ยอดหมอยาของอ๋องเสียน นิยาย บท 682

บทที่ 682 คนคนเดียวกัน

แม่ทัพอันกลับไม่อยากพูดอะไรมาก ลูกสาวคนนี้ของเขาไม่ใช่คนที่จะเชื่ออะไรง่ายๆ เพียงเพราะมีคนพูดจาหวานหูให้นางฟัง

ภายนอกอาจแสดงท่าทีเห็นด้วย แต่ใครจะรู้ว่าในใจนางคิดอะไรอยู่?

แม่ทัพอันกล่าวว่า: "ไม่ว่าลูกจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ฮ่องเต้อยู่ในใจของพ่อนั้น พระองค์นับได้ว่าเป็นฮ่องเต้ที่ดีแล้ว"

“ลูกก็ไม่ได้บอกว่าไม่ดีนี่เจ้าคะ” อันหลิงหยุนยังคงทำหน้ามุ่ย

แม่ทัพอันส่งเสียงอืมในลำคอขึ้นมาเสียงหนึ่ง แสดงความหมายว่าเขาเห็นด้วย

จากนั้นแม่ทัพอันก็พูดขึ้นมาอีกว่า: "ถ้าลูกอยากรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของผู้คนในประเทศต้าเหลียงลูกไปถามอ๋องตวนดูก็ได้ เขาเป็นคนที่จะรู้ดีกว่าใคร ๆ เลยล่ะ"

อันหลิงหยุนสงสัย: "ทำไมล่ะเจ้าคะ? เขาเป็นท่านอ๋อง ทำไมถึงได้รู้กระจ่างในเรื่องการดำรงชีวิตของผู้คนขนาดนั้นได้ แล้วทำไมอ๋องเสียนถึงไม่รู้กระจ่างนัก?"

อันหลิงหยุนไม่เข้าใจ เมื่อวานนี้ลองถามเขาดูแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยเข้าใจวิถีชีวิตของประชาชนมากนัก

แม่ทัพอันดูมีท่าทีอึกอักลังเล: "ลูกเขยไม่เหมือนกัน เขารู้แค่วิธีการใช้ทหาร รู้การออกทัพจับศึกแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ลูกเคยได้ยินเรื่องที่ อ๋องตวนเข้าร่วมแนวหน้าไปออกรบเสียเมื่อไหร่ล่ะ?"

"……พ่อ……"

ทันใดนั้น อันหลิงหยุนก็เข้าใจขึ้นมาในที่สุด ว่าคนหนึ่งคืออ๋องจวิ้นที่ถูกเลือกให้รับช่วงบัลลังก์ ส่วนอีกคนหนึ่งคือ อาวุธดาบอันคมกริบที่ถูกกำไว้ในมือ เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วว่า ต้องการจะใช้คนให้ทำงานที่ไหน ก็ต้องส่งไปอบรมบ่มเพาะที่นั่น

เหมือนกับว่ากงชิงวี่ในใจของประชาชนนั้น เป็นนักฆ่าที่ผู้คนต่างต้องหวาดหวั่น ในขณะที่อ๋องตวนคอยเปิดโกดังแจกจ่ายเมล็ดพืชพรรณธัญญาหาร เมื่อเอามาเปรียบเทียบกัน จึงเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นแล้ว

"ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ"

อันหลิงหยุนลุกขึ้น ออกจากห้องเตรียมตัวจะออกไปข้างนอก

ทันทีที่มาถึงหน้าประตู ก็ถูกฮั่วฉิงเรียกเอาไว้ อันหลิงหยุนในชุดเสื้อแขนกว้างสีม่วงอ่อน ก็หันไปมองฮั่วฉิง

วันนี้ฮั่วฉิงสวมเสื้อผ้าผู้ชายไว้เรียบร้อยแล้ว ผมหางม้ารวบสูงม้วนเป็นมวย มีที่คาดผมบนศีรษะปักด้วยปิ่นสีทองด้ามหนึ่ง

เครื่องแบบสีน้ำเงินกรมท่า แบบที่แม่ทัพสวมใส่เป็นประจำ มีผ้าคลุมห่มทับบนไหล่

เมื่ออันหลิงหยุนได้เห็นฮั่วฉิง พลันบังเกิดความรู้สึกเหมือนว่า ต้องมาเห็นคนที่มีความสามารถและความทะเยอทะยานเช่นนี้ มีอันต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ล้มเหลว ทั้งที่กล้าได้กล้าเสียมาจนถึงขนาดนี้ เป็นเพราะแค่เรื่องโกหกเรื่องหนึ่งตั้งแต่แรก

ฮั่วฉิงเดินไปที่ด้านหน้าของอันหลิงหยุน: "เจ้าจะออกไปข้างนอก?"

อันหลิงหยุนพบว่า ฮั่วฉิงไม่เหลือความเกรงอกเกรงใจใดๆกับนางอีก กระทั่งการเรียกขานชื่อก็ยังเปลี่ยนไปแล้ว

ลางสังหรณ์บางอย่างที่เป็นลางไม่ดี เกิดขึ้นมาโดยพลัน

อันหลิงหยุนพูดอย่างสงบนิ่งเฉยเมย : "แม่ทัพน้อยมีธุระอะไรหรือ?"

“วันนี้เจ้ามีธุระจะออกไปข้างนอกหรือ?” ฮั่วฉิงไม่ตอบคำถาม อันหลิงหยุนยกยิ้ม

"ไม่มีอะไรหรอก"

"นิสัยของเจ้านี่ไม่ดีเอาเสียเลยนะ อันเสี่ยวฮวนก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน พูดจาไม่เข้าหูหน่อยก็เอาแต่หนีท่าเดียว แต่เจ้ายังแตกต่างจากอันเสี่ยวอยู่บ้าง ตรงที่อันเสี่ยวฮวนหนีไปแล้วข้าตามไม่ทัน แต่เจ้าหนีไป แค่ปล่อยให้อ๋องเสียนออกตามหา ก็ตามกลับมาได้ง่ายๆแล้ว"

ฮั่วฉิงเดินเข้ามาใกล้ แสงในดวงตาของนางดูน่าประหวั่นพรั่นพรึง

อันหลิงหยุนรู้สึกอยากหัวเราะให้ฟันหัก: "คนหน้าซื่อใจคดก็เป็นอย่างนี้นี่แหล่ะ เอะอะอะไรก็

รีบหนีไว้ก่อน แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังดูถูกตัวเองเลย”

ฮั่วฉิงหน้ายิ้มตาไม่ยิ้ม: "ข้ากลับคิดว่าเจ้าเป็นอย่างนี้ออกจะดีไม่น้อย แต่หากเจ้าคิดจะหนีล่ะก็ ทางที่ดีก็หนีไปให้ได้เหมือนอันเสี่ยวฮวนจะดีกว่านะ ไปแล้วก็ไปจงไปลับอย่าได้กลับมาอีก จะได้หลีกเลี่ยงปัญหาอะไรก็ตาม ที่มันอาจจะเกิดตามมาในภายหลัง"

"แม่ทัพน้อย ทำไมเจ้าถึงได้หยาบคาย ไร้มารยาทกับพระชายาขนาดนี้?" อาหยู่ทนดูต่อไปไม่ไหว จึงต้องเอ่ยเตือนสติขึ้นมา

ใบหน้าของฮั่วฉิงหนักอึ้งจมดิ่ง หันขวับไปมองอาหยู่ : "ที่นี่ไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับเจ้า ไม่ต้องสอดปากพูดให้มากนัก วันนี้ข้าจะไปกับพระชายาของพวกเจ้าเอง เจ้าถอยไปซะเถอะ"

"ไม่ต้องหรอก การปกป้องพระชายาเป็นงานของข้า ไม่จำเป็นต้องรบกวนแม่ทัพน้อยให้เปลืองแรง " อาหยู่ก็ไม่ยอมให้เช่นกัน

อันหลิงหยุนโดนเสียงทะเลาะกันของทั้งสองคน ทำเอาปวดหัวไปหมด หันมองท้องฟ้า ถ้ายังมัวชักช้าอยู่อย่างนี้เวลาคงเสียไปเปล่าๆ โดยไม่ได้งานการอะไรแน่ๆ

"ช่างเถอะ อาหยู่ เจ้าอยู่ที่จวนเถอะ หากท่านอ๋องกลับมาบอกท่านอ๋องด้วยว่า ข้ากับแม่ทัพน้อยออกไปจวนอ๋องตวนกัน"

อันหลิงหยุนหันหลังเดินออกไปก่อนแล้ว อาหยู่ไม่กล้ารอช้า จึงรีบไปหากงชิงวี่ทันที

ในเวลานี้กงชิงวี่ยังไม่ได้ออกจากวัง กำลังพูดถึงเรื่องการเผชิญหน้ากับองค์ชายสามซูมู่หรง แห่งเมืองหนานอี้อยู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ยอดหมอยาของอ๋องเสียน