ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 66

บทที่ 66 สิ่งที่ถูกค้นพบ

“หม่อมฉันถวายบังคมเสด็จแม่”

“หม่อมฉันถวายบังคมเสด็จแม่”

ฮ่องเต้ชิงหยู่และกงชิงวี่มาที่พระตำหนักเฉาเฟิ่งพร้อมกัน และทำความเคารพหวางฮองไทเฮา

อันหลิงหยุนลุกขึ้นไปด้านหน้าเพื่อถวายความเคารพฮ่องเต้ชิงหยู่ ในขณะที่นางกำลังจะก้มตัวลง กลับถูกฮ่องเต้ชิงหยู่หยุดเอาไว้ และประคองขึ้นมาด้วยมือของเขาเอง

“ลุกขึ้นเถอะ ไม่มีคนนอก ข้าเป็นแค่พี่ชายของเจ้าเท่านั้น”

“หม่อมฉันมิบังอาจ ขอบพระทัยฝ่าบาท” อันหลิงหยุนลุกขึ้นและลดศีรษะลง ฮ่องเต้ชิงหยู่ฟุ้งซ่านไปเล็กน้อย

“ไม่ได้เจอเจ้ามาไม่กี่วัน พระชายาอ๋องดูดีขึ้นไม่น้อย” ฮ่องเต้ชิงหยู่เอ่ยชมเชย

อันหลิงหยุนนิ่งเงียบตั้งแต่ต้นจนจบ คำพูดของเขาก็เป็นแค่การพูดไปเรื่อยเปื่อย นางไม่เก็บมาใส่ใจ

“ทำไมข้าถึงมองไม่ออก? ข้ากลับคิดว่า นางดูน่าเกลียดเสียยิ่งกว่าเดิม” กงชิงวี่เหลือบมองไปที่อันหลิงหยุนอย่างเย็นชา จากนั้นจึงหันไปมองที่หวางฮองไทเฮาตรงหน้า “เสด็จแม่ หม่อมฉันกำลังจะออกจากวังแล้ว”

“รีบร้อนอะไรกัน นานทีๆ พวกเราจะพร้อมหน้า มาทานอาหารกลางวันด้วยกันแล้วค่อยออกไปจากวัง”

“ลูกต้องไปที่จวนตระกูลจุนเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องที่กุ้ยเฟยจะเข้าวัง”

“นับดูแล้ววันเวลาก็ใกล้เข้ามาแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าจงไปเถอะ” เมื่อหวางฮองไทเฮาพูดจบ กงชิงวี่ก็หันกลับมาและจากไปอย่างไม่ลังเล

อันหลิงหยุนหันไปทางหวางฮองไทเฮาเพื่อทำการเคารพ “หม่อมฉันทูลลา”

จากนั้นจึงหันไปทางฮ่องเต้ชิงหยู่เพื่อทำการเคารพอีกครั้ง “หม่อมฉันทูลลา”

“อืม”

ฮ่องเต้ชิงหยู่วางมือไว้ด้านหลัง และทำสมาธิสักครู่ก่อนจะติดตามหวางฮองไทเฮาไปพูดคุย แต่กลับเป็นอันหลิงหยุนที่รีบร้อน หากไม่ได้เรียกตัวนาง นางก็ไม่สามารถเปิดปากเพื่อส่งยาได้

หลังจากออกมาจากพระตำหนักเฉาเฟิ่ง อันหลิงหยุนก็เดินไปรอไป กงชิงวี่ที่เดินอยู่ข้างๆ นาง หันมามองนางอย่างสังเกต จากนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดแน่น “จากนี้ไปไม่อนุญาตให้เจ้าแต่งหน้ายามเข้าวัง มองแล้วดูไร้รสนิยม”

อันหลิงหยุนกำลังคิดเรื่องต่างๆ อยู่ กลับถูกขัดจังหวะโดยเขา นางลูบหน้าของตน “วันนี้หม่อมฉันออกมาโดยไม่ได้แต่งหน้าอะไร เมื่อเช้าพอล้างหน้าเสร็จเดิมตั้งใจคัดลอกหนังสือจากนั้นไปพักผ่อน แม้กระทั่งอาหารเช้ายังไม่ได้ทาน จะมีเวลาที่ไหนไปแต่งหน้ากัน?”

“ไม่มีหรือ?” กงชิงวี่กลับรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย หรือเขามองผิดไป

เขายกมือขึ้นไปสัมผัสใบหน้าของอันหลิงหยุน ไม่มีจริงๆ

“ไม่มีใช่ไหม?” อันหลิงหยุนอารมณ์ไม่ดี ทำไมฮ่องเต้ยังไม่มาอีก?

อันหลิงหยุนหันไปมองยังในวัง และมองเห็นเป็นสวีกงกงที่กำลังเดินเข้ามา

“ข้าน้อยคำนับท่านอ๋องเสียนและพระชายาเสียน” สวีกงกงรีบทำความเคารพ อันหลิงหยุนค่อยโล่งใจ

“กงกง มีเรื่องอะไร?” กงชิงวี่ยืนเอามือไขว้หลัง

สวีกงกงรีบเอ่ย “ผ่านบาทเพิ่งกลับไปยังพระตำหนักจรุงจิต และคิดได้ว่ายังมีอีกเรื่องที่ไม่ได้ตรัสกับท่าน จึงรับสั่งให้ข้าน้อยมาเชิญท่านอ๋องกลับไป”

“กงกงโปรดนำทาง”

จากนั้นกงชิงวี่ก็เดินไป พร้อมกับอันหลิงหยุนที่ติดตามเขาไปด้านหลัง

เมื่อไปถึงพระตำหนักจรุงจิต ทั้งคู่ก็รออยู่ชั่วครู่

อันหลิงหยุนคิดไปถึงเรื่องที่เกือบจะตายในพระตำหนักจรุงจิตวันนั้น ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ใบหน้าเย็นชาของกงชิงวี่

วันนั้นที่เขาไม่พอใจก็เป็นเพราะใบหน้าที่บอบบางของจุนฉู่ฉู่ผู้นั้นใช่หรือไม่?

แต่ทำไมถึงได้ทำตัวสงบศึกกับนางเล่า?

โดยเฉพาะไม่กี่วันมานี้ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ลงมือตั้งใจทำอะไรเลย

ถึงแม้จะไม่ได้ดั่งใจบ้าง ก็แค่ดุครั้งสองครั้งเท่านั้น แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ตั้งใจทำอะไรกับนาง?

สวีกงกงเชิญกงชิงวี่เข้าไปข้างใน ในขณะที่อันหลิงหยุนรออยู่นอกพระตำหนักจรุงจิต

“อย่าเดินไปมาซี้ซั้ว” กงชิงวี่ทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินไป อันหลิงหยุนมองด้านหลังของเขาอย่างอ่อนใจ นางพูดอะไรได้หรือไง?

แน่นอนว่าเมื่อกงชิงวี่ก้าวเข้าไปในตำหนัก สวีกงกงก็เดินออกมา และเชิญอันหลิงหยุนไปที่วิหารบรรทมรอง

ตลอดทางที่เดินไป อันหลิงหยุนไม่กังวลว่าใครจะพบเห็น นางรู้ดีว่าฮ่องเต้ชิงหยู่ได้จัดเตรียมไว้แล้ว

แต่จู่ๆ อย่างไม่มีเหตุผล การที่นางทำเรื่องลับหลังกงชิงวี่เช่นนี้ ยังคงรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง

“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท”

อันหลิงหยุนเข้าไปในวิหารบรรทมรองและทำการเคารพฮ่องเต้ชิงหยู่ ฮ่องเต้ชิงหยู่อยู่ตรงหน้านาง ก่อนจะเรียกนางลุกขึ้น

“ข้ารู้สึกว่าไม่กี่วันมานี้สุขภาพดีขึ้นกว่าเก่ามาก เห็นทียาคงได้ผลแล้ว”

ฮ่องเต้ชิงหยู่เอ่ยสั้นๆ แต่อันหลิงหยุนก็ไม่กล้ารีรอ นางเอ่ยทันที “ฝ่าบาท หม่อมฉันต้องตรวจชีพจรของพระองค์ก่อน”

“อืม”

ฮ่องเต้ชิงหยู่ยื่นมือออกมา อันหลิงหยุนกดลงข้อมือของฮ่องเต้ชิงหยู่อย่างระมัดระวังเพื่อวินิจฉัยชีพจร นางตรวจสอบระบบต่างๆ ก่อนจะปล่อยมือและเอ่ย “ฝ่าบาท ดีขึ้นมากแล้ว หากยังคงปรับตัวตามยาที่ให้ไว้ต่อไป หลังจากนี้ครึ่งเดือนก็จะสามารถฟื้นตัว”

“ครึ่งเดือน?” ฮ่องเต้ชิงหยู่นิ่งไปเล็กน้อย “เร็วขนาดนั้นเชียว?”

“เพคะ”

ฮ้องแต้ชิงหยู่ราวกับว่าตั้งตัวไม่ทัน

อันหลิงหยุนจริงๆ ไม่เข้าใจพวกผู้ชายของราชวงศ์นี้เลยจริงๆ ป่วยแต่ก็ไม่ต้องการที่จะหายดี

“เช่นนั้นก็ครึ่งเดือน” ฮ่องเต้ชิงหยู่มองไปที่อันหลิงหยุนอย่างสนใจและเอ่ยถาม “ช่วงนี้ดีหรือไม่? อ๋องเสียนยังปฏิบัติกับเจ้าเช่นเคยหรือไม่?”

“ยังดี อ๋องเสียนทรงเมตตาปล่อยหม่อมฉันบ้างแล้ว” อันหลิงหยุนตอบอย่างหดหู่

“งั้นหรือ?” ฮ่องเต้ชิงหยู่จู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา อันหลิงหยุนท่าทางจนใจ นี่มีอะไรให้ตลกกัน

“ฝ่าบาท นี่คือยาที่เหลือ อย่าได้หยุดใช้ และอย่าได้ใช้มากเกินไป อีกครึ่งเดือนนี้จะต้องทำใจให้สงบ ทานอาหารรสอ่อน” อันหลิงหยุนส่งยาให้ฮ่องเต้ชิงหยู่ เขาหยิบมาดูและเก็บเอาไว้

“ไปเถอะ”

“หม่อมฉันทูลลา”

อันหลิงหยุนถอนหายใจด้วยความโล่งอก และถอยออกมายังด้านนอกพระตำหนักจรุงจิตเพื่อรอ จนกระทั่งกงชิงวี่ออกมาจากข้างใน

เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีนัก อันหลิงหยุนก็พยายามที่จะไม่ไปทำอะไรยั่วยุเขา เมื่อกงชิงวี่เดินไปนางก็เดินตามไปด้วย จนกระทั่งออกจากวัง อันหลิงหยุนค่อยดีใจขึ้นมาได้

เมื่อเข้าไปในรถม้า อันหลิงหยุนเหลือบมองไปที่กงชิงวี่ ในรถม้ามีแสงไม่ว่างมากนัก เป็นเพียงแค่แสงจากตะเกียงน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ในความมืด ใบหน้าของกงชิงวี่กลับยิ่งดูหล่อเหล่ากว่าเดิม เขาสวมชุดลายมังกรสีดำ และผ้าซาตินบนตัวดูนุ่มนวล ภายใต้แสงไฟที่สาดส่องส่งผลให้เขายิ่งดูสง่างาม

เขาเอนกายพิงรถม้าอย่างเกียจคร้าน ดวงตาหรี่ลงเหลือเพียงครึ่ง แต่กลับหล่อเหลาจนทำเอาผู้คนหายใจไม่ออก

อันหลิงหยุนตกอยู่ภายใต้ความประหลาดใจ การที่เจ้าของร่างเดิมตกอยู่ภายใต้กำมือของกงชิงวี่นั้นไม่ใช่เรื่องที่ไม่ยุติธรรมอะไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน