ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 590

บทที่ 590 พระตำหนักจรุงจิตเกิดเพลิงไหม้

อันหลิงหยุนถูกพาไปยังพระตำหนักจรุงจิต กลางดึกอันหลิงหยุนใจเต้นตึกตัก ฮ่องเต้ชิงหยู่คงไม่ได้คิดที่จะจู่โจมหรอกนะ!

เมื่อเสี่ยวสวีจื่อพาอันหลิงหยุนไปถึงก็เดินออกไป อันหลิงหยุนยืนรออยู่ในพระตำหนักจรุงจิตที่ว่างเปล่าเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วยาม จึงได้ยินเสียงฝีเท้าของคนเดินมาจากด้านใน เมื่อเงยหน้าจึ้นอันหลิงหยุนก็เห็นฮ่องเต้ชิงหยู่ อันหลิงหยุนนึกด่าขึ้นในใจทันที เจ้าบ้านนี่ อย่าเข้ามาใกล้ข้าจะได้ไหม

อันหลิงหยุนรู้สึกไม่สบายใจแต่ก็ยังคุกเข่าคำนับฮ่องเต้ชิงหยู่

พระมหากษัตริย์นั้นมีความแตกต่าง ตั้งแต่ตอนที่อันหลิงหยุนถูกฮ่องเต้ชิงหยู่เอาเปรียบ อันหลิงหยุนก็จารึกเอาไว้ในใจแล้ว

ฮ่องเต้ชิงหยู่เดินเข้าไปหาอันหลิงหยุน แล้วโน้มตัวลงประคองอันหลิงหยุนขึ้นมา: “ลุกขึ้นเถอะ รอจนร้อนใจแล้วสิ?”

อันหลิงหยุนสงบใจเอาไว้ ยืนนิ่งเหมือนเป็นสิ่งของชิ้นหนึ่ง นางชักจะไม่เข้าใจแล้ว ว่าสมองส่วนไหนของฮ่องเต้ชิงหยู่ที่มีปัญหากันแน่ บนโลกนี่มีคนมากมายแต่เขากลับไม่ไปจัดการ จำเพาะจะต้องมายุ่งวุ่นวายกับนาง?

ยิ่งคิดอันหลิงหยุนก็ยิ่งรู้สึกว่าสวรรค์ไม่ยุติธรรมกับนาง รู้สึกนึกเสียใจที่หลังที่ยอมอยู่ต่อเพราะฟังคำของกงชิงวี่

ด้านนอก ทุกคนต่างรู้ว่านางถูกกงชิงวี่พาไปด้วยแล้ว แต่ตอนนี้กลับปรากฏตัวขึ้นในวัง ถ้าหากฮ่องเต้ชิงหยู่ตีนางจนตายจริงๆ ก็ตายแบบไม่มีหลักฐาน ถึงเวลานั้นเกรงว่าจะไม่มีที่ไหนให้เรียกร้องความเป็นธรรมได้

“หม่อมฉันมิกล้า!”

อันหลิงหยุนรีบพูดขึ้น

ฮ่องเต้ชิงหยู่เห็นอันหลิงหยุนค่อยๆก้มหน้าลงก็พูดว่า: “เงยหน้าขึ้นเถอะ”

อันหลิงหยุนเงยหน้าขึ้นอย่างไม่มีทางเลือก ภายใต้แสงของโคมไฟ ใบหน้าของอันหลิงหยุนดูราวกับภาพวาด เมื่อเห็นแล้วฮ่องเต้ชิงหยู่ก็เหม่อลอยไปพักหนึ่ง จากนั้นจึงหันหลังแล้วเดินลงไปนั่งข้างๆโต๊ะด้านล่าง: “มานี่สิ มาเล่นหมากรุกเป็นเพื่อนข้า พ่อของเจ้าเล่นหมากรุกฝีมือไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เรื่องไม่ว่า อารมณ์ยังร้อนอีก คว่ำกระดานหมากรุกของข้าไปหลายกระดานแล้ว เจ้ามาสิ!”

อันหลิงหยุนตอบรับ แล้วจึงนั่งเล่นหมากรุกเป็นเพื่อนฮ่องเต้ชิงหยู่ ฮ่องเต้ชิงหยู่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว บางครั้งก็สอบถามถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอันหลิงหยุนและกงชิงวี่ขึ้นมา อันหลิงหยุนเดาไม่ออกว่าฮ่องเต้ชิงหยู่มีเจตนาอะไรในใจ แต่นางรู้สึกว่าคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่

ดังนั้นอันหลิงหยุนเองก็ไม่ได้ใช้คำพูดที่ดีนัก

“ก็เป็นเช่นนั้นแหละเพคะ อารมณ์ก็ไม่ได้ดีนัก ยอมให้เขาสักหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว เพียงแค่รู้สึกว่าวันทั้งวันมองแล้วดูขัดหูขัดตา”

ฮ่องเต้ชิงหยู่รู้สึกขำ: “เขาเป็นอ๋องเสียน ฐานะสูงส่ง แน่นอนว่าจะต้องทระนงตน เข้าติดตามข้ามาตั้งแต่เด็ก เป็นเพราะข้าตามใจเขาจนเคยตัว เขาไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตานั่นถือเป็นเรื่องปกติ ให้อภัยเขาเถอะ”

“เพคะ”

อันหลิงหยุนแสร้งทำเป็นหดหู่ ฮ่องเต้ชิงหยู่รู้สึกอารมณ์ดีอย่างไม่มีเหตุผล

“ข้าเองก็เหนื่อยแล้ว ประเดี๋ยวก็ต้องออกว่าราชการตอนเช้า ช่วยตรวจดูร่างกายให้ข้าหน่อย แล้วก็ไปพักผ่อนเถอะ”

“เพคะ”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ยื่นมือให้อันหลิงหยุน อันหลิงหยุนสแกนอัตโนมัติ แล้ววินิจฉัยว่าไม่มีอะไร แล้วอันหลิงหยุนจึงลุกขึ้น

ฮ่องเต้ชิงหยู่ชี้เข้าไปด้านในของพระตำหนักจรุงจิต: “ไปพักผ่อนข้างในเถอะ ข้าพักผ่อนข้างนอกสักครู่ก็จะไปแล้ว ปกติแล้วพระตำหนักจรุงจิตไม่มีคนมา เจ้าจงรออยู่ที่นี่ แล้วเสี่ยวสวีจื่อจะหาเวลาเข้ามาดูแลเจ้า”

อันหลิงหยุนคิดไม่ถึงเลยว่า เพื่อนางแล้วฮ่องเต้ชิงหยู่จะทำเรื่องซับซ้อนเช่นนี้

พูดจบฮ่องเต้ชิงหยู่ก็เดินไปล้มตัวลงนอนที่ม้านั่งอีกด้านหนึ่ง อันหลิงหยุนได้รับคำสั่งแล้วก็ไม่กล้าพูดมากอีก จึงเข้าไปนอนด้านใน

รอจนกระทั่งฮ่องเต้ชิงหยู่ออกว่าราชการตอนเช้า อันหลิงหยุนจึงลุกขึ้น

เดิมทีนางตั้งใจหาทางออกไปเดินเล่นข้างนอก ส่งจดหมายให้แก่กงชิงวี่ แต่คิดไม่ถึงว่าจะออกไปไหนไม่ได้ ประตูของพระตำหนักจรุงจิตถูกใส่กุญแจเอาไว้แล้ว

อันหลิงหยุนทำได้เพียงกลับไปพักผ่อนต่อ

ฮ่องเต้ชิงหยู่กลับมาจากว่าราชการตอนเช้า ก็ไปอยู่กินข้าวเป็นเพื่อนมู่มิงก่อน จากนั้นจึงไปทำธุระที่พระตำหนักจรุงจิต

อันหลิงหยุนเองก็กินข้าวเช้าเรียบร้อยแล้ว อันหลิงหยุนนั่งทบทวนหนังสือและอ่านตำราทางการแพทย์ของนาง

อันหลิงหยุนไม่มีอะไรจะต้องพูดกับฮ่องเต้ชิงหยู่อีก นางถูกลักพาตัวมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน