ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 342

บทที่ 342 คู่ต่อสู้ที่มองไม่เห็น และเทียบฮ่องเต้ไม่ได้

กงชิงวี่พินิจพิจารณาอยู่สักครู่ แล้วเลื่อนสายตามองไปทางอื่น

คนที่อยู่ ณ ที่นั่น มีจำนวนหนึ่งร้อยกว่าคน อันหลิงหยุนรู้สึกว่าไม่ใช่คนที่ก้าวเดินออกมา คนนี้มากสุดก็รู้แค่เรื่องของดาบ ทว่าที่นี่มีคนมากมายขนาดนี้ หรืออาจพูดได้ว่าทหารรักษาพระองค์มีมากมายขนาดนั้น คนที่รู้มีเยอะเกินไป

เพียงแค่ว่าตอนนี้ทุกคนต่างก็กลัวและไม่กล้ายอมรับก็เท่านั้นเอง

มองดูอยู่ครู่หนึ่ง กงชิงวี่ ชี้ไปที่คนๆหนึ่งแล้วพูดว่า “เจ้าเป็นใคร?”

“ข้าเป็นแม่ทัพรองเมิ่งกวง” เมิ่งกวงเป็นคนที่กล้าหาญองอาจ แม้นว่ายังหนุ่ม ทว่ากลับดูเกรียงไกรน่าเกรงขามมาก

การมองดูคนอยู่แบบนี้พูดคุยกันยาก

อันหลิงหยุนมองสำรวจคนๆนี้อยู่ครู่หนึ่ง มีท่าทีประหลาดอยู่บ้าง สังเกตเห็นว่าสายตาของเขาไม่ปกติ ทว่ากลับไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงแค่ดึงสะกิดกงชิงวี่ทีหนึ่ง

“ท่านอ๋อง ข้าเหนื่อยแล้ว กลับก่อนดีกว่าไหม รอคนในวังมาถึงแล้วค่อยมาถามใหม่”

“พระชายาเข้าไปก่อนเถอะ ข้าจะถามเพิ่มอีก”

กงชิงวี่พูดจบก็คลายมือออก อันหลิงหยุนหมุนตัวแล้วเข้าไปข้างในก่อน

ภายในลานยังคงสอบถามเรื่องดาบต่อไป ทว่ากลับถามไม่ได้ความอะไร กงชิงวี่จึงกลับไปพักผ่อน

อันหลิงหยุนที่ตอนนี้ยืนรออยู่ตรงประตูทางเข้า เมื่อเห็นกงชิงวี่ลุกขึ้นยืน

“ท่านอ๋อง ถามได้ความหรือยัง?”

“ไม่ได้ น่าจะเป็นแม่ทัพรองเมิ่งกวง ทว่าตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานมัดตัว”

กงชิงวี่มองดูภายในห้อง เห็นมู่มิงนั่งอยู่ริมด้านข้าง

อันหลิงหยุนเพิ่งจะพูอตอนนี้ว่า “ท่านอ๋อง ข้าอยากออกไปเดินเล่น”

อันหลิงหยุนมองไปที่หมอจวนโจว ใช่ว่าคำพูดอะไรล้วนจะพูดต่อหน้าหมอจวนโจวได้

มู่มิงเข้าใจดี นางมองสบตาอันหลิงหยุน และไม่ได้พูดอะไร

“ไปกันเถอะ” กงชิงวี่เดินออกไปทางด้านนอก พร้อมเดินจูงมือของอันหลิงหยุนไว้

ที่นี่ยังมีบ้านหลังอื่นๆอยู่ จึงนำคนเดินไปทางด้านโน้น

ภายในลานมีคนเยอะมาก พวกอันหลิงหยุนจึงเดินอ้อมเส้นทางไป

ตูไห่ยืนอยู่ฝั่งด้านในของลาน สีหน้าดูเงียบอึมครึม

ทหารรักษาพระองค์มีพวกกบฏแอบแฝงบางส่วน เรื่องนี้สำหรับตูไห่แล้วจะต้องรีบกำจัดโดยด่วน อีกทั้งไม่ไว้หน้าใครเด็ดขาด

อันหลิงหยุนเดินไปถึงที่ที่ไม่มีคน จึงถามกงชิงวี่ว่า “ท่านอ๋อง ท่านคิดว่าเรื่องนี้พุ่งเป้ามาที่ท่านหรือ?”

“โดยปกติราชนิกุลจะไม่ปล่อยให้เรื่องใดหรือโอกาสใดผ่านไปได้ ทว่าครั้งนี้เป้าหมายของพวกเจ้าเรียบง่ายมาก มีเพียงหนึ่งเดียว ”

กงชิงวี่นึกถึงสาเหตุได้แล้ว กลับเป็นอันหลิงหยุนเองที่ยังประหลาดใจ “อะไรนะ?”

“บีบบังคับให้ฮองเฮาลงมือ”

“บีบบังคับฮองเฮาหรือ?” อันหลิงหยุนกลับคิดไม่ถึง

“หากฮองเฮาอยากปลงพระชนม์ฮ่องเต้จริง คงลงมือไปตั้งนานแล้ว ต้องรู้สิ การช่วยคนๆหนึ่งมันยากมาก แต่การฆ่าคนๆหนึ่งกลับง่ายยิ่งกว่า ”

ฮองเฮาอยู่เคียงข้างฮ่องเต้มานานหลายปี ถ้าหากอยากจะปลงพระชนม์ฮ่องเต้จริง คงลงมือไปตั้งนานแล้ว และฮ่องเต้คงไม่มีพระชนม์มาจนถึงวันนี้หรอกนะ

“ท่านอ๋องหมายความว่า มีคนข่มขู่ให้ฮองเฮาปลงพระชนม์ฮ่องเต้ ทว่านางไม่ยอมลงมือสักทีหรือ? ”

“ฮองเฮาและฮ่องเต้ทั้งสองพระองค์ ถึงแม้จะไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรักแบบหนุ่มสาวทั่วไป ทว่าการที่ฮองเฮาเข้ามาในวังฮ่องเต้เป็นผู้ที่ออกราชโองการด้วยพระองค์เอง ท่าทีที่ฮ่องเต้มีต่อฮองเฮาคือท่าทีที่ไม่ใช่นางข้าจะไม่ยอมแต่งงาน”

ตอนที่ข้าอยู่ในวัยเยาว์ ฮ่องเต้พาข้าออกไปข้างนอกครั้งหนึ่ง เขาพาข้าไปที่จวนเฉินเสี้ยง แล้วนั่งอยู่บนหลังคาของจวนเฉินเสี้ยงเพื่อไปแอบดูหญิงสาวนางหนึ่ง

นางก็คือฮองเฮา ความรู้สึกนึกคิดของฮ่องเต้อยู่ที่ฮองเฮา

แต่ข้าจำได้ว่า ณ ลานแห่งนั้นยังมีชายหนุ่มคนหนึ่งอีกคนหนึ่ง ชายหนุ่มกับฮ่องเต้รุ่นราวคราวเดียวกัน อีกอย่างสถานะก็ไม่ธรรมดา

“ข้าได้ยินในภายหลังว่า ชายคนนั้นคิดก่อการกบฏจึงถูกประหารชีวิต ซึ่งฮ่องเต้เป็นผู้คุมการประหารเอง ด้วยสาเหตุอันใด ตอนนั้นข้ายังเด็กมาก แน่นอนว่าย่อมไม่รู้เงื่อนงำภายใน ทว่าการเกิดในครอบครัววังหลวงและขุนนาง ใครเล่าจะสามารถหลีกหนีเอาตัวรอดจากความขัดแย้งได้? จำได้ว่าในปลายฤดูใบไม้ร่วงปีนั้น ฮองเฮาถูกคัดเลือกให้เข้ามาในวังหลวงและได้เป็นฮองเฮาในเวลาต่อมา นับตั้งแต่นั้นมาฮ่องเต้ดูแลถนุถนอมนางอย่างมาก ตอนข้ายังอยู่ในวัยเยาว์นางก็เป็นคนดูแล”

อันหลิงหยุนยิ่งฟังก็ยิ่งตกตะลึง “ท่านอ๋อง หรือว่าฮองเฮาเคยมีคนรัก และคนที่นางรักตายด้วยน้ำมือของฮ่องเต้หรือ?”

“……” กงชิงวี่ไม่ได้ตอบคำถาม อันหลิงหยุนค่อยๆเรียบเรียงเหตุการณ์ “หากจะพูดเช่นนี้ว่า ฮองเฮาเข้าวังมาก็เพื่อสังหารฮ่องเต้ ทว่าหลายปีที่นางอยู่เคียงข้างกษัตริย์ รู้ว่าฮ่องเต้ดีต่อนางจากใจจริง นางจึงมิอาจลงมือทำร้ายได้”

“ไม่เพียงเท่านี้ ฮ่องเต้รู้มาโดยตลอดว่านางกำลังวางยา แต่กลับไม่ขัดขวาง ถึงแม้ไม่ถึงแก่ชีวิต ทว่ากลับทำให้ไม่มีบุตรจนถึงบัดนี้ ฮ่องเต้……กำลังรอ……”

อันหลิงหยุนหยุดชะงักลง แล้วมองไปทางกงชิงวี่ “ฮ่องเต้กำลังรอให้ฮองเฮายอมแพ้ฆ่าเขา เพราะการยอมแพ้คือรัก ไม่ยอมแพ้ก็คือ……”

“ที่ผ่านมาข้าไม่เข้าใจ ผู้หญิงคนหนึ่งที่คิดจะฆ่าเขา ทำไมเขายังจะเก็บนางไว้ข้างกายอีกล่ะ?”

“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว”

อันหลิงหยุนเศร้าใจ “ท่านอ๋อง มักจะชอบเอาคนอื่นมาเปรียบเทียบกับพวกเรา ไม่มีความจำเป็นเลย”

“ใช่หรือ? แต่ข้ารู้สึกว่า ตอนนี้เรื่องของข้าย่ำแย่ยิ่งกว่าฮ่องเต้เสียอีก อย่างน้อยศัตรูของฮ่องเต้ก็ถูกเขาฆ่าทิ้งไปแล้ว แต่ว่าศัตรูของข้ายังคงหลบซ่อนตัวในที่ลับ”

“ท่านอ๋อง ท่านจะจิตใจ……”

ยังไม่ทันพูดคำว่าคับแคบออกมา กงชิงวี่ชักสีหน้าหม่นลง “อะไร?”

“ไม่มีอะไร”

อันหลิงหยุนไม่ได้พูดอะไรออกมา กงชิงวี่พูดอย่างเยือกเย็น “หากข้าเจอเขา จะจับเขาแยกร่างด้วยม้า แหลกสลายเป็นหมื่นชิ้น”

“……” อันหลิงหยุนเศร้าใจ งั้นคงไม่ต้องเจอกันจะดีกว่า

กงชิงวี่จ้องอันหลิงหยุน กุมมือนางไว้แล้วดึงเข้ามาใกล้ตรงหน้า “รับปากกับข้า ชีวิตนี้เจ้าจะชอบข้าเพียงคนเดียว”

“ท่านอ๋อง ข้าก็ไม่ได้ชื่นชอบคนอื่นเลยนะ ทำไมท่านต้องกระเซ้ากระซี้กับเรื่องนี้ด้วย?”

อันหลิงหยุนมองบนใส่กงชิงวี่อย่างเหลือทน ผู้ชายคนนี้เกินไปจริงๆ

กงชิงวี่สีหน้าหม่นลง “ข้าอยากจะฆ่าเขาให้ตายเสียเดี๋ยวนี้เลย”

“……ท่านอ๋อง ครั้งต่อไปตอนที่ข้าไป พาท่านอ๋องไปด้วยดีไหม?

“อืม”

เพื่อจะกำจัดซูมู่หรงทิ้ง กงชิงวี่ไม่สนใจว่าอันหลิงหยุนจะกลับไปหนึ่งรอบ เขาจะคิดหาวิธีติดตามไปเอง

อันหลิงหยุนเดินอ้อมกลับไป กงชิงวี่เดินตามมา

สองสามีภรรยาเงียบไปสักพัก อันหลิงหยุนทำลายความเงียบไป “แล้วครั้งนี้ใครเป็นคนบีบบังคับฮองเฮา? ราชนิกุลหรือ?”

“ข้ากับอ๋องตวนเติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฮ่องเต้มีใจอยากมอบประเทศต้าเหลียงให้พวกข้าดูแล เดิมเขาก็คิดไว้แล้วว่าหากมีวันหนึ่ง ข้ากับอ๋องตวนจะสามารถดูแลประเทศต้าเหลียงได้ ส่วนเขาจะได้ใช้ชีวิตกับฮองเฮาอย่างสงบสุขเสียที”

ฮองเฮายังคงจดจำคนๆนั้นอยู่ ทว่านางยังคงกังวลถึงฮ่องเต้ แต่ว่าราชนิกุลเริ่มร้อนรนใจ อยากให้ฮองเฮาลงมือเร็ว หากฮองเฮาไม่ลงมือ พวกเขาก็ไม่สามารถบังคับได้ อีกอย่างฮองเฮาไม่กลัวตาย

เพื่อคนๆนั้น นางยอมที่จะไม่มีลูกก็ได้ ยังมีอะไรที่จะสามารถถ่วงดุลนางได้อีก

ราชนิกุลให้นางตายใจจากฮ่องเต้ การที่ข้าทำร้ายเสินหยุนเจ๋ มันเหมือนเป็นการให้โอกาสแก่พวกเขา

อันหลิงหยุนมิอาจไม่ชื่นชมเขาได้ ความสามารถด้านสังเกตการณ์ของกงชิงวี่ ไม่ได้เป็นฮ่องเต้มันน่าเสียดายจริง

“ท่านอ๋อง แล้วตอนนี้จะทำอย่างไร? หากฮองเฮาทราบเรื่องของเสินหยุนเจ๋ จะไม่ท้อแท้ใจจนลงมือทำร้ายฮ่องเต้หรอกหรือ? ”

“นางจะลงมือก็ลงมือได้เลย เจ็บนานสู้เจ็บสั้นดีกว่า ฮ่องเต้รอมาตั้งหลายปี หากรอต่อไปแล้วจะหยุดเมื่อไหร่?”

“……ถามโลกหล้ารักนั้นเป็นฉันใด มาตรเป็นตายยังขออยู่คู่เคียงกัน”

“อะไรนะ?” กงชิงวี่หยุกฝีเท้าลงแล้วมองไป อันหลิงหยุนส่ายหน้า “แค่บทกวีเพลงหนึ่ง”

“ข้าต้องการรู้” กงชิงวี่จับมือของอันหลิงหยุนไว้อย่าจอมเผด็จการ บังคับนางพูดให้ได้

อันหลิงหยุนแหงนหน้ามองไปยังท้องฟ้า “พูดก็ได้ แต่ท่านอ๋องต้องหันหลังให้ข้า แล้วข้าจะพูด ”

กงชิงวี่ย่อต้วลงไปแล้วอุ้มอันหลิงหยุนขึ้นมา “นอนแบบนี้แหละ อยู่ข้างหลังข้ามันไม่ปลอดภัย”

“……” ทันใดนั้น อันหลิงหยุนหัวเราะออกมา ทว่าไม่ได้พูดอะไร

นางซาบซึ้งใจนัก ชีวิตนี้แค่มีคนๆนี้อยู่เคียงข้างกาย จะไม่ขออะไรมากไปกว่านี้แล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน