ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 350

บทที่ 350 ประณามความผิดถึงที่

อันหลิงหยุนมองตามทิศทางที่กงชิงวี่เดินจากไปอย่างมึนงง นี่คือรังเกียจคนนอกที่จะมาร่วมทานด้วยหรือเพราะอะไร?

เพียงไม่นานโจวต้าหมันก็ถูกอาหยู่นำตัวเข้ามา เมื่อเห็นอันหลิงหยุนก็จะยอบกายลง อันหลิงหยุนรีบพูดห้ามขึ้นมา “ละเว้นเถอะ นั่งกินข้าวเป็นเพื่อนข้าหน่อย กินคนเดียวไม่สนุกเลย พอดีท่านอ๋องมีธุระด่วนจึงออกไปก่อน”

โจวต้าหมันลุกขึ้นมามองดูที่โต๊ะอาหาร นางรู้สึกหิวแล้วจริงๆ

“ขอบคุณพระชายาเสียน ข้านั่งกินด้านข้างก็พอแล้ว คนระดับอย่างข้า ไม่คู่ควรกับอาหารเช้าของพระชายาหรอกเพคะ”

อันหลิงหยุนถอนหายใจยาว “ไม่มีเรื่องที่คนไม่คู่ควรหรอก มีแต่เรื่องที่ไม่คู่ควรกับคนต่างหาก อาหารพวกนี้ทำออกมาก็เพื่อกิน หากไม่มีคนกิน ก็เท่ากับว่าไร้ประโยชน์ เมื่อหมดประโยชน์ก็ต้องโยนทิ้ง เมื่อโยนทิ้งก็ย่อมไม่ใช่ดีอะไร ”

โจวต้าหมันมองดูอาหารบนโต๊ะก็ยังไม่กล้ากินอยู่ดี อันหลิงหยุนหยิบถ้วยกับตะเกียบขึ้นมา “กินเถอะ เจ้าไม่กิน ข้ายิ่งรู้สึกไม่อยากทานอาหาร”

โจวต้าหมันซาบซึ้งใจยิ่งนัก พูดขึ้นมาโดยพลัน “พระชายาเสียน ข้าเป็นคนบุ่มบ่าม ท่านดีต่อข้าเช่นนี้ ข้าไม่รู้จะตอบแทนคุณท่านอย่างไรดี คนอื่นมักพูดว่าข้าเป็นคนบุ่มบ่าม แถมยังโดนหัวเราะเยาะว่าข้ารนหาเรื่องเอง มีแต่พระชายาที่ไม่นึกรังเกียจข้า”

โจวต้าหมันพูดไปก็เช็ดน้ำตาไปด้วย เวลาร้องไห้ดูน่าสงสารมากๆ เหมือนเด็กน้อยที่ถูกรังแกเสียอย่างนั้น

“นั่งลงเถอะไม่ต้องพูดแล้ว กินข้าวเสร็จ ข้าจะไปพบสามีเจ้า” อันหลิงหยุนยกถ้วยและตะเกียบขึ้นมาทานข้าว โจวต้าหมันดูตามครู่หนึ่ง จึงรีบนั่งลง

ทว่านางพยายามไม่กินข้าวมูมมาม อันหลิงหยุนสังเกตโจวต้าหมันไม่ได้เป็นคนโง่ นางเพียงแค่เคยชินกับรูปแบบเช่นนี้

พอกินข้าวเสร็จอันหลิงหยุนลุกขึ้นยืน โจวต้าหมันก็ลุกขึ้นตามมาอย่างเร่งรีบ

อันหลิงหยุนพาอาหยู่ไปด้วย พร้อมกับบเดินตามโจวต้าหมันไปที่บ้านของนาง

ในเวลานี้ประตูหน้าบ้านของนางถูกประดับตกแต่งด้วยโคมไฟต่างๆ กำลังเตรียมงานแต่งของอนุภรรยา

โจวต้าหมันมองเห็นหน้าประตูจวนมีอักษรมงคลคำว่าสี่ติดอยู่ ทันใดนั้น ปล่อยโฮร้องไห้ ทว่านางกลัวอันหลิงหยุนมองเห็น จึงรีบเช็ดคราบน้ำตา

ตอนที่อันหลิงหยุนเดินไปดูนาง โจวต้าหมันก็หยุดร้องไห้แล้ว

ทั้งยังพูดว่า “เดี๋ยวตอนข้าเข้าไปนะจะตบสั่งสองนางสารเลวนั่นให้ดู”

อันหลิงหยุนเศร้าใจ ทั้งๆที่ไม่ใช่แม่เสื้อดุร้าย ยังจะทำทีชูกรงเล็บอ้วนๆออกมา เพื่อให้คนอื่นเขากลัว

“ข้าอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ถึงตาเจ้าลงไม้ลงมือ ในเมื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นข้ารู้หมดแล้ว จะไม่อนุญาตให้เจ้าการะทำโดยพลการ”

โจวต้าหมันไม่กล้าพูดจา รีบพยักหน้าโดยพลัน

“อาหยู่ เข้าไปกันเถอะ”

อันหลังหยุนสั่งอาหยู่แล้วเดินเข้าไปข้างในโดยตรงเลย จากนั้นอันหลิงหยุนพาโจวต้าหมันตามเข้าไปด้วย

ทันทีที่เข้าไปข้างใน พ่อบ้านที่อยู่ข้างในรีบวิ่งออกมา โดยถามอาหยู่ก่อนว่าเป็นใคร ทว่าเมื่อเห็นโจวต้าหมันเดินตามอยู่ข้างหลัง สีหน้าท่าทางเปลี่ยนไปทันที และพูดกับอาหยู่ว่า “พวกเจ้าออกไปเถอะ ซื่อหลังข้าไม่อยู่บ้าน”

สีหน้าอาหยู่ดูไม่ได้เลย “ดูแล้วบ้านพวกเจ้ากำลังจะจัดงานแต่งอนุภรรยา ทำไมซื่อหลังถึงไม่อยู่ล่ะ?”

“ซื่อหลังข้าจะอยู่หรือไม่ นั่นมันก็เรื่องของพวกข้า เจ้าไม่สมควรมาปรากฏตัวที่นี่ ฟังคำข้า แล้วออกไปเถอะ”

พ่อบ้านกำลังผลักตัวอาหยู่ให้ออกไป พวกคนที่มาแสดงความยินดีถือของขวัญมาด้วยและแต่งตัวดูดี

การปรากฏตัวของอาหยู่ แค่แวบเดียวก็มีคนดูออกว่าเขาเป็นใคร คนที่ตามมาพวกนั้นจึงจากไปอย่างเงียบๆ

ไม่มีใครอยากดูเรื่องวุ่นวายนี้ เรื่องที่จางเฉินจะตบแต่งอนุภรรยาเรื่องใหญ่โตจนรู้กันไปทั่ว อีกทั้งคนแซ่โจวไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่ยอมเด็ดขาด จนเรื่องนี้ถูกฟ้องร้องไปถึงหยาเหมิน(ศาลาว่าการ)แต่ว่าเรื่องที่ผู้ชายตบแต่งอนุภรรยาสามคนสี่คนมันเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป แน่นอนว่าย่อมไม่มีใครสนใจเรื่องนี้

แต่ตอนนี้จะพูดแบบนั้นเห็นคงไม่ได้แล้ว

อันหลิงหยุนเป็นคนอย่างไร นางเป็นคนที่ขี้หึงหวงที่สุด

อ๋องซื่อเจิ้นไม่กล้าตบแต่งชายารอง คนอย่างนางจะยอมให้คนอื่นทอดทิ้งและหยามเกียรติได้เหรอ

เพื่อได้ตบแต่งอนุภรรยาจางเฉินยอมขับไล่และหย่าร้างกับภรรยาที่ทนทุกข์ลำบากมาด้วยกัน คนแซ่โจวไม่ใช่คนที่ใครจะรังแกได้ง่ายๆ ได้ยินมาว่า ในเวลาปกตินางมีพละกำลังมหาศาล ไม่เกรงกลัวสิ่งใด แค่คนพวกนี้นึกถึงก็กลัวกันแล้ว ทุกคนล้วนไม่อย่าทำตัวหาเห่าใส่หัว

อันหลิงหยุนกับคนแซ่โจวมันคนพวกเดียวกัน หากถูกมองเห็นเกรงว่าคงไม่เป็นการดีแน่ ทุกคนจึงถอยตัวจากไป ภายในลานแลดูสงบขึ้นมาไม่น้อย พ่อบ้านเริ่มสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล เมื่อครู่ยังเสียงดังฮือฮา เพียงพริบตาเดียวกลับเงียบสงบลง

อาหยู่ใช้เท้าถีบไปที่ตัวพ่อบ้าน เตะจนพ่อบ้านกลิ้งตีลังกาหลัง

พ่อบ้านลุกขึ้นมาตัวสั่นเทา แล้วมองไปที่ใบหน้าอันเยือกเย็นดุจหิมะของอันหลิงหยุน พ่อบ้านรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที

เป็นใครกันถึงได้บังอาจเช่นนี้ กล้ามาก่อเรื่องถึงจวนลี่ปู้ซื่อหลังของพวกเขา หรือว่าคนแซ่โจวจะหาคนช่วยที่เก่งกาจเจอแล้วจริงๆ

ขณะที่พ่อบ้านกำลังคิด จางเฉินเปลี่ยนเสื้อผ้าเจ้าบ่าวเสร็จแล้วเดินออกมาจากข้างใน เขาสวมชุดแดงไปทั้งตัว บนหัวมีฮวาหลิง(หางนกยูง)สองอันเสียบอยู่ เขามีรูปร่างหน้าตาที่ดูดี แต่งตัวเช่นนี้ยิ่งทำให้ดูหล่อเหลามากขึ้น

โจวต้าหมันที่เห็นรูปร่างท่าทางของสามี จึงพ่นคำด่าออกไปทันที “จางเฉินพ่อตัวดี ตอนที่เจ้าแต่งงานกับข้า ให้เจ้าสวมใส่ชุดใหม่ พูดอย่างไรเจ้าก็ไม่ยอมใส่ แถมยังพูดว่าชีวิตนี้เจ้าจะไม่ยอมใส่เด็ดขาด อีกทั้งยังพูดว่าตอนที่ฮูหยินแก่ตายไป ชุดดีๆสักชุดก็ไม่ได้ใส่ และเจ้าเองก็จะไม่ยอมสวมชุดแดงชุดเขียวเช่นกัน งั้นข้าขอถามเจ้า ตอนนี้ชุดที่เจ้าใส่คืออะไร?”

โจวต้าหมันพุ่งตัวเข้าไป จับคอเสื้อของจางเฉินไว้ เค้นถามเขาเสียงดัง

อันหลิงหยุนยกคิ้วขึ้นสูง กำลังคิดว่าด้านข้างจะมีการยิงธนูใส่หรือไม่ กลับคิดไม่ถึงว่า จางเฉินเป็นฝ่ายลงมือเอง เขาผลักโจวต้าหมันออกไป ด้วยความที่โจวต้าหมันตัวหนัก ตอนล้มลงไปที่พื้นน้ำหนักลงที่ก้นเต็มๆ ล้มลงไปไม่เป็นท่า นางอยากจะลุกขึ้นมา ไม่รู้ทำไมลุกขึ้นมาไม่ได้ เจ็บจนกัดฟันแน่น ทำเอาข้ารับใช้ในจวนพากันหัวเราะเยาะนาง

อันหลิงหยุนมองสังเกตจางเฉิน จางเฉินพูดเสียงเย็นชา “คนแซ่โจว ข้าได้หย่ากับเจ้าไปแล้ว เจ้ายังกล้ามาก่อความวุ่นวายที่จวนของข้า วันนี้หากเจ้ายังกล้าบุ่มบ่าม อย่าโทษที่ข้าต้องนำตัวเจ้าไปรับโทษที่ศาลาว่าการ”

ในเวลานี้โจวต้าหมันเจ็บจนหน้าขาวซีด ตรงหน้าผากมีเหงื่อไหลซึม พูดจาไม่ออกเลย

อันหลิงหยุนจึงเดินเข้าไปถามไถ่ “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”

“ข้า……ข้าไม่เป็นไร”

คำพูดถึงปากของโจวต้าหมันแต่นางก็หยุดพูดไป อันหลิงหยุนประหลาดใจมองดูนางทีหนึ่ง แล้วยื่นมือไปจับชีพจรของนาง เพิ่งรู้ว่า โจวต้าหมันเป็นโรคริดสีดวงทวารหนัก เพราะเรื่องที่ถูกอย่าด้วย ทำให้นางมีอาการร้อนใน ริดสีดวงทวารจึงกำเริบ

เดิมทีนางยังพอทนได้ ทว่าเมื่อครู่ถูกผลักจนล้มลงไป จังหวะที่นางนั่งลงไปแล้วลุกขึ้นมา ทำให้นางแผลนางฉีกขาด

ไม่เพียงแต่เจ็บ นางเหมือนรู้สึกว่าเลือดกำลังไหลอาบก้น ดังนั้นจึงลุกขึ้นมาไม่ได้

อันหลิงหยุนรู้ว่าโจวต้าหมันเจ็บปวดมาก จึงมองไปที่อาหยู่ “พยุงตัวฮูหยินจางลุกขึ้นมา”

อาหยู่หมุนตัวไปพยุงโจวต้าหมันขึ้นมา โจวต้าหมันที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกทำตัวไม่ถูก นางยังตั้งใจมองไปยังด้านหลัง เห็นว่าไม่มีเลือดจึงวางใจลง

อันหลิงหยุนมองไปยังจางเฉิน “เจ้าเป็นจางเฉินใช่ไหม?”

“เจ้าคือ?” จางเฉินนึกสงสัย ทันใดนั้นเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ “พระชายาเสียน?”

“เจ้ายังจำข้าได้เหรอ ไม่ง่ายเลย” อันหลิงหยุนกวาดสายตามองไปภายในลาน ไม่ไกลออกไป มีหญิงสาวสวมชุดแดงนางหนึ่ง ดูท่าทางอ่อนช้อยน่ารักน่าเอ็นดู บวกกับวันนี้นางแต่งองค์ทรงเครื่องเป็นพิเศษ ช่างงดงามจริงๆ

เมื่อเห็นอันหลิงหยุน หญิงสาวเตรียมตัวหมุนตัวจากไป อันหลิงหยุนเรียกอาหยู่ “พานางมาที่นี่”

อาหยู่หมุนตัวไปหาหญิงสาว จางเฉินรีบเดินมาคุกเข่าคำนับตรงหน้าอันหลิงหยุน

“ข้าน้อยขอเข้าพบพระชายาเสียน” จางเฉินตกใจจนตัวสั่น

อันหลิงหยุนเพ่งมองไปยังเก้าอี้ที่อยู่ภายในลาน เดินไปทางนั้นแล้วนั่งลง ร่างกายพิงเอนอย่างเอื่อยเฉื่อย พร้อมมองไปยังจางเฉิน นางไม่ได้พูดอะไร จากนั้นมองไปยังอาหยู่กับหญิงสาวคนนั้น

โจวต้าหมันที่เห็นหญิงสาวคนนั้น จู่ๆไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหน พุ่งตัวออกไปคว้าคอเสื้อของหญิงสาวไว้ พร้อมตบตีซ้ายขวา ตบจนหญิงสาวร้องโหยหวน

จางเฉินกำหมัดไว้แน่น แต่ก็ไม่กล้าลุกขึ้นมา

“พระชายาเสียนปล่อยนางไปเถอะ ข้าเป็นฝ่ายชอบนางก่อน” จางเฉินก้มหัวคำนับให้กับอันหลิงหยุน อันหลิงหยุนสงบเรียบนิ่ง มองดูโจวต้าหมันตบตีผู้หญิงคนนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย

หญิงสาวร่างกายอ่อนแอ โดนตบตีจนล้มลงไปที่พื้น โจวต้าหมันโกรธจัด จนกระชากเสื้อผ้าของหญิงสาวจนฉีกขาด

พ่อบ้านกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก กังวลใจจนต้องกระทืบเท้า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน