ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 386

บทที่ 386 ภายใต้การตรวจสอบยืนยัน

อันหลิงหยุนรีบพยุงหญิงชราให้ลุกขึ้น คิดไม่ถึงว่าหญิงชรากลับร้องไห้ขึ้นมาแล้ว

"ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร ดูๆไปแล้วเหมือนว่าจะเป็นคนรวย ขอเอ่ยอย่างไม่ปิดบังเถอะนะครอบครัวของเรามาจากที่ที่ไกลมากๆ เรามาที่นี่เพื่อมาพบคนผู้หนึ่งชื่อว่าพระชายาเสียน แต่เราได้ยินมาว่านางเป็นชายาของอ๋องอะไรนี่ล่ะ โดยปกติแล้วเราไม่มีโอกาสได้พบกับนางหรอก ต่อให้จะได้พบ เราก็ต้องมีเงินมีทองหยองเครื่องประดับถึงจะพบได้”

“เราไม่มีทางเลือกอื่น จึงไปอาศัยอยู่หลังวัดไฉเสิน ที่ไม่มีคนอยู่ในเมืองหลวง ตอนกลางวันเราจะหางานอะไรทำเพื่อเก็บเงิน พอตกค่ำเราจะกลับไปอยู่ที่นั่น

เดิมทีเด็กคนนี้อายุได้แค่หกขวบ พ่อแม่ก็มาตายจากไปแล้ว หลายปีที่ผ่านมาเรานอนกลางดิน กินกลางทราย ไม่รู้ว่าเราไปมาแล้วกี่แห่ง หาหมอมาแล้วกี่คน กินยาไปไม่รู้กี่ตัว

เพื่อรักษาเด็กคนนี้ กระทั่งงูพิษ เราสองคนก็ยังเคยจับมาแล้ว แต่มันก็ยังไร้ผล

พวกเราแก่แล้ว ใกล้จะไม่ไหวแล้ว คิดว่าถ้าพวกเราตายไป เด็กคนนี้พอจะดูแลตัวเองได้ แค่นั้นก็พอแล้ว

ทางไกลแค่ไหนเราก็ไม่ท้อ จึงพากันมาที่นี่จนได้”

“ได้ยินคนพูดกันว่า ที่ประเทศต้าเหลียงมีผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อพระชายาเสียน มีสามเศียรหกกร เท้าเหยียบกงล้อเพลิง ขี่สัตว์ประหลาดมีเขา เชี่ยวชาญในการรักษาคนไม่สมประกอบ

พวกเราจึงพากันมาแล้ว แต่เรามาถึงตั้งสามเดือนแล้ว ก็ยังไม่ได้พบนาง พวกเราไม่รู้ว่านางอยู่ที่ไหนอีกด้วย ”

หญิงชราร้องไห้น้ำตาไหลเผาะๆ ไม่หยุด อันหลิงหยุนรู้สึกหดหู่ไปวูบหนึ่ง

เว่ยหลิงชวนหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

แม้แต่หวางหวยอันก็ยังแทบหลุดหัวเราะออกมาอยู่แล้ว

เสินหยุนเจ๋ถึงกับหัวเราะอย่างกำเริบเสิบสาน ไร้ความยำเกรงเลยทีเดียว

แม่ทัพอันรู้สึกกลัดกลุ้มเสียแล้ว ช่วยคนใกล้ตายนั่นยังว่าไปอย่าง ยังว่าอะไรมีสามเศียรหกกร ยังมีเท้าเหยียบกงล้อเพลิง ยังมีขี่สัตว์ประหลาดมีเขาเข้าไปอีก?

จะดีจะชั่วอย่างไร เขาก็ยังเป็นแม่ทัพฮู่กั๋วกง ผู้ยิ่งใหญ่เกริกก้องของประเทศต้าเหลียง ถูกผู้คนเล่าลือจนเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นผู้คนใต้หล้านี้ จะไม่คิดว่าเขาอันจือซาน ได้ให้กำเนิดสัตว์ประหลาดออกมาหรอกหรือ ?

แม่ทัพอันโกรธไปทั่วทุกอณูรูขุมขน ส่งเสียง “หึ” อย่างเย็นชาออกมาเสียงหนึ่ง เสียงหัวเราะที่ดังอยู่รอบข้างก็พลันหยุดชะงักลงทันที

อันหลิงหยุนก็รู้สึกหดหู่ไม่แพ้กัน ที่ผ่านมา นางถูกเอาไปเล่าลือเช่นนี้นี่เอง

"ลุกขึ้นก่อนเถอะ อย่าคุกเข่าพูดเลย ข้ารู้จักผู้หญิงที่ชื่อพระชายาเสียนคนนั้น ถ้าข้ารักษาหลานชายของท่านไม่หาย ข้าจะแนะนำนางให้พวกท่านรู้จักเอง"

"ขอบคุณเจ้าค่ะ ขอบคุณเจ้าค่ะ!"

หญิงชรากล่าวขอบคุณครั้งแล้วครั้งเล่า

อันหลิงหยุนกล่าวอย่างเคร่งขรึม: "ทุกท่านหัวเราะกันพอแล้ว มาคุยธุระสำคัญกันเถอะ"

กั๋วจิ้วน้อยชิงพูดขึ้นก่อนว่า“ เหตุผลที่พวกเขาได้ยินเสียงในคืนนั้นได้ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่พวกเขามาจากประเทศอื่น ฟังจากสำเนียงพูดของพวกเขา บ้านเกิดของพวกเขาอยู่ประเทศอื่น

และเพื่อรักษาอาการป่วย พวกเขาจึงต้องกินของมากมายหลายอย่าง อาจมีอาหารบางอย่างในบรรดาอาหารเหล่านั้น ที่สามารถต้านทานเสียงของพิณได้ "

"บางทีก็อาจจะเป็นไปได้นะ" หลิงหยุนรู้สึกไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง

อันที่จริง ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่าง คือเกี่ยวข้องกับระบบในร่างกายของทั้งสามคนนี้

เวลาที่คนเราหลับสนิท หากมีคนถูกสะกดจิต จะเข้าสู่สภาวะลืมตัวตนได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นเสียงพิณเหล่านั้นอาจไม่ได้ใช้เพื่อการสังหารทั้งหมด

หากว่ากันตามที่ชายชราเล่ามา ตอนที่เพลงเริ่มต้น เหมือนน้ำไหลอย่างช้าๆ นั่นอาจใช้เพื่อให้มีผลต่อการนอนหลับ และทำให้คนที่นอนหลับ จมเข้าสู่สภาวะหลับสนิท เช่นนั้นเสียงพิณในเวลาต่อมา ก็จะทำให้คนเกิดสภาวะอารมณ์ร้อนรนกระวนกระวาย กระตุ้นปลุกเร้าให้อ๋องเจ็ดและคนอื่น ๆ รีบลุกไปแขวนคอตายเสียให้หมด

แต่ระบบร่างกายดั้งเดิมของทั้งสามคน ต้องมีความแตกต่างออกไป พวกเขามีความสามารถในการแยกแยะเป็นพิเศษ ถึงขั้นที่มีภูมิต้านทานต่อเสียงเหล่านั้น

ถึงแม้ว่าความเป็นไปได้จะไม่สูง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มี

เท่านี้ก็สามารถอธิบายคำถามทั้งหมดได้แล้ว

เพียงแต่ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องได้รับการตรวจสอบยืนยัน

อันหลิงหยุนหันหลัง เดินตรงไปยังห้องเก็บศพ นางต้องตรวจสอบยืนยันเสียก่อนจึงจะรู้ได้

"อาหยู่ นำกล่องยามา" อาหยู่รีบตามอันหลิงหยุนไปที่ห้องเก็บศพทันที

มีคนอื่น ๆ เดินผ่านไปมาเช่นกัน

อันหลิงหยุนจัดแจงเสื้อผ้าของตนให้เรียบร้อย สวมผ้ากันเปื้อนที่เตรียมมาโดยเฉพาะ

"หากพวกเจ้ากลัวก็ออกไปเสียเถอะ นอกจากนั้น เรื่องนี้มันอาจทำคนขยะแขยงอยู่บ้าง หากมีอะไรขึ้นมาข้าไม่รับผิดชอบ"

อันหลิงหยุนเพียงเตือนด้วยความหวังดี ส่วนที่ว่าบรรดาเจ้าหน้าที่ จะออกไปหรือไม่นั้น ไม่ได้อยู่ในขอบเขตหน้าที่ของนางแล้ว

อันหลิงหยุนหยิบมีดผ่าตัด เดินไปยังร่างของชายหนุ่มคนหนึ่ง สั่งให้คนยกชายคนนั้นขึ้นไปบนชั้นไม้ เตรียมทำการลงมีดผ่าเปิดด้วยตัวเอง

แม่ทัพอันตกใจจนหน้าขาวซีด จ้องมองไปที่ท้องโตๆ ของลูกสาว ขนาดนี้แล้วยังต้องลงมีดอีก

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ทักษะทางการแพทย์ แต่เขาก็รู้ว่า นี่คือการเตรียมลงมีดแล้ว

แม่ทัพอันรีบเดินเข้าไปพูดว่า "หยุนหยุน เจ้าอย่าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องนะลูก"

"พ่อ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงทั้งนั้น พ่อโปรดวางใจเถอะ แม่ทัพน้อย โปรดเชิญพ่อข้าไปดื่มชาข้างนอกด้วย หากไม่ได้จริงๆ ค่อยเชิญท่านป้ามาแล้วกัน พวกเขารู้จักคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ยังเล็ก"

ทันทีที่แม่ทัพอันได้ยินก็ไม่กล้าหยุดนางแล้ว เพียงพูดว่า "ถ้าอย่างนั้น พ่อจะดูอยู่อีกด้านแล้วกัน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ดีไป"

"อื้ม"

อันหลิงหยุนลงมีด การเคลื่อนงรวดเร็วคล่องแคล่ว เริ่มลงมือจากที่ศีรษะ จากนั้นจึงเปิดกระโหลกคนคนหนึ่งออก ฉากนองเลือดเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้คนขนลุกผมชี้ชันขึ้นมาได้เลยทีเดียว

เดิมที อาหยู่รับหน้าที่ซับเหงื่อ แต่ก็วิ่งออกไปอย่างทนไม่ไหวในที่สุด

อันหลิงหยุนถึงกับขุดสมองคนออกมา กระทั่งหูก็ถูกเฉือนตัดด้วยแล้ว

ในตอนแรกยังคงมีผู้คนอยู่ข้างใน แต่พอถึงตอนสุดท้าย กลับเหลือแม่ทัพอันอยู่เพียงคนเดียว

อาหยู่ตกใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว ตอนที่วิ่งออกไป ยังตกใจจนแข้งขาสั่นพั่บๆ

อันหลิงหยุนยังคิดอยู่ว่า เมื่อนางหันกลับไปคงจะไม่มีใครเหลือแม้แต่คนเดียว คิดไม่ถึงว่าพอหันกลับไป ก็เห็นแม่ทัพอันผู้เป็นพ่อยังอยู่

"พ่อ."

"หยุนหยุน ลูกรีบไปล้างมือเร็วเข้า! "

แม่ทัพอัน เคยผ่านสมรภูมิรบมานับร้อย มีอะไรบ้างที่เขาไม่เคยเห็นกันล่ะ?

แม้ว่าเขาจะถูกทำให้ตกใจไปบ้าง แต่เพราะเขาเป็นห่วงลูกสาว จึงแทบไม่สนใจสิ่งเหล่านั้นเลย

อันหลิงหยุนพยักหน้า จัดการเก็บกวาดร่างร่างนั้นให้เรียบร้อย จึงรีบไปล้างมือทันที หลังจากออกมา อันหลิงหยุนก็กลับสู่สภาพเดิม ก่อนจะพูดอธิบายว่า “เวลาที่คนเราตายลง ไม่ใช่ว่าร่างกายจะหยุดเคลื่อนไหวหมดในทันที

ระยะเวลาการตายของเซลล์สมองนั้น จะล่าช้าไปออกไปชั่วเวลาหนึ่ง มีบางกรณีที่เล็บและผม

ก็ยังสามารถงอกยาวขึ้นได้อีกด้วย นั่นเป็นเพราะผิวหนัง และเส้นผมของมนุษย์มีต้นกำเนิดมาจากปอด และปอดเป็นส่วนสุดท้ายที่จะตาย”

“การตื่นตัวของเซลล์สมอง สามารถสะท้อนให้เห็นถึงปรากฏการณ์หลับฝันได้ แต่ว่า คนตายหลังจากนอนหลับไป นั่นกล่าวได้ว่า ระบบประสาทส่วนกลางของเขา ตื่นตัวหนักมากในระหว่างการนอนหลับ ทั้งยังแข็งแรงกว่าในเวลาปกติ แต่เส้นประสาทการนอนหลับ กลับมีความแตกต่างกันไม่มาก

แต่เส้นประสาทอื่นๆ จะเป็นไปตามปกติ การเชื่อมต่อเกี่ยวพันกัน จะค่อนข้างบางอยู่สักหน่อย

หลักฐานพิสูจน์ว่าตายขณะหลับ หรือตายขณะตื่น คงมีแต่ต้องดูระดับการตื่นตัวของเส้นประสาทจึงจะรู้ได้

เขาเป็นสองหยัก อื่น ๆ อยู่ในค่าเกณฑ์ปกติ ซึ่งบ่งชี้ได้ว่าเกิดเรื่องขึ้นในขณะหลับอยู่

อีกทั้งกระดูกหูของเขา มีร่องรอยการเสียดสีอย่างรุนแรง บ่งบอกว่าเขามักจะถูกเสียงอะไรบางอย่างรบกวนอยู่บ่อยๆ ”

“……”

ทุกคนต่างมองอันหลิงหยุนด้วยสายตา เสมือนมองดูสัตว์ประหลาดก็ไม่ปาน แต่ละคนตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง

แม้แต่หวางหวยอันผู้รอบรู้ ก็ยังถึงกับอดสั่นหัวด้วยความตื่นตะลึงสุดจะพรรณนา ที่มีต่ออันหลิงหยุนไม่ได้

เมื่ออธิบายอย่างชัดเจนแล้ว อันหลิงหยุนจึงพูดว่า: "ดูไปแล้วตอนนี้ เป็นความจริงที่ว่า มีใครบางคน ใช้ทำนองดนตรีเพื่อฆ่าคน หากว่าหาคนไม่พบ เราก็ต้องหาพิณคันนั้นให้พบ"

"ไม่ผิด" หวางหวยอันหมุนกาย ไปหาชายหญิงผู้ชราทั้งสอง

"ผู้เฒ่า ข้าขอถามพวกเจ้าว่า พวกเจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่ามันเป็นเสียงพิณ"

อันหลิงหยุนก็คิดเหมือนกัน คู่สามีภรรยาที่เป็นชาวบ้านอยู่ถิ่นกันดารป่าเขา รู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นเสียงพิณ พวกเขาไม่น่าจะเข้าใกล้คุ้นเคยกับของพวกนั้นได้

"เฮ้อ เรื่องนี้พูดไปแล้วก็ช่างบังเอิญนัก อันที่จริง ต้นตระกูลเดิมของพวกเรา เคยเป็นช่างทำพิณแต่นั่นมันก็ตั้งแต่เมื่อร้อยกว่าปีก่อนแล้วล่ะ ท่านบรรพบุรุษของเราเป็นช่างทำพิณ พวกเราจึงพอเข้าใจเรื่องพิณอยู่บ้างนิดๆหน่อยๆ

แต่จะว่าไป หากที่ปรากฏในคืนนั้น ไม่ใช่เสียงพิณแล้วล่ะก็ พวกเราคงไม่สามารถแยกแยะได้

เมื่อตอนที่พวกเราแต่งงาน ฐานะทางบ้านของเราก็นับว่าใช้ได้อยู่ ยังได้เคยเห็นพิณอยู่บ้าง แต่เวลาต่อมา พวกเราเกิดไปล่วงเกิน จนทำให้คนอื่นขุ่นเคืองเข้า ครอบครัวของเราตกต่ำระส่ำระสาย เราต้องไปซ่อนตัวอยู่บนภูเขา จนบัดนี้รอดชีวิตมาได้ พวกเราก็โยนทิ้งไปหมดแล้ว

แต่เสียงพิณก็ยังพอฟังออกกันอยู่ "

ด้วยคำอธิบายนี้ จึงเข้าใจได้ชัดเจนแล้วว่า เพราะเหตุใดพวกเขาถึงไม่เป็นไร

อันหลิงหยุนได้ตรวจสอบ ยืนยันความคิดของตัวเองแล้วว่า พวกเขามีภูมิต้านทานต่อเสียงเหล่านี้เป็นพิเศษ ท้ายที่สุดก็เพราะ พวกเขาเป็นลูกหลานที่สืบเชื้อสายจากช่างทำพิณนี่เอง

อีกทั้งการปรับแต่ง รับรู้ทำนองเสียงดนตรี ย่อมเป็นทักษะสำคัญอย่างหนึ่ง ที่ต้องมีสำหรับช่างทำพิณ

ในช่วงเวลาอันยาวนาน ทักษะการฟัง และการรับรู้ดนตรีของช่างทำพิณ ก็ได้ถูกฝึกฝนต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง และยังสามารถถ่ายทอดความสามารถเหล่านี้บางประการ ไปให้กับคนรุ่นต่อๆไปได้อีกด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน