ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 384

บทที่ 384 กำหนดชัยชนะพันลี้

สายตาจ้องมองดูองค์หญิงใหญ่ อันหลิงหยุนนั่งลงพลางเอ่ยถามว่า: "ท่านป้า ท่านคิดว่าใครสมควรจะเป็น คนที่ลงมืออยู่เบื้องหลังมากที่สุดเพคะ?"

“ถ้าข้ารู้ พวกนั้นจะฆ่าล้างตระกูลอ๋องเจ็ดได้หรือ? ฝ่าบาททรงมีพระเมตตา แต่พวกนั้นไม่ใช่ เพื่อที่จะทำให้ฝ่าบาทถูกผู้คนรังเกียจเดียดฉันท์ พวกนั้นถึงได้เริ่มลงมือเข่นฆ่าคนในวงศ์ตระกูลตัวเองแล้ว เจ้าคิดว่าพวกนั้นจะเผยพิรุธ กับเรื่องเล็กๆน้อยๆได้เชียวหรือ?”

“หากพูดกันอย่างตรงไปตรงมา ตอนที่ใช้การได้ พวกนั้นก็ย่อมเอามาใช้ แต่เมื่อใช้การไม่ได้เมื่อไหร่ ก็ฆ่าทิ้งจนหมดไม่มีเหลือ

เมื่อหมดประโยชน์ ก็แค่ฆ่าทิ้ง

การกำจัดย่อมดีกว่าปล่อยเอาไว้ ให้ออกไปแพร่งพรายเรื่องที่รู้อยู่ข้างนอก

อ๋องเจ็ดอาจจะไม่พูด แล้วลูกหลานของเขาล่ะ?

อ๋องเจ็ดยินดีที่จะเก็บรักษาความลับ แล้วลูกหลานของเขาล่ะ?”

คนเราย่อมไม่เหมือนกัน ไม่ใช่คนทุกคนจะยอมเต็มใจไปตายเพื่อผู้อื่น

อ๋องเจ็ดทำไมถึงไม่เสียใจภายหลังบ้างเลย?

เพียงแค่ ก้าวแรกที่ย่างเท้าผิดไป กลับทำให้ทุกก้าวที่เดินต่อไปยิ่งผิด จนถลำลึกลงไปทุกที เขาสูญเสียลูกชายไปสองคนแล้ว เขาไม่เสียใจภายหลังเลยหรือ? ยังไม่เข้าใจอีกหรือ?

ผู้ที่เขามอบความภักดีให้ ไม่ใช่เทพผู้นำพาความเจริญรุ่งโรจน์ แต่เป็นมารร้ายจอมโฉดชั่วที่ฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตา

เขาเพียงแค่ ไม่มีหนทางที่จะปกป้องคนทั้งจวนอ๋องเจ็ดได้กระมัง? "

องค์หญิงใหญ่ถอนพระปัสสาสะ: "หยุนหยุน เจ้ากลับวังเถอะ นำศาสน์( คำสั่ง พระราชหัตถเลขาทางราชการ) ของข้าไปถวายให้ฝ่าบาทด้วยมือของเจ้าเอง พระองค์จะทรงเข้าพระทัยได้โดยธรรมชาติ"

…………………

แม้อันหลิงหยุนจะไม่รู้ว่า องค์หญิงใหญ่จะทรงทำสิ่งใด แต่ในช่วงบ่ายวันนั้น นางก็เดินทางเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้

ฮ่องเต้ชิงหยู่ทอดพระเนตร ศาสน์ขององค์หญิงใหญ่ พยักพระพักตร์ตอบรับ: "กลับไปเถอะ บอกองค์หญิงใหญ่ ว่าข้ารู้สึกขอบคุณมาก แต่สำหรับเรื่องนี้ ข้าจะปล่อยให้นางถูกผู้คนก่นด่า ให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียงไม่ได้"

"ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ดูศาสน์ฉบับนี้ได้หรือไม่เพคะ?" อันหลิงหยุนยืนอยู่ในห้องโถงพระตำหนักจรุงจิต นึกสงสัยว่าสิ่งที่อยู่ในศาสน์นั้น สุดท้ายแล้วคืออะไรกันแน่

ฮ่องเต้ชิงหยู่นำศาสน์พระราชทานให้แก่อันหลิงหยุน เมื่อนางได้อ่านจึงเข้าใจแล้ว

องค์หญิงใหญ่ มีพระประสงค์จะแบกความรับผิดชอบมาไว้ที่องค์เองทั้งหมด เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมสามารถปกป้องพระเกียรติของฝ่าบาทได้

แต่ทว่า ฮ่องเต้ชิงหยู่ทรงไม่มีพระประสงค์ที่จะทำเช่นนั้น

“ ฝ่าบาทเพคะ เรื่องนี้หม่อมฉันก็ไร้กำลังที่จะทำสิ่งใดได้ เป็นความจริงที่ว่า คนล้วนตายด้วยการแขวนคอตายเองทั้งหมด อีกทั้งดูจากเวลาแล้ว ยังเป็นภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งชั่วยาม ในเวลานั้นเป็นกลางดึก เป็นที่เวลาที่ผู้คนต่างหลับใหลกันหมด ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ เมื่อมาพบพวกเขาในตอนเช้า ก็ไร้หนทางช่วยเหลือได้แล้วเพคะ”

“หม่อมฉันคิดอยู่ว่า ไม่ว่าฆาตกรที่ลงมือจะมีความสามารถมากเพียงใด เขาจะสามารถฆ่าคนจำนวนมากในเวลาเดียวกันได้อย่างไร

เช่นนั้น คำอธิบายเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นไปได้ คือการข่มขู่

มีใครบางคน ข่มขู่อ๋องเจ็ดด้วยอะไรบางอย่าง

แต่อะไรกันที่สามารถใช้ข่มขู่คนทั้งตระกูลของอ๋องเจ็ดได้? ”

ฮ่องเต้ชิงหยู่เพ่งพิศอันหลิงหยุน อย่างละเอียดลออ ทอดพระเนตรสวีกงกงเพียงครู่ สวีกงกงจึงรีบร้อนสั่งให้คนอื่นถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ปิดประตูเดินออกไป

เมื่อคนจากไป ฮ่องเต้ชิงหยู่จึงยื่นพระหัตถ์ให้อันหลิงหยุน: "ตรวจดูให้ข้าหน่อยเถอะ ไม่ได้พบเจ้าเสียนาน"

อันหลิงหยุนตกตะลึง อึ้งค้างไปเลยทีเดียว นี่มันเวลาอะไรแล้ว ยังมีพระทัยตรัสถึงเรื่องพวกนี้ เป็นฮ่องเต้ ช่างแตกต่างจากคนทั่วไปจริงๆนั่นล่ะ

อันหลิงหยุนไม่กล้าขัดพระบัญชา จึงจับข้อพระหัตถ์ของฮ่องเต้ เริ่มการตรวจสอบอาการ

จึงพบว่าพิษในพระวรกายของพระองค์หมดไปแล้ว

อันหลิงหยุนปล่อยมือ: "พิษของฝ่าบาทถูกแก้จนหมดแล้วเพคะ"

“ จริงหรือ?” ฮ่องเต้ชิงหยู่กลับทรงสงบนิ่งมาก

“ ฝ่าบาทเพคะ เรื่องของท่านอ๋องเจ็ด ... ”

"หยุนหยุน เรื่องนี้ไม่อาจทำอย่างสะเพร่าได้ ข้ารู้ว่าไม่ว่าข้าจะพูดอะไรไป เจ้าก็จะรู้สึกว่าสิ่งที่ข้าพูดอาจจะไม่ถูกต้อง

แต่เมื่อเกิดคดีขึ้นแล้ว หนทางแก้ไขเดียว ก็คือต้องสืบหาความกระจ่าง เรื่องเรื่องนี้หากว่าอ๋องเสียนอยู่ที่นี่ ข้าย่อมไม่ลำบากอะไร แค่โยนไปให้เขาก็สิ้นเรื่องแล้ว

แต่เมื่อเช้านี้ อ๋องเสียนได้ส่งพิราบสื่อสารมาหาข้า นี่คือศาสน์ของเขา "

ฮ่องเต้ชิงหยู่นำกระดาษม้วนหนึ่ง พระราชทานให้แก่อันหลิงหยุน อันหลิงหยุนรีบรับมาเปิดออกอ่าน

บนนั้นเขียนเนื้อความกระชับชัดเจน มีเพียงไม่กี่อักษร มีการเสนอชื่อของคนเพียงสองคนเท่านั้นคือ กั๋วจิ้วน้อย หวางหวยอัน และแม่ทัพน้อย เสินหยุนเจ๋

ไม่มีชื่ออื่นอีกเลย

อันหลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองฮ่องเต้ชิงหยู่: "ฝ่าบาท จะทรงมีรับสั่งเรียกพบหรือไม่เพคะ?")

"เผาทิ้งเสียเถอะ."

ฮ่องเต้ชิงหยู่มีรับสั่ง อันหลิงหยุนจึงเดินไปอีกด้าน แล้วเผากระดาษข้อความนั้นทิ้ง

อันหลิงหยุน จ้องมองเปลวไฟอย่างเหม่อลอย ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้ว กงชิงวี่มีความสามารถมากมายขนาดไหน ตัวอยู่ที่ชายแดน เรื่องเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน พอรุ่งเช้าเขาก็สามารถส่งบันทึกข้อความ เสนอชื่อผู้ช่วยสืบคดีมาให้ถึงที่ได้แล้ว

เขาต้องวิ่งม้าตายไปกี่ตัว ต้องใช้ระดับความเร็วมากมายเพียงใด จึงสามารถควบคุมทุกย่างก้าวของเมืองหลวงได้เช่นนี้

ความสามารถระดับนี้ ทำเอาคนตกใจอย่างหนักโดยแท้

ไม่ต้องพูดถึงสมัยโบราณ ต่อให้เป็นยุคปัจจุบันก็เถอะ ยังต้องกลัวเลยว่าอาจจะไม่ได้เจอกับความเร็วระดับเทพขนาดนี้ด้วยซ้ำ

ต่อให้เป็นโทรศัพท์ก็ยังมีเวลาที่สายไม่ว่าง หรืออาจมีบ้างบางเวลา ที่ไม่อยู่ในพื้นที่ให้บริการอีกด้วย

"ฝ่าบาทเพคะ ในเมื่อส่งมาถึงเช้านี้แล้ว เพราะเหตุใดจึงไม่เรียกพบล่ะเพคะ หรือว่าฝ่าบาทไม่ทรงคิดจะตรวจสอบแล้ว?" อันหลิงหยุนหันกายกลับมา เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

ฮ่องเต้ชิงหยู่ ปรายสายพระเนตรไปที่หลิงหยุนด้วยพระอาการสงบ: "ข้าอยากรอให้หยุนหยุนมาก่อน ข้าจะได้ไม่ต้องอธิบาย"

"..... " อันหลิงหยุนได้แต่สับสน นางไม่ใช่ฮองเฮาเสียหน่อย ฝ่าบาททรงต้องอธิบายอะไรด้วยหรือ?

ฮ่องเต้ชิงหยู่ มุ่งความสนพระทัยไปที่อันหลิงหยุนครู่หนึ่ง แต่ยังไม่ทันมองสิ่งใดออก ก็ทรงหันพระพักตร์กลับไป ความสูญเสียของพระองค์ ก็มีเพียงพระองค์เองเท่านั้น ที่ก่อเกิดแรงผลักดันขับเคลื่อนพระชนม์ชีพให้ไปต่อได้

"คนตายไปแล้ว อีกทั้งยังตายอยู่ตรงใต้เปลือกตาของข้าอีกด้วย สาเหตุยิ่งไม่ชัดไม่แจ้ง ข้าจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ผู้คนในใต้หล้านี้จะยอมปล่อยข้าไปหรือ ให้ตรวจสอบ แน่ล่ะว่าต้องตรวจสอบ เพียงแต่ .... ต้องตรวจสอบอย่างไร ตรวจสอบเอาสิ่งใดออกมากันแน่?

เดิมทีจวนอ๋องเจ็ดก็เป็นแค่แพะรับบาป ข้าเองก็สงสารอ๋องเจ็ด จะดีจะชั่วเขาก็เป็นลุงของข้า ไม่คาดคิดมาก่อนจริงๆว่า พวกนั้นจะลงมือโหดเหี้ยมอำมหิตได้ถึงเพียงนี้ ถึงกับทำเรื่องพรรค์นี้ออกมาได้ ช่างทำให้ข้าเเคียดแค้นยิ่งนัก!

ชีวิตผู้คนกว่าเจ็ดสิบชีวิต ทำไม ถึงได้เข่นฆ่ากันได้ลงคอเช่นนี้! "

หลิงหยุนรู้สึกหดหู่ หรือจะบอกว่าพระองค์นั้นไม่ฆ่าใคร?

หรือจะพูดว่าไม่เคยเห็นกงชิงวี่ฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมไร้ปราณี?

คนที่ถูกฆ่าไปเหล่านั้น น้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ?

ทว่า อันหลิงหยุนกลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจ แต่ถึงอย่างไร ที่ฮ่องเต้ชิงหยู่ทรงตรัสนั้นก็ไม่ผิด คนตายมากขนาดนี้ สำนักงานใหญ่อาจโดนปรักปรำ ทั้งที่ทุกอย่างยังคลุมเครือไม่ชัดเจนได้

"ถึงอย่างไรหยุนหยุนก็เป็นหมอ เช่นนั้นก็ไปช่วยตรวจสอบเถอะ ใครก็ได้เข้ามา .... "

"พ่ะย่ะค่ะ"

สวีกงกงผลักประตูเข้ามา ฮ่องเต้ชิงหยู่ตรัสว่า: "ประกาศราชโองการของข้าลงไป เรียกให้กั๋วจิ้วน้อย หวางหวยอัน แม่ทัพน้อยจวนเฉิงเสี้ยง เสินหยุนเจ๋เข้าพบ"

"พ่ะย่ะค่ะ"

สวีกงกงรับพระบัญชาแล้วจึงรีบลงไป อันหลิงหยุน แอบมองฮ่องเต้ชิงหยู่อย่างไม่เข้าใจ

ฮ่องเต้ชิงหยู่ตรัสว่า: "เจ้าไปช่วยตรวจสอบเถอะ"

"ฝ่าบาท กั๋วจิ้วน้อยทำคดีเป็นหรือเพคะ?" ในสมองของอันหลิงหยุน เร่งสืบค้นข้อมูลมากมาย เกี่ยวกับเรื่องการทำคดีของกั๋วจิ้วน้อยหวางหวยอัน แต่กลับไม่พบสิ่งใดในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมเลย

ฮ่องเต้ชิงหยู่พยักพระพักตร์: "ข้าเองก็ไม่แน่ใจ ลองดูหน่อยแล้วกัน"

ในไม่ช้า หวางหวยอันก็มาขอเข้าเฝ้า ตามมาด้วยเสินหยุนเจ๋ที่ตามหลังมาติดๆ

หลังจากที่ทั้งสองรับราชโองการ อันหลิงหยุนก็ตามออกจากวังไป

ระหว่างทาง หวางหวยอันจึงเลียบเคียงถามอันหลิงหยุน เกี่ยวกับการตายของคนเหล่านั้น ว่าพอจะตรวจสอบพบอะไรหรือไม่

อันหลิงหยุนจึงบอกเล่าถึง การตรวจสอบที่ไม่พบอะไรเลยให้หวางหวยอันฟัง

หวางหวยอันกลับเผยรอยยิ้มไม่เชิงจะเห็นด้วยออกมา : "เช่นนั้นหรือ?"

อันหลิงหยุนไม่อาจเข้าใจหวางหวยอันผู้นี้ได้ ดูๆไปแล้วเหมือนจะอ่อนโยนไม่เป็นอันตราย แต่ยิ่งเป็นคนแบบนี้ ก็ยิ่งมีมุมที่โหดเหี้ยมมากยิ่งขึ้น

ในตอนนี้ ความไม่สงบมั่นคงในเมืองหลวง เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น

แต่ทว่า เหล่าผู้คนที่มีความสามารถนั้น ก็มีอยู่ไม่น้อย หากพูดถึงการทำคดี เป็นไปได้อย่างมากที่พ่อของนางคงไม่ไหว แต่เวยฉือเป็นรองผู้ว่าราชการเมืองหลวง ยังมีราชครูจุน เสินเฉิงเสี้ยง และผู้มีความสามารถคนอื่น ๆ อีกมากมาย

กงชิงวี่เลือกหวางหวยอันขึ้นมาเพียงหนึ่งเดียว

ย่อมเห็นได้ว่าเขาคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน

เสินหยุนเจ๋เดินไปข้างๆ เอ่ยถามขึ้นว่า "ดวงตาของคนเหล่านั้น มีลักษณะเป็นอย่างไร?"

"ตาเบิกโพลง ใต้ดวงตาปรากฏเส้นเลือดฝอยแตกกระจาย คล้ายกับได้รับความตื่นตระหนกหวาดกลัว แต่นั่นเป็นเพียง สภาวะหายใจไม่ออกก่อนตายของคนเหล่านั้น" ในฐานะหมอ อันหลิงหยุน ย่อมต้องตรวจสอบดวงตาของผู้ตายอย่างเคร่งครัด สิ่งนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับนาง

เสินหยุนเจ๋หยุดชะงัก จ้องมองหวางหวยอัน: "กั๋วจิ้ว เจ้าเคยได้ยินที่เค้าลือกันว่า ทำนองดนตรีสังหารคน มาบ้างหรือไม่?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน