บทที่ 521 ส่วนที่ลึกที่สุดของตำหนักเย็น
ทันทีที่ราชครูจุนมา ทั้งสองยืนอยู่ด้านนอกด้วยกัน อันหลินหยุนหันไปทางราชครูจุนพร้อมกล่าวทักทาย
“ราชครู!”อันหลินหยุนโค้งตัวลงคำนับ
“มิกล้า พระชายาเสียนรีบเงยหน้าขึ้นเถิด”
ราชครูจุนก้มหน้าลง หันหน้ากลับไปยังพระตำหนักจรุงจิต พร้อมกับดึงมือทั้งสองเข้าไปในชายเสื้อ
ราชครูจุนเสื้อผ้าไม่มากนัก ส่วนอันหลินหยุนนั้นสวมเสื้อขนสัตว์มาด้วย พอยืนได้สักพัก อันหลินหยุนก็หันไปเห็นใบหน้าของราชครูที่แดงไปหมดแล้ว อันหลินหยุนจึงปลดเสื้อขนสัตว์ออกเดินไปยังราชครูจุนแล้วคลุมเสื้อลงบนตัวของเขา ก่อนจะเดินไปยืนต่อข้างๆ
ราชครูมองไป ดวงตาคมลึกจ้องมองไปยังใบหน้าที่แดงก่ำของอันหลินหยุน แล้วมองยังเสื้อคลุมที่อยู่บนไหล่ ก็ราวยอมรับน้ำใจด้วยความยินดี ลูบเสื้อขนสัตว์ไปมา แล้วลูบมือไปมาในชายเสื้อ โดยไม่พูดกล่าวสิ่งใด
แต่ท้องฟ้ากลับไม่ได้สวยงามเสมอ ตอนนี้หิมะล่วงล้นลงมาอย่างหนัก
อันหลินหยุนหลาว เสี่ยวสวี่จื่อที่ร้อนรนก็เดินออกมาอยู่สองสามครั้ง พอเห็นอันหลินหยุนที่ยังยืนอยู่ด้านนอกก็ยิ่งกังวล
เขาจึงใช้ประโยชน์โอกาสในตอนที่ได้ออกมาทำธุระ เสี่ยวสวี่จื่อรีบวิ่งไปยังตรงหน้าอันหลินหยุน:“พระชายาเสียน ท่านจะไปถวายพระพรแก่ไทเฮาก่อนไหมพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ฮ่องเต้กำลังยุ่งอยู่ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะไม่เป็นเรื่องเอานะพ่ะย่ะค่ะ!”
ตัวของราชครูจุนเต็มไปด้วยหิมะขาว เงยหน้าขึ้นไปมองเสี่ยวสวี่จื่อ :“ข้าจะไปถวายพระพรไทเฮาเสียก่อน”
เสี่ยวสวี่จื่อนิ่งอึ้ง มองไปยังราชครูจุน แล้วรีบหันไปทำความเคารพแก่ราชครูจุน :“ราชครู ข้าน้อยคารวะราชครูจุน”
“ไม่ต้องแล้ว ข้าไม่ได้อยู่ในสายอยู่แล้วนี่!”ราชครูจุนโกรธ พร้อมจะเดินจากไป
อันหลินหยุนพูด :“ราชครู บางทีอาจจะใกล้ถึงเวลาแล้ว ตอนนี้ไปเข้าพบเสด็จแม่จะเป็นว่าไม่เป็นการดี ท่านอยู่รอก่อนจะดีกว่า”
ราชครูจุนมองไปที่อันหลินหยุน จึงไม่ได้ไป
เสี่ยวสวี่จื่อยังต้องกลับเข้าไป จึงรีบพูดอยู่สองสามประโยคก่อนจะหันหลังวิ่งไป
เมื่อเสี่ยวสวี่จื่อเดินไป ราชครูจุนก็หลับตาลง ก้มหน้ายืนต่อไป
อันหลินหยุนมองไป ก็รู้สึกว่าเขาช่างเป็นคนที่มีความทนทานเสียจริง!
อายุรุ่นราวนี้แล้ว แต่กลับตัวสั่นเพียงเล็กน้อย เมื่อช่วงก่อนเห็นว่าร่างกายเขาทรุดลง คิดไม่ถึงจะฟื้นตัวเร็วขนาดนี้
ท่ามกลางหิมะตกหนัก ทั้งสองก็ยังคงยืนอยู่อย่างนั้น ราวกับว่ากำลังประลองกันว่าผู้ใดทนทานกว่านั้นเสียอย่างนั้น รอจนครบหนึ่งชั่วยาม เสี่ยวสวี่จื่อถึงได้วิ่งออกมาเรียกให้ทั้งสองเข้าไปได้
พอเข้ามาด้านในพระตำหนักจรุงจิต ราชครูจุนก็ส่งเสื้อขนสัตว์ให้กับเสี่ยวสวี่จื่อ ด้วยท่าทางที่ดูกระฉับกระเฉง ไม่เป็นเหมือนกับคนที่เพิ่งล้มป่วยอยู่บ้านเมื่อไม่กี่วันก่อนเสียเลย อันหลินหยุนมองไปยังท่าทางของราชครูจุนด้วยความผ่อนคลาย ถ้าเกิดไม่รู้ว่าเขาเป็นขุนนางพลเรือน นางก็คงจะคิดว่าเขาเป็นขุนนางทหารแล้ว ยืนอยู่นานขนาดนี้แต่กลับไม่รู้สึกอะไรเลย
อันหลินหยุนยืนอยู่ตรงประตูสะบัดหิมะออก ก่อนจะเดินไปด้านก่อนจะคุกเข่าลงคารวะพร้อมกับราชครูจุน
“ถวายบังคมฝ่าบาท ”
“ถวายบังคมฝ่าบาท ”
“รีบลุกขึ้นเถอะ ข้ามัวแต่ยุ่งอยู่ เลยลืมไปว่าพวกเจ้าทั้งสองยืนอยู่ด้านนอกรอข้าอยู่ เป็นความผิดของข้าเอง”ฮ่องเต้ชิงหยู่กล่าวอย่างเรียบเฉย
อันหลินหยุนนั้นก็ชินชากับสิ่งนี้ไปแล้ว ฮ่องเต้ชิงหยู่มักใช้วิธีนี้อยู่ตลอด มักจะทำตัวแข็งกร้าวแต่กลับใช้วาจาที่อ่อนหวาน นางดูเขาออกนานแล้ว
แต่เป็นข้าราชสำนักก็ต้องทำตัวให้เป็นข้าราชสำนัก
อันหลินหยุนและราชครูจุนกล่าวคำเยินยอ
“ฮ่องเต้ทรงงานทุกวันไม่เว้นว่าง ข้าน้อยไม่อาจแบ่งเบาภาระได้ ถือว่าเป็นเรื่องน่าละอายใจยิ่งนัก ต้องขอบพระทัยในความกรุณาของฝ่าบาท!”ราชครูจุนพูดได้ค่อนข้างดูดี
อันหลินหยุนเองก็ไม่น้อยหน้า พลางกล่าว“หม่อมฉันเข้าวังมาโดยพลการ ทั้งยังเข้ามารบกวนพระองค์อีก ถือว่าเป็นความผิดของหม่อมฉัน”
ฮ่องเต้ชิงหยู่กวาดสายตาลงไปมองคนที่อยู่ด้านล่าง ล้วนแต่มีความสบายใจนั้นคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
“ราชครูจุนและพระชายาเสียนเข้าวังมาพร้อมกัน ไม่ทราบว่ามีเหตุธุระอันใด?”ฮ่องเต้ชิงหยู่กล่าวถามด้วยความเรียบนิ่ง
อันหลินหยุนและราชครูจุนหันมามองหน้ากัน ก่อนที่ราชครูจุนจะกล่าวก่อน :“ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันมาที่นี่เพราะเรื่องของกรมพระคลังพ่ะย่ะค่ะ”
“กรมพระคลังมีเรื่องอันใด?”ฮ่องเต้ชิงหยู่กล่าวถามทั้งที่รู้ดีอยู่แล้ว ด้วยสีหน้าที่เรียบสงบ
ราชครูจุนกล่าวต่อ โดยไม่สนใจท่าทางของฮ่องเต้ชิงหยู่ :“ทูลฝ่าบาท เมื่อไม่นานมานี้เสนาบดีกรมพระคลังได้ทำการยัดยอกเงินบรรเทาทุกข์ โดยที่เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นในวังหลวงได้สักระยะแล้ว ตัวหม่อมฉันนอนรักษาตัวอยู่ที่จวนหารู้เรื่องราวนี้ไม่ วันนี้ข้าบริวารในจวนได้กล่าวทูลให้หม่อมฉันว่าอ๋องเสียนได้รวบตัวทุกคนในกรมพระคลังโดยไม่มีผู้ใดรอดพ้นได้ ด้วยเหตุนี้หม่อมฉันถึงเพิ่งทราบเรื่องการยักยอกเงินไป เรื่องนี้นับเป็นเรื่องใหญ่ หม่อมฉันจึงไม่อาจที่จะอยู่นิ่งไม่เข้าวังไม่ได้”
ฮ่องเต้ชิงหยู่ทำเพียงมองไปยังราชครูจุน จากนั้นใบหน้าของเขาก็เริ่มจริงจังขึ้นมา :“กล่าวเช่นนี้ ก็หมายความว่าวันนี้เสนาบดีกรมพระคลังก็เกิดเรื่องใหญ่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน
เรื่องนี้สนุกมาก ดีมากจริงๆ ขอบคุณผู้แต่ง ขอบคุณผู้แปล ขอบคุณสปอนเซอร์ ขอบคุณ Admin ที่ลงให้อ่านจนจบ ถ้าเป็นไปได้อยากอ่านเรื่องเจ้าห้าต่อ...
หยุนหยุนคือแบบ เห้อออออ...
เต้คือหงเมียหนักมาก ผิดขนาดไหนก็เข้าข้าง...
ฮองเฮาก็ไม่ได้ท้องจริงๆซะหน่อย คนที่ท้องจริงๆก็มีแค่เซียวผินผู้น่างสารเท่านั้น...
ฮองเฮาเลวทรามเพียงใดทุกคนรู้หมด เต้ก็รู้ดีในใจ แต่ก็บังคับให้ทุกคนต้องตายเพื่อเมียรักตัวเอง ช่างเป็นผัวเมียที่เลวทรามสมกันจริงๆ สงสารหยุนหยุน ทำไมต้องชีวิตมาพัวพันกับคนชั่วพวกนี้ด้วยนะ...
ทุกคนรู้มดว่าฮองเฮาพยายามฆ่าหลิงหยุนาตลอด แต่ทุกคนก็ต้องการให้หลิงหยุนช่วยฮองเฮาและบ้านฮองเฮา ฮ่องเต้ก็นิสัยแย่นะ รักเมียหลงเมียจนปิดหูปิดตาทุกทาง ใจขณะดียวกันก็บังคับห้หิงหยุนสละชีวิตเพื่อตัวเองกับเมียัตวเอง บ้าบอ...
อักลิงหยุนคือใช้เงินมือเติบมากอยู่นะ ขึ้นเงินเดือนให้คนั้งจนตั้งเยอะในคราวเดียว อีกทั้งสร้างหนี้สินพันรอบตัวอีก อย่างไรก็ตามรักษาใครก็ไม่เคยได้เงิน คนในราชวงศ์ขี้เหนียวมาก...
กระยาหารังคืออะไรคะ...