ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 630

บทที่ 630 แม่ทัพฮั๋วพอใจมาก

อันหลิงหยุนจัดการบาดแผลให้ฮั๋วฉิงเสร็จ ก็ส่งฮั๋วฉิงกลับไป

กงชิงวี่เรียกนางกลับมา อันหลิงหยุนไม่ฟัง: “ม่านอ๋อง คอของแม่ทัพน้อยนั้นข้าไม่วางใจเลย ถ้าหากมีรอยแผลเป็นก็คงไม่ดีแน่ หม่อมฉันมียาพิเศษ”

กงชิงวี่หรี่ตามอง รู้ว่าอันหลิงหยุนกำลังขู่เขา เขาจึงไม่กล้าพูดอะไรมาก

อันหลิงหยุนส่งฮั๋วฉิงกลับไป ฮั๋วฉิงตัวสั่นเล็กน้อย

ส่วนแม่ทัพฮั๋วกลับพูดด้วยความซาบซึ้งใจว่า: “ขอบคุณมากน้องชาย”

“ท่านแม่ทัพเกรงใจเกินไปแล้ว” อันหลิงหยุนส่งฮั๋วฉิงเข้าไปในกระโจม แล้วไม่จากไปไหน

คอยอยู่ดูแลฮั๋วฉิง แม่ทะพฮั๋วรู้สึกเป็นห่วง จึงเดินไปเดินมาอยู่ข้างในด้วยความร้อนใจ

อยากจะพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ออก

ฮั๋วฉิงหยิ่งยโสมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่เคยถูดปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน แม่ทัพฮั๋วเกรงว่าลูกสาวจะเกิดเรื่อง แต่คำบางคำก็ที่อดกลั้นอยู่ในใจยิ่งทำให้รู้สึก

อันหลิงหยุนเข้าใจท่าทีที่กระสับกระส่ายของแม่ทัพฮั๋วดี พ่อของนางเองก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน

อันหลิงหยุนพูดว่า: “แม่ทัพฮั๋ว ก็ให้ท่านสงบจิตสงบใจลงก่อน เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะร้อนใจ เมืองเพิ่งจะถูกโจมตี ยังต้องเป็นห่วงความรู้สึกของทหารและราษฎรด้วย

แม่ทัพน้อยอายุยังน้อยจึงอารมณ์ร้อน ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังเด็ก จึงไม่ผิดที่อาจจะมีช่วงเวลาที่หยิ่งผยอง เพียงแต่บางเวลานางคิดไม่ตกก็เท่านั้น

อีกทั้งที่วันนี้อ๋องเสียนทำเช่นนี้ก็เป็นเพราะข้า

ปกติแล้วอ๋องเสียนเป็นคนปกป้องพวกพ้อง ขอเพียงแค่เป็นคนที่อยู่ข้างกายเขา เขาก็จะทำเช่นนี้

ข้าเชื่อว่า อ๋องเสียนทำไปเพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ

ส่วนแม่ทัพน้อย จะต้องคิดได้อย่างแน่นอน

ในโลกนี้ ไม่มีเรื่องอะไรที่สำคัญไปกว่าความเป็นความตาย หากมีชีวิตอยู่ ก็สามารถสะท้อนคุณค่าของคนคนหนึ่งออกมาได้

พ่อของข้าอยากให้ข้ามีชีวิตอยู่ ข้าเองก็หวังให้ท่านพ่อมีอายุยืนยาว

นี่คือความหมายที่พวกเรายังมีชีวิตอยู่

แม่ทัพน้อยทำไปเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น ท่านแม่ทัพจะต้องเปิดใจให้กว้างสักหน่อย จึงจะสามารถมีอายุยืนยาวได้

มีท่านแม่ทัพอยู่ แม่ทัพน้อยถึงจะมีที่พึ่งพิง หากท่านแม่ทัพกระวนกระวายเช่นนี้ ก็ไม่อาจที่จะสงบลงได้ และก็ไม่อาจที่จะปกป้องแม่ทัพน้อยได้

รอให้แม่ทัพน้อยคิดได้ก่อน เวลาที่ท่านแม่ทัพเกิดเรื่อง นางก็จะเป็นทุกข์เช่นกัน”

ตอนนี้แม่ทัพฮั๋วค่อยๆพิจารณาอันหลิงหยุน แล้วจู่ๆก็รู้สึกว่าเขาไม่ใช่เด็กหนุ่มธรรมดา และรู้สึกชื่นชมไม่น้อย

“เจ้าอายุเท่าไหร่?” แม่ทัพฮั๋วถาม

“ยี่สิบ” อันหลิงหยุนไม่กล้าตอบให้น้อยเกินไป

แม่ทัพอันถามอีกว่า: “แล้วทำไมเจ้าถึงดูผอมบางเช่นนี้?”

รูปร่างก็เตี้ย แต่หน้าตาถือว่าใช้ได้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นคนของตระกูลไหนกัน

อันหลิงหยุนอธิบาย: “ในครอบครัวของข้าเป็นเช่นนี้กันหมด รูปร่างค่อนข้างเล็ก แต่พ่อของข้าหลังจากแจ่งงานแล้วจึงรูปร่างสูงใหญ่ขึ้นมา ได้ยินมาว่าปู่ของข้าก็เป็นเช่นนี้”

อันหลิงหยุนพูดมั่วไปเรื่อย

แม่ทัพฮั๋วถามว่า: “บ้านของเจ้าอยู่ที่ไหน เจ้าแซ่อะไร?”

อันหลิงหยุนพูดว่า: “ข้าแซ่อัน พ่อของข้าเป็นคนของตระกูลอัน”

“ได้ยินมาว่าในบ้านของแม่ทัพอันก็ไม่ได้มีใครมากนัก เจ้าเป็นญาติฝ่ายไหนกัน?”

“......” อันหลิงหยุนแสดงท่าทีจนใจ ตรวจสำมะโนครัวอย่างนั้นหรือ: “ข้าเป็นลูกบุญธรรมของแม่ทัพอัน เดิมทีอยู่ที่บ้านเดิม มาได้เพียงไม่นาน ครั้งนี้จึงถือว่ามาฝึกฝน เรียนรู้วิชาการแพทย์กับพระชายาเสียนอยู่หลายวัน”

“มิน่าล่ะ”

แม่ทัพฮั๋วค่อนข้างพอใจ ลูกชายบุญธรรมของแม่ทัพอัน เช่นนั้นก็ไม่เลว

อีกทั้งเขาคงจะเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อมีแม่ ปกติอันจือซานคนนั้นก็ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นอย่างดี ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคนรุ่นหลังของรองแม่ทัพสักคน เพื่อที่จะดูแลจึงได้เลี้ยงดูเอาไว้ข้างกาย

แม่ทัพตายในสนามรบนั้นเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ สงสารก็แต่คนรุ่นหลังของพวกเขา

หลังจากที่ซื่อสัตย์?

แม่ทัพฮั๋วกำลังไตร่ตรอง เช่นนั้นเขาอยู่ต่อในค่ายทหารของอ๋องเสียนก็คงไม่มีประโยชน์อะไร พวกเขาเป็นเพียงแค่พี่เขยกับด้วยฐานะจึงต้องมีข้อห้ามสักหน่อย เพราะเกรงว่าคนจะนำไปพูดว่าเล่นพรรคเล่นพวก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน