ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 385

บทที่ 385 เบาะแสฆาตกรรม

"เจ้าหมายความว่า มีใครบางคนใช้คาถาลวงตา ใช้ประโยชน์จากทำนองดนตรีสังหาร บังคับควบคุมให้พวกเขา แขวนคอตัวเองในยามวิกาลเช่นนั้นหรือ?" หวางหวยอันพูดประโยคเดียว คล้ายช่วยปลุกเอาคนที่หลับอยู่สะดุ้งตื่นตาแจ้ง อันหลิงหยุนเหมือนถูกฟ้าผ่า เหตุใดนางจึงคิดไม่ถึงเรื่องเช่นนี้มาก่อน

ในสถานที่แห่งนี้ ยังมีอะไรที่เกิดขึ้นไม่ได้อีกหนอ?

"ถูกต้อง ตอนที่ข้าอยู่ที่ชายแดน เคยได้พบศาสตร์การสังหารประเภทนี้มาก่อน เริ่มแรกคนจะถูกควบคุมในยามหลับ ให้พวกเขาฆ่าคนในครอบครัวก่อน จากนั้นจึงค่อยฆ่าตัวตาย" เสินหยุนจ๋ดูเหมือนจะเข้าใจชัดแจ้ง กับเรื่องทำนองนี้อย่างมาก

”หวางหวยอันพยักหน้า: "เหมือนอย่างที่ข้าคิด พวกเราไปตรวจสอบดูกันเถอะ"

อันหลิงหยุน ตามทั้งสองคนออกจากวังไปยังต้าจงเจิ้งย่วน ทำการตรวจสอบครั้งที่สอง แต่ในครั้งนี้ก็ยังคงตรวจไม่พบสิ่งใดเช่นเดิม

"ส่งคนไปสอบถามรอบ ๆ ถามให้ชัดเจนว่า คืนนั้นได้ยินเสียงอะไรบ้างหรือไม่ ถึงอย่างไรก็เป็นการใช้เสียงฆ่าคน ฉะนั้นไม่มีเสียงจะฆ่าคนได้อย่างไร?" สีหน้าของหวางหวยอันเย็นชา ดูเขาเป็นคนรับมือได้ยากกว่ากงชิงวี่เสียอีก

อันหลิงหยุนยืนอยู่ด้านข้าง จู่ๆพลันพบว่า ประโยคที่คนพูดกันว่า กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์ (คนที่มีบางสิ่งเหมือนๆกัน คนที่เป็นแบบเดียวกัน มักจะคบหาเป็นมิตรสหายกัน) ประโยคนี้ไม่มีหลอกลวงแม้แต่น้อย

นี่ทำให้อันหลิงหยุนนึกถึง เรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ กงชิงวี่เข้าวังในครั้งนั้น ทั้งร่างได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่อาจเข้าไปได้ เป็นเพราะได้ป้ายห้อยเอวของกั๋วจิ้วน้อย หวางหวยอัน จึงสามารถเข้าไปได้อย่างราบรื่น

หากเดิมทีพวกเขาก็เป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว การปรากฏตัวของกั๋วจิ้วน้อยในเวลานั้น ก็นับว่ากงชิงวี่คำนวณได้ถูกต้องแม่นยำอย่างยิ่งแล้ว!

เว่ยหลิงชวน หมุนกายไปจัดการตามคำสั่ง อันหลิงหยุนรู้สึกเหนื่อยอยู่บ้าง จึงกลับไปพักผ่อนที่จวนอ๋องเสียนก่อน

แม่ทัพอันกังวลเรื่องความปลอดภัยของลูกสาว จึงติดตามไปด้วย

คืนนั้นพ่อลูกคุยกันยาว จนดึก อันหลิงหยุนถึงเข้านอน แม่ทัพอันเฝ้ามองลูกสาวด้วยความเศร้าโศก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาเห็นลูกสาวตรากตรำทำงานหนักเช่นนี้ ในใจพาลรู้สึกหงุดหงิดไม่สบอารมณ์

คิดถึงตอนแรก ที่เขายินยอมให้ลูกสาวแต่งกับกงชิงวี่ แค่เพื่อให้นาง เอ้อระเหยลอยชายไปวันๆได้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้

แม่ทัพอันเข้านอนจนกระทั่งใกล้รุ่งสาง เมื่ออันหลิงหยุนตื่นขึ้น แม่ทัพอันจึงตื่นด้วย

"พ่อ ท่านนอนพักอีกสักครู่เถอะเจ้าค่ะ" หลิงหยุนรู้สึกเป็นห่วงแม่ทัพอัน ห่มผ้าห่มให้เขาจนมือไม้ยุ่งเป็นพัลวัน บอกให้เขาพักผ่อนต่อ

แม่ทัพอันปฏิเสธ ลุกขึ้นไปล้างเนื้อล้างตัวและพูดว่า: "ตอนพ่ออยู่ในสนามรบ บางครั้งได้นอนแค่ครึ่งชั่วยามต่อวัน วันถัดมา   ก็ยังฮึกเหิมประดุจมังกร ผาดโผนประดุจเสือเลย พ่อของลูกร้ายกาจยิ่งนัก!"

“พ่อ นั่นมันในสนามรบ ไม่ใช่ที่นี่ ในยามที่ไม่มีสงคราม พ่อต้องพักผ่อนให้มากๆ จึงจะมีพลัง มีชีวิตชีวา พร้อมที่จะออกรบได้ทุกเมื่อนะเจ้าคะ”

แม่ทัพอันไม่เห็นด้วย เขาอาน้ำเสร็จจึงหันกลับไปมองลูกสาว เอ่ยขึ้นว่า : "หยุนหยุน คนอื่น ๆ อาจคิดว่า พ่อไปทำสงครามเพื่อประเทศต้าเหลียง แต่พ่อรู้ว่า พ่อไปทำสงครามเพื่อฝ่าบาทและเพื่อหยุนหยุน

เมื่อตอนที่พ่อยังหนุ่ม ได้เป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายกับฝ่าบาท

พ่อยินดีที่จะสละชีพเพื่อองค์ฮ่องเต้

ต่อมาเมื่อพ่อมีเจ้า ทุกอย่างที่พ่อทำก็เพื่อเจ้า

พ่อไม่ขออะไรเลย ขอเพียงแค่ หยุนหยุนมีชีวิตปลอดภัยสงบสุข พ่อก็พอใจแล้ว "

“ พ่อ ท่านวางใจเถอะ ลูกไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ไม่มีใครทำอะไรลูกสาวท่านได้หรอก”

แม่ทัพอันส่ายหน้า: "หยุนหยุน คนนอกมักคิดว่าลูกเติบโตขึ้น จึงได้เปลี่ยนไป แต่พ่อรู้ว่าไม่ใช่อย่างนั้น"

“……”

สติของอันหลิงหยุนเริ่มจะหายไปช้าๆ แม่ทัพอันตบไหล่อันหลิงหยุนเบาๆ : "แต่พ่อเชื่อว่า เจ้าเป็นเด็กดีคนหนึ่ง!"

"พ่อ……"

อันหลิงหยุนเกือบจะพูดออกไปอยู่แล้วว่า นางไม่ใช่อันหลิงหยุนตัวจริง แต่เมื่อคำพูดนั้นขึ้นมาถึงริมฝีปาก นางก็รีบกลืนมันกลับลงไป

แม่ทัพอันออกไปรวดสั่งให้จัดข้าวปลาอาหาร อันหลิงหยุนกินข้าวเป็นเพื่อนแม่ทัพอัน กินเสร็จพ่อลูกก็ตรงไปต้าจงเจิ้งย่วน

บนท้องถนนเริ่มมีหลายคน พูดคุย ถกวาทะ กันเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าฮ่องเต้ ยามอยู่ต่อหน้าทรงมีพระเมตตา แต่กลับลอบแทงลับหลังกันบ้างประปรายแล้ว

พูดกันอย่างคลุมเครือ แต่ก็ไม่ได้ฟังน่าเกลียดออกไป

แม่ทัพอันไม่พอใจจนใบหน้าบึ้งตึงสุดขีด อันหลิงหยุนถูกแม่ทัพอันผู้เป็นพ่อป่วน จนหัวเราะขบขัน

“ พ่อ ท่านคิดเช่นไรกับฮ่องเต้หรือเจ้าคะ พี่น้องที่ดีต่อกัน?”

“ นั่นมันก็ธรรมดาอยู่แล้ว พระองค์เป็นดั่งพี่น้องที่สนิทสนมของพ่อ” แม่ทัพอันมั่นอกมั่นใจ

“แต่ฮ่องเต้ขุนนางล้วนแตกต่างกัน พ่อไม่กลัวว่า จะมีคนเอาไปนินทาว่าร้ายเอาได้หรือเจ้าคะ?

"มีอะไรน่ากลัว ข้าทำตัวซื่อตรงถูกทำนองคลองธรรมเสียอย่าง ต้องกลัวทำไม?"

อันหลิงหยุนรู้สึกขบขัน: “แต่พ่อ ข้าดูๆไปแล้วในประเทศต้าเหลียงนี้ ผลิตผู้มีความสามารถออกมารุ่นแล้วรุ่นเล่า ลองสุ่มเลือกเล่นๆออกมาสักคนที่มีอำนาจมากกว่าท่าน พวกเขาทำสิ่งใดก็ยังรู้จักกลัวนั่นกลัวนี่อยู่บ้าง เหตุใดมีเพียงพ่อคนเดียวเท่านั้น ที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินล่ะเจ้าคะ?”

"....." แม่ทัพอันหัวเราะเหอๆ "หยุนหยุน พ่อเกิดมาก็มีนิสัยแบบนี้แล้ว คำว่ากลัวนี่เขียนไม่เป็นหรอก!"

"เป็นเช่นนั้นหรือเจ้าคะ?" อันหลิงหยุนได้แต่ขำ มองเห็นประกายแสงเจิดจ้าในดวงตาพ่อ นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเสแสร้งทำออกมาได้

"แน่นอนอยู่แล้ว" แม่ทัพอันเอามือไขว้หลัง ในใจอันหลิงหยุนเต็มไปด้วยความขบขัน

พ่อลูกพูดคุยกันมาตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงต้าจงเจิ้งย่วน อาหยู่แบกกล่องยา เดินตามอยู่ข้างหลังพวกเขา

ประตูใหญ่ของต้าจงเจิ้งย่วนเปิดอยู่ ด้านในมีผู้คนเดินวุ่นวายพลุกพล่าน

เว่ยหลิงชวนออกมาจากด้านใน เห็นอันหลิงหยุนจึงทำความเคารพ เชื้อเชิญอันหลิงหยุนและแม่ทัพอันเข้ามาข้างใน

เมื่อเข้าไปข้างใน ยังคงเหมือนกับเมื่อวาน หลังจากผ่านการค้นหา ซักถามตลอดทั้งคืน มีเพียงครอบครัวเดียวที่ได้ยินเสียงบางอย่าง คนที่มาก็เป็นครอบครัวนี้นี่เอง

คนแรกที่ถูกสอบสวน คือชายชราผมหงอกขาวคนหนึ่ง ชายชราอายุราวหกเจ็ดสิบ หลังค่อมงองุ้ม ที่มือทั้งสองข้าง เต็มไปด้วยผิวหนังด้านหนาหยาบกร้าน ดูออกไม่ยากว่า ชายชราเป็นชาวบ้านที่อาศัยในป่าเขาท้องทุ่ง ทำงานสมบุกสมบันมามากมาย

แต่ทว่าในเมืองหลวง เอาป่าเขามาจากไหน? เอาคนที่ทำงานหยาบ อย่างการตัดฟืนจับคันไถพรวนดิน งานใช้แรงกายหนักๆเหล่านั้นมาจากไหน?

อันหลิงหยุนนั่งลงข้างแม่ทัพอัน ฟังชายชราเล่าว่า: "เมื่อคืนก่อนตอนที่พวกเรายังยุ่งๆอยู่ เราได้ยินเสียง คนดีดทำนองเพลงพิณโบราณ น่าจะเป็นเวลาเที่ยงคืนได้ เล่นอยู่ราวๆหนึ่งชั่วยาม ตอนที่เริ่มฟังแรกๆมันเหมือนน้ำที่ไหลช้าๆ แต่หลังจากนั้นกลับไม่ใช่แล้ว ข้าฟังๆไปก็เริ่มรู้สึกร้อนรน อีกทั้งไม่รู้ว่าคนที่ดีดเพลงพิณคนนั้นทำอะไร เพียงครู่เดียวก็เปลี่ยนไปเป็นอีกอย่าง ข้ารู้สึกว่าอยากลุกออกไปฆ่าคน โชคดีที่เมียของข้าดึงไว้ บอกให้ข้านอนเสีย”

เห็นได้ชัดว่าชายชรามีอาการหงุดหงิดร้อนรน อันหลิงหยุนรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงลุกขึ้นเดินเข้าไปหา: "ผู้เฒ่า ให้ข้าตรวจดูอาการท่านสักหน่อยเถอะ"

"นี่ ... " ชายชรามองด้วยความงุนงง แต่อันหลิงหยุนยื่นมือออกไป จับข้อมือของชายชราแล้ว อันหลิงหยุนเริ่มการตรวจสอบ พบว่าชายชรามีอาการร้อนใจ กระสับกระส่าย ทั้งยังอารมณ์ไม่คงที่ มีชีพจรที่เต้นในลักษณะฉุนเฉียว ระดับที่มากพอจะพุ่งออกไปฆ่าใครสักคนได้

อันหลิงหยุนหยิบยาเม็ดหนึ่งให้ชายชรา: "นี่เป็นยาสำหรับช่วยให้จิตใจสงบได้กินเข้าไปจะช่วยให้ดีขึ้นมาก เรื่องในคืนนั้นก็อย่าไปคิดถึงมันอีกเลย"

หลังจากนั้น ภรรยาของชายชราก็พูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน แต่หญิงชรากลับมีอาการผ่อนคลายกว่ามาก ขณะที่เล่าเหตุการณ์ นางยังบ่นอย่างอารมณ์ไม่ดีว่า: "เสียงพิณนั่นไม่ดี ข้าไม่ชอบฟังมัน ตาเฒ่าบ้านข้าฟังแล้วนอนไม่ดีเป็นครึ่งค่อนคืน ฝันร้ายเสียมากมาย บอกว่าฝันเห็นคนแขวนคอตาย ตื่นนอนตอนเช้าก็มีไข้หนาวสั่น ข้าให้ดื่มน้ำขิงไปหน่อย เขาถึงค่อยดีขึ้นมาได้”

“ ยังมีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?” แม่ทัพอันที่อยู่อีกด้านแปลกใจ

หญิงชราพยักหน้า

อันหลิงหยุนจึงถามว่า "ลูกชายของท่านเป็นอะไรไปหรือ?"

ผู้ชายอายุราวๆสามสิบคนหนึ่ง ยังยืนอยู่อีกด้าน เสื้อผ้าที่ใส่นั้นสะอาดสะอ้าน แต่ดูแววตาและท่าทางของเขาแล้ว เป็นคนป่วยคนหนึ่ง

มีอาการเซ่อซ่าทึ่มทื่อ เหมือนคนสติไม่สมประกอบ

"เขาไม่ใช่ลูกชายข้าหรอก เป็นหลานชายข้าต่างหาก ทำให้ขายหน้าแล้ว" หญิงชรารีบอธิบายก่อน อันหลิงหยุนก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาแล้ว รีบเอ่ยขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่

"ข้าอายุยังน้อย โปรดอย่าถือสา ข้าไม่ควรถามเช่นนี้ ควรจะถามให้ชัดเจน"

"เอ๋! ไม่เป็นไรหรอก ที่จริงแล้วพวกเจ้าก็อายุไล่เลี่ยกัน เด็กคนนี้ดูแล้วเหมือนจะโตกว่าหน่อย ก็คงเพราะ เกิดจากความยากลำบากที่เขาต้องเจอมาตลอดหลายปีนั่นล่ะ

เขาถูกทำให้ตกใจจนสติเตลิด ตอนยังเด็กเขาเล่นที่บ้าน ที่หมู่บ้านเรานั้นมีหมูป่าอยู่ หมูป่ามันวิ่งเข้ามาในบ้าน พุ่งชนทั้งพ่อและแม่ของเขาจนเลือดอาบร่าง ตายไปทั้งคู่

หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นแบบนี้ไปเลย"

"อย่างนี้เอง ให้ข้าลองตรวจดูหน่อย"

อันหลิงหยุนไม่มีท่าทีวางมาดใดๆแม้แต่น้อย เดินไปจับมือของอีกฝ่าย และตรวจสอบให้ครั้งหนึ่ง

"ถูกทำให้ตกใจจนเตลิด แต่ส่วนของสัมปชัญญะเขาไม่ได้มีปัญหา เพียงแต่ต้องค่อยๆปรับแก้อย่างช้าๆ เอาอย่างนี้ดีไหม ข้าจะลองคิดหาหนทาง รักษาอาการให้เขาดูสักหน่อย"

"หา!?"

หญิงชราตกใจไม่น้อย รีบเดินจ้ำเข้ามาเบื้องหน้าอันหลิงหยุน คุกเข่าให้อันหลิงหยุนลงตรงนั้น ทำจนอันหลิงหยุนตกใจสะดุ้งเฮือกเลยทีเดียว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน