวงศ์ ต้าจงเจิ้งย่วง(ศาลในวัง)ก็ต้องรับทำเรื่องนี้อยู่แล้ว

และตระกูลอ๋องหกก็ไม่ยุ่งเรื่องนี้ไม่ได้ อ๋องหกกลับไปพักแล้ว อ๋องชินฉุนกงชิงซวนหวยเพียงแต่รับหน้าจัดการเรื่องนี้

อ๋องชินฉุนอันหลิงหยุนรู้จัก ก่อนหน้านั้นคนแรกที่ตีนางก่อนที่ต้าจงเจิ้นย่วงก็คือเขา ตีจนฟันร่วงสองซี่ เป็นอะไรที่น่าสังเวช อันหลิงหยุนบอกเลยได้ว่ามันเป็นความจำที่ยังใหม่อยู่

เมื่อพบหน้าอ๋องชิงฉุนคำนับไปทีละคน สุดท้ายถึงไปหาเว่ยหลิงชวน

วันนี้อ๋องตวนก็มาด้วย กระทั่งหยุนโล๋ชวนก็ตามเขามาพร้อมกัน ตอนที่อันหลิงหยุนเห็นพวกเขาอันหลิงหยุนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

เมื่อหยุนโล๋ชวนมาถึง ก็ถูกอ๋องตวนบังไม่ให้เห็นทันที จากนั้นแม่นมเว่ยก็สั่งคนมากั้นรอยเลือดที่อยู่ตรงหน้า หญิงตั้งครรภ์ดูสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ และไม่สามารถที่จะไปที่ไหนก็ได้ อันหลิงหยุนไม่หลบเลี่ยง แต่ฮั๋วไทเฟยไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ นางต้องการปกป้องให้หลานคลอดออกมาอย่างปลอดภัย

หยุนโล๋ชวนรู้สึกหดหู่มาก “พี่พระชายาเสียน”

ยืนอยู่ข้างหลังหยุนโล๋ชวนรีบร้อนกระโดดโลดเต้น อันหลิงหยุนแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน

อ๋องตวนจับข้อมือหยุนโล๋ชวนเอาไว้ กันไม่ให้นางพุ่งตัวออกไป

เวลานี้แม่นมเว่ยพานางกำนัลสองคนมาดูด้วย กันไม่ให้เกิดเรื่องกับหยุนโล๋ชวน

อันหลิงหยุนมองหยุนโล๋ชวนแล้วรู้สึกเศร้าเล็กน้อย เป็นหญิงตั้งครรภ์เหมือนกัน เจ้าดูเขาสิ แล้วมาดูนาง

เท้าเปล่าเทียบไม่ได้ใส่รองเท้าจริงๆ สูงส่งเสียจริง!

“พี่พระชายาเสียน”

หยุนโล๋ชวนไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากอันหลิงหยุน คิดว่าอันหลิงหยุนไม่ได้ยินคำพูดนาง ตะโกนเรียกอย่างรีบร้อน มองดูเหมือนจะออกไปแล้ว

นางต้องการรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ได้ยินมาว่าอ๋องจวิ้นเสี้ยวตอนตัวเองไปแล้ว

นี่จะต้องโกรธแค้นตัวเองขนาดไหน ถึงได้ลงมือตอนตัวเองได้

“แม่นม เอาผ้าเช็ดหน้าให้ข้า”

อ๋องตวนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปคงต้องวิ่งหนีออกไป

แม่นมเว่ยเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว มาที่แบบนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีการเตรียมตัว กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว

แม่นมเว่ยเอาผ้าเช็ดหน้าให้อ๋องตวน อ๋องตวนรับมาก็เอาไปปิดตาอันหลิงหยุนเอาไว้โดยตรง เช่นนี้ก็มองไม่เห็นแล้ว

หยุนโล๋ชวนจะเอาลงมา แม่นมเว่ยรีบเข้ามา

“พระชายารอง หากท่านยืนยันจะอยู่ต่อก็ต้องปิดตาเอาไว้ หลีกเลี่ยงไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเด็ก มิเช่นนั้นคงจะต้องรบกวนไปถึงไท่เฟยแล้ว”

พอได้ยินว่าจะต้องรบกวนถึงไท่เฟยหยุนโลชวนก็เชื่อฟังแล้ว จึงได้กล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าปิดตาก็ได้”

“ได้”

แม่นมเว่ยเหลือบมองไปทีอ๋องตวน “ท่านอ๋อง รบกวนลำบากท่านหน่อย จูงมือพระชายารองไว้หน่อย ไม่งั้นนางทนไม่ไหวทำอะไรบุ่มบ่ามไป กลัวว่าจะกระทบต่อทารกในครรภ์”

อ๋องตวนจับข้อมือหยุนโล๋ชวนเอาไว้ เช่นนี้วางใจขึ้นจริงๆ

อันหลิงหยุนมองกงชิงวี่ครู่หนึ่ง รู้สึกหดหู่มาก

“ท่านอ๋อง ท่านว่ามันน่าโมโหไหม ก่อนหน้านั้นอ๋องตวนพาพระชายาตวนโอ้อวดไปทั่ว ตอนนี้ก็พาพระชายารองของเขาโอ้อวดไปทั่ว”

กงชิงวี่หยิบเอาผ้าเช็ดหน้าของอันหลิงหยุนมา ปิดตาของนางเอาไว้ แล้วจับมือของนางเอาไว้ “ข้าก็ทำเป็น”

อันหลิงหยุนหัวเราะออกมา แต่รู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมาะสม ดังนั้นจึงรีบเก็บอาการลงทันที

กงชิงวี่เหลือบมองอ๋องตวน อ๋องตวนก็เหลือบมองกงชิงวี่ สองพี่น้องต่างจูงผู้หญิงไว้คนละคน ดูเหมือนจะดูตลกเล็กน้อย

โดยแฉพาะตอนที่มองหน้ากันพอดี อ๋องตวนอธิบาย “พระชายาต้องการจะมา ข้าก็จะมาพอดี”

กงชิงวี่ไม่ได้อยากรู้เรื่องพวกนี้ หันหลังกลับไปมองสถานที่เกิดเหตุ

เวลานี้อ๋องชินฉุนกำลังร้องไห้ ในขณะที่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ก็เช็ดน้ำตาไปด้วย พูดเป็นนัยว่ามีคนจ้องพวกเขาอยู่ ตั้งใจจะทำร้ายพวกเขา

เว่ยหลิงชวนรับทำคดีนี้แล้วยังตัองร่วมมือกับกงชิงวี่ สอบถามเรื่องราวเสร็จมาหากงชิงวี่ “อ๋องซื่อเจิ้ง(ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์)เห็นว่าเรื่องนี้ควรจัดการเช่นไร”

“ในเมื่อต้าจงเจิ้งย่วน(ศาลในวัง)รับผิดชอบคดีนี้ ข้ากำลังช่วยพระชายาบำรุงครรภ์ เรื่องนี้ข้าคงจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวแล้ว ต้าจงเจิ้งย่วนจัดการเถอะ”

กงชิงวี่เตรียมตัวจะกลับไป เว่ยหลิงชวนเรียกพวกเขาเอาไว้

“ท่านอ๋อง คดีนี้มีความแปลกมากจริงๆ แต่เมื่อกี้หมอจวนมาก็บอกว่า ตรวจสอบไม่ออกมาว่าอ๋องจวิ้นเสี้ยวถูกพิษหรือไม่ แต่เท่าที่ข้าน้อยดู อ๋องจวิ้นเสี้ยวถูกพิษนั่นแหละ ไม่เกี่ยวกับไสยศาสตร์

แต่ตอนนี้หมอจวนตรวจสอบไม่ออกว่าถูกพิษหรือไม่ แต่ข้าดูแล้ว ถึงแม้จะเป็นหมอหลวงมาเอง ก็ตรวจสอบไม่ออกมาหรอก”

กงชิงวี่เลิกคิ้วมองไป “ในเมื่อตรวจสอบไม่ออกมา แล้วจะตรวจสอบอะไรอีก? ถึงแม้ข้าจะไม่เข้าใจเรื่องไสยศาสตร์ แต่ว่าตามที่เจ้าพูดมา เพราะถูกพิษถึงทำให้อ๋องจวิ้นเสี้ยวทำเรื่องพวกนี้ ข้ากลับไม่คิดเช่นนั้น”

“ออ?”

เว่ยหลิงชวนอยากฟังคำอธิบายที่ชัดเจน

กวชิงวี่หันกลับไปมองรอยเลือดบนพื้นรวมทั้งคนด้วย

“แม้ว่าข้าจะมีความรู้ไม่มากเท่าไหร่ แต่ว่าข้าเคยได้ยินมาจริงๆว่า ในยุทธภพ มีคนช่ำชองเรื่องการสะกดจิต ว่าด้วยเรื่องสะกดจิต ก็คือการควบคุมและบังคับคนคนหนึ่งผ่านการสะกดจิต บังคับให้คนคนนั้นทำต้องความต้องการของผู้ควบคุม(ผู้สะกดจิต)

คนที่ถูกควบคุมจะไม่รู้เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จะถูกควบคุมไว้ราวกับคนตายที่เดินได้

เริ่มแรกข้าเคยมาที่นี่ แต่เวลานั้นอ๋องจวิ้นเสี้ยวไม่มีอาการกำเริบ ดังนั้นข้าก็เลยคิดไม่ถึงว่าเขาจะถูกคนสะกดจิตควบคุมเอาไว้แล้ว

แต่ตอนที่ข้าเข้ามาเมื่อกี้เห็นอ๋องจวิ้นเสี้ยวอาการกำเริบ ท่าทางของเขา เหมือนกับไม่รู้จักใคร ฆ่าคนไปนับไม่ถ้วน ราวกับคนตายที่เดินได้

ตอนที่ข้าเห็นเขา เขากำลังเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์อยู่ แต่เหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ รอข้านึกขึ้นได้จะไปขัดขวาง เขาก็ใช้ดาบบั่นคอตัวเองแล้ว”

เว่ยหลิงชวนถึงนึกขึ้นได้ “อ๋องซื่อเจิ้งคิดว่าผู้ควบคุมอยู่ในลานนี้ เพราะว่าเห็นท่านอ๋อง?”

“ข้าไม่แน่ใจ แต่ผู้ควบคุมจะไม่อยู่ห่างไกลนัก ข้าเคยออกรบมาไม่กี่ปี ตอนนั้นเคยเจอ เสียดายจับตัวเอาไว้ไม่ทัน ก็เคยได้ยินมาว่า ผู้ควบคุมจะไม่สามารถอยู่ห่างมากนัก”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ทหาร รีบปิดล้อมจวนอ๋องจวิ้นเสี้ยว”

ตอนที่เว่ยหลิงชวนพูดอันหลิงหยุนก็เอาผ้าเช็ดหน้าที่ปิดตาออก มองไปที่อ๋องจวิ้นเสี้ยวที่อยู่บนพื้นถูกผ้าขาวปิดเอาไว้แล้ว

ปล่อยมือออกอันหลิงหยุนไปดูอ๋องจวิ้นเสี้ยว กงชิงวี่ก็ไม่ได้ขัดขวาง

ที่จริงตอนที่เขาเป็นออกรบไม่เคยได้พบกับอะไรกับผู้สะกดจิต เขาเพียงแต่เคยได้ยินอันหลิงหยุนพูดถึงเรื่องการสะกดจิตกับโรคเดินละเมอเท่านั้น

ก่อนหน้านั้นอันหลิงหยุนพูดถึงเรื่องฮ่องเต้ชิงหยู่ เขาซักถาม อันหลิงหยุนบอกกับเขาเรื่องการสะกดจิตกับโรคเดินละเมอ

ตอนเข้ามาเมื่อกี้ก็คือความรู้สึกแบบนี้ ไม่ใช่ถูกพิษ แต่ถูกคนสะกดจิตแล้ว

อันหลิงหยุนนั่งลง เปิดผ้าคลุมหัวของอ๋องจวิ้นเสี้ยวออก ที่คอของอ๋องจวิ้นเสี้ยวยังมีดาบคาเอาไว้ ครึ่งหนึ่งของดาบยังอยู่ในคออ๋องจวิ้นเสี้ยว ราวกับว่าแทบอยากจะตัดหัวอ๋องจวิ้นเสี้ยวลงมา

แต่นั่นก็เป็นการลงมือด้วยตัวเอง ลงมือหนักเช่นนี้ ถามว่าหากมีสติสัมปชัญญะดี จะทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้หรือ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน