ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 370

บทที่ 370 จวนแม่ทัพเป็นเป้านิ่ง

กงชิงวี่ไปได้สามวันอันหลิงหยุนก็เริ่มรู้สึกเบื่อขึ้นมาแล้ว แล้วนับประสาอะไรกับหากเขาไปแรมเดือน

ท้องนางก็ใหญ่ขึ้นทุกวัน แต่นั่นกลับทำให้นางยิ่งคิดถึงกงชิงวี่ขึ้นกว่าเดิม

เขาไปครั้งหนึ่งก็แรมเดือน ไม่มีแม้ข่าวคราวกลับมาสักนิด

เป็นใครก็คงไม่อาจวางใจได้ทั้งนั้น

หลังจากทานมื้อกลางวันเรียบร้อย นางจึงเรียกอาหยู่มาถามข่าวเรื่องด่านชายแดน

อาหยู่ส่ายหน้า “คราวนี้ไม่รู้อะไรเลยพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งเมืองหลวงในยามนี้ก็เงียบสงบมาก ไม่เหมือนกับทุกครั้ง”

“ทุกครั้งหรือ” อันหลิงหยุนกลับไม่ค่อยแปลกใจนัก ถึงอย่างไรเสียในโลกนี้ก็เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว การที่นางได้มาอยู่ที่นี่เดิมทีก็แปลกประหลาดมากพอแล้ว ฉะนั้นจึงไม่มีอะไรน่าแปลกใจไปกว่านี้อีกแล้ว

อาหยู่อธิบาย “เมื่อก่อนท่านอ๋องไม่อยู่ แต่ในเมืองหลวงก็ยังมีเรื่องแพร่ออกไป แม้ท่านอ๋องจะอยู่ที่ด่านชายแดน แต่ก็ยังได้รับข่าวจากทางเมืองหลวง

ส่วนข่าวที่มาจากค่ายทหารของท่านอ๋อง ข้าก็เป็นคนในค่ายเช่นกัน หากมีข่าวข้าย่อมต้องรู้ แต่ในยามนี้ไม่มีข่าวคราวอะไรเลยสักนิดพ่ะย่ะค่ะ

เงียบจนผิดปกติ”

“ท่านอ๋องของพวกเจ้ามีกองทหารมากนักหรือ” อันหลิงหยุนไม่เคยรู้มาก่อนเลย

อาหยู่เอ่ยตอบ “ก็ไม่ได้มากนักพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ก็มีบางคนที่ถูกจัดสรรไปตามความสามารถ”

“อันหลิงหยุนมองอาหยู่อยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่พูดนั่นหมายความว่าเขาย่อมมีเหตุผลของเขา นางจึงไม่อยากถามอีก หากนางอยากรู้ไว้ค่อยถามกงชิงวี่ทีหลังแบบนั้นเห็นจะง่ายกว่า

อันหลิงหยุนลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง ออกจากลานโอวหลานไปเดินรอบจวนอ๋องเสียนรอบหนึ่ง เกิดรู้สึกว่าจวนอ๋องเสียนวันนี้เป็นช่างระเบียบเรียบร้อยดีเสียจริง นับวันยิ่งรุ่งเรืองมั่งคั่ง ทว่าขาดเขาไปคนหนึ่ง ต่อให้มีโลกทั้งใบอยู่ในกำมือก็ไม่มีประโยชน์อันใด นับประสาอะไรกับแค่จวนๆ หนึ่ง

อันหลิงหยุนออกจากจวนอ๋องเสียนไปจวนแม่ทัพ แม่ทัพอันซึ่งกำลังฝึกวรยุทธ์อยู่ที่บ้านพอดี พอได้ยินว่าบุตรสาวกลับบ้านมาจึงรีบร้อนออกจากห้องฝึกยุทธมาทันที

อันหลิงหยุนรีบเดินไปหาแม่ทัพอัน “ท่านพ่อ ช่วงนี้ท่านสบายดีหรือ”

“ดี ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว”

แม่ทัพอันพินิจพิเคราะห์อันหลิงหยุนอยู่ครู่หนึ่ง บุตรสาวเขาอวบอ้วนขึ้นเล็กน้อย ท้องนั้นดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลนัก

แม่ทัพอันไม่ได้คิดว่าจะต้องมีหลานหลายคน แค่สักคนก็ไม่เลวแล้ว

เทียบกับคนอื่นแล้ว แม่ทัพอันกลับรู้สึกว่าคลอดแค่คนเดียวเห็นจะดีกว่า

ยิ่งคลอดหลายคนก็ยิ่งเสี่ยง แค่คนเดียวก็พอใช้แล้ว

“หลิงหยุน เจ้าได้ดูดีแล้วหรือว่าเป็นกี่คนกันแน่ เหตุใดพ่อดูแล้วรู้สึกเป็นคนเดียว”

“ดูแล้วเจ้าค่ะ แต่ยังดูไม่ออกว่าเป็นกี่คนแน่ ต้องรอให้คลอดแล้วถึงจะรู้ แต่หากนับตามเวลาตั้งท้องแล้ว ท้องข้าออกจะใหญ่กว่าผู้อื่นอยู่สักหน่อย”

“ใหญ่หรือ” แม่ทัพอันดูไม่ออกจึงได้แต่ส่ายหัว

“ใหญ่เจ้าค่ะ”

อันหลิงหยุนจูงมือแม่ทัพอันเข้าไปมองในสวนแวบหนึ่ง

หยุนโล๋ชวนแท้งลูกแล้วรักษาตัวอยู่ที่จวนแม่ทัพเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างรู้กันดี

นางไม่ได้มาที่นี่บ่อยนัก ด้วยไทเฮาทรงรับสั่งว่านางเป็นคนท้องคนไส้ไม่ควรเข้าๆ ออกๆ ห้องที่มีคนแท้งลูก ดังนั้น นางจึงไม่อาจมาได้บ่อยนัก

แม่ทัพอันเองก็โน้มน้าวนางเช่นกัน อันหลิงหยุนจึงได้ยอมรามือกลับจวนอ๋องเสียน

ตอนนี้ครบเดือนหนึ่งแล้ว นางจึงตั้งใจมาเยี่ยมหยุนโล๋ชวน

แม่ทัพอันกลับรู้สึกแปลกใจขึ้นมา “หลิงหยุนเจ้าไม่รู้หรอกหรือ”

อันหลิงหยุนก็แปลกใจเช่นกัน “ไปแล้วหรือ”

“สองวันก่อนครบเดือนหนึ่งพอดี ในวังจึงส่งคนมารับนางไป”

แม่ทัพอันนึกว่าอันหลิงหยุนรู้แล้ว จึงไม่ได้บอกนาง

“ใครมากัน” อันหลิงหยุนไม่รู้เรื่องนี้เลย

แม่ทัพอันเอ่ยตอบ “เป็นแม่นมเว่ย”

“มีคนตระกูลหยวนด้วยหรือไม่” เรื่องนี้ดูจะมีลับลมคมนัยอยู่ อันหลิงหยุนรู้สึกว่ามันไม่ค่อยปกตินัก

“ไม่มี ในวังส่งคนมารับนางตั้งแต่เช้า ตอนคนตำหนักกั๋วกงมาส่งอาหารเช้าคนก็ไม่อยู่แล้ว”

“อ๋องตวนเล่า”

“ไม่เห็น”

อันหลิงหยุนพอจะเข้าใจแล้ว เพื่อให้หยุนโล๋ชวนเปลี่ยนใจ เกรงว่าอ๋องตวนต้องทุ่มสุดตัวแล้ว

อันหลิงหยุนทานมื้อเย็นเสร็จถึงได้ปลีกตัวจากจวนแม่ทัพกลับ ทว่าทันทีที่ถึงบ้านก็เห็นฮูหยิงแก่ตำหนักกั๋วกงรออยู่ที่จวนก่อนแล้ว

อันหลิงหยุนค้อมศีรษะให้อีกฝ่าย “ฮูหยิงแก่”

“คารวะพระชายาอ๋องเสียน”

“เชิญฮูหยินนั่งก่อน ใครก็ได้ยกน้ำชาเข้ามาที”

หงเถารีบเข้ามาเปลี่ยนน้ำชา อันหลิงหยุนกับฮูหยิงแก่ตำหนักกั๋วกงต่างนั่งลง หากเป็นอันหลิงหยุนที่เอ่ยปากขึ้นก่อน “ฮูหยิงแก่มาเยือนยามนี้ มีเรื่องอันใดหรือ”

“ข้าพูดตรงๆ แล้วกัน ชวนเอ๋อหายตัวไป”

อันหลิงหยุนพลันตกตะลึง “ฮูหยินบอกว่าหายไปงั้นหรือ”

“ใช่ หายไปแล้ว เรื่องเป็นเช่นนี้ สองวันก่อนเป็นวันที่ชวนเอ๋อแท้งได้ครบเดือน หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ข้าดูแลชวนเอ๋อด้วยตัวเอง พ่อแม่นางไม่อยู่ในเมืองหลวง เป็นข้าที่เลี้ยงนางมากับมือ นางต้องเจอเรื่องเช่นนี้ก็เป็นเพราะน้ำมือข้าเอง

เป็นเพราะตอนแรกข้าฟังคำฮั๋วไท่เฟยกับราชครูจุนถึงได้ยกชวนเอ๋อให้แต่งงานกับอ๋องตวน

เดิมทีชวนเอ๋อก็ไม่เต็มใจ เป็นข้าที่หลอกล่อนาง พออ๋องตวนสมรสกับจุนฉูฉู จุนฉูฉูกลับมีจิตคิดร้ายพยาบาท คิดให้นางแต่งเข้าไปเป็นพระชายารองเพื่อปกป้องอ๋องตวนจากอันตราย

ที่นางแต่งก็เพราะถูกบังคับ

ตระกูลหยุนของข้าจงรักภักดีทั้งตระกูล ที่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อปกป้องประเทศต้าเหลียงทั้งสิ้น

อ๋องตวนเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มีสิทธิ์จะได้องค์รัชทายาทในอนาคต จะไม่สนใจได้หรือ

เด็กคนนี้ก็เพียงเชื่อคำข้าเท่านั้น

ครั้งนี้ก็ทุ่มเทปกป้องอ๋องตวนสุดตัว ล้วนเป็นเพราะข้าลวงหลอกนางทั้งสิ้น

ยามนี้ข้าเจ็บปวดเหลือเกินแล้ว

อยากให้นางหย่าขาดจากอ๋องตวนเสีย ข้าเองก็ได้เอ่ยเรื่องนี้กับชวนเอ๋อไปแล้ว

ชวนเอ๋อนางก็มีใจอยากจะหย่าเช่นกัน ดังนั้นข้าย่อมต้องเป็นธุระให้นาง

แต่หากจะทำการใดก็ย่อมต้องมีขั้นมีตอน เรื่องหย่าร้างก็ไม่อาจรีบร้อนได้

ท่านกั๋วกงเองก็ไปเข้าเฝ้าไทเฮากับฝ่าบาทเพื่อทูลเรื่องนี้แล้ว ทว่าชวนเอ๋อยังไม่แข็งแรง ข้ายังต้องดูแลนางจึงไม่ได้เข้าวังไปด้วย รอให้นางหายดีแล้วข้าจึงจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท ไทเฮากับฮั๋วไท่เฟย

ข้าเฝ้าดูแลนางมาเดือนหนึ่งแล้วก็เตรียมจะออกจากจวนแม่ทัพพร้อมกับรับชวนเอ๋อกลับจวน

นึกไม่ถึงว่าพอข้ามารับชวนเอ๋อ คนกลับไม่อยู่เสียแล้ว แม่ทัพอันบอกข้าว่ามีคนจากในวังมารับนางไป

ข้าจึงเข้าวังไปตามหานาง คิดไม่ถึงว่านางจะหายไปแล้ว

ฮั๋วไท่เฟยตรัสว่าแม่นมเว่ยเป็นผู้ปรนนิบัติชวนเอ๋อมาโดยตลอด ทั้งยังไม่เคยเรียกนางเข้าวังแต่อย่างใด

ทั้งยังบอกว่าเรื่องที่นางรักษาตัวครบเดือนหนึ่งแล้ว นางยังคิดจะปรึกษากับข้าอยู่ว่าจะรับชวนเฮ๋อกลับจวนอ๋องตวนอย่างไรดี

ข้าตามไปที่จวนอ๋องตวน ไม่คิดว่าแม่นมเว่ยก็อยู่ที่นั่นด้วย แต่กลับไม่เห็นชวนเอ๋อ

ส่วนอ๋องตวนก็บอกว่าเขาไม่รู้เรื่องที่ชวนเอ๋อถูกรับเข้าวังไป

ทั้งยังแม่นมเว่ย นางบอกว่านางไปที่จวนแม่ทัพมาจริง แต่ไม่ได้ไปรับคน นางเพียงชี้แจงไม่กี่คำก็กลับจวนอ๋องตวนแล้ว

ก็แค่ทาสรับใช้คนหนึ่ง จะกล้าไปรับพระชายาอ๋องตวนกลับจวนเชียวหรือ”

“...” อันหลิงหยุนไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อฟังเรื่องราวจนจบถึงได้กระจ่าง

หยุนโล๋ชวนหายไปทั้งคน ไม่รู้ใครพาตัวไป แต่ถึงอย่างไรเสียแรกเริ่มเดิมทีนางก็อยู่ที่จวนแม่ทัพ

ฮั๋วไท่เฟยไม่ยอมรับ ฝ่าบาทเข้ามายุ่ง ไทเฮาก็เฝ้าดู

ตำหนักกั๋วกงต้องการคน พูดให้ชัดๆ ก็คือท่านพ่อนางกลายเป็นผู้เคราะห์ร้ายไปเสียแล้ว

“ฮูหยิงแก่ นางไม่เป็นอะไรแน่ ท่านพ่อข้าก็ไม่ได้โป้ปดผู้ใด!” นางต้องชี้แจงให้กระจ่างเสียก่อนว่าท่านพ่อกับจวนแม่ทัพไม่มีความผิดอันใด

ฮูหยิงแก่พยักหน้า “ย่อมเป็นเช่นนั้น”

“เช่นนั้นต่อไปก็ต้องหาว่าคนไปอยู่ที่ใด ผู้ใดเป็นผู้พาตัวไป”

อันหลิงหยุนรู้ดีว่าในเมื่อฮูหยิงแก่ตำหนักกั๋วกงเอาเรื่องนี้มาเอ่ยพูดกับนางถึงที่ นั่นหมายถึงว่าหากหาตัวหยุนโล๋ชวนไม่พบ อีกฝ่ายไม่มีวันเลิกราแน่

ส่วนท่านพ่อของนาง หรือแม้แต่จวนแม่ทัพนั้น ได้กลายเป็นเป้านิ่งไปแล้ว

“พระชายาอ๋องเสียนเป็นผู้รอบรู้ ข้าเองก็ไม่อยากทำให้พระชายาต้องลำบากใจ ทว่าเรื่องนี้มีเพียงพระชายาเท่านั้นที่จัดการได้ ใครใช้ให้พระชายาเป็นผู้ตรวจการประจำเรือนกันเล่า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน