บทที่ 107 ขอยืมไหล่นายมาพิงหน่อยนะ
“พ่อ แม่.......”
นรมนเรียกออกไปเสียงเบา กลับถูกบุริศร์จับมือทั้งสองอย่างแน่นอีกครั้ง เขาพูดเสียงเบา “คิดดีแล้วนะ หากตอนนี้เธอเปิดเผยฐานะของเธอกับพวกท่าน บางที่อาจจะยับยั้งการไปต่างประเทศของพวกท่านได้ และอาจจะทำให้คนที่คิดหลอกใช้พ่อแม่ของเธอไม่สามารถทำสำเร็จได้ หาเธอต้องการแบบนั้น ฉันก็จะเป็นพยานให้เธอเดี๋ยวนี้เลย เธอคือลูกสาวของพวกเขา”
สายตารอคอยของบุริศร์
บนโลกนี้ไม่มีใครที่รอคอยให้นรมนเผยฐานะตัวเองมากเท่าเขาแล้ว เพราะว่าเพียงเธอบอกไป เธอก็จะกลายเป็นคุณหญิงของตระกูลโตเล็ก เป็นภรรยาที่เขาขอแต่งงาน!
รับรู้ได้ถึงสายตาที่รอคอยอย่างร้อนแรงของบุริศร์ มีอยู่ช่วงหนึ่งที่นรมนอยากที่จะเผยตัวเองจริงๆ ไม่ว่าจะเพราะบุริศร์หรือสายตาที่มองเห็นพ่อแม่ที่ดูแก่เฒ่าแบบนั้น ตอนนี้เธอก็ร้องออกมาอย่างไม่มีเสียงแล้ว
ห้าปีที่ไม่เจอกัน ผมของพ่อแม่ต่างขาวหมดแล้ว แถมใบหน้าของแม่ก็มีริ้วรอยเต็มไปหมด ไม่เหลือความสง่างามเมื่อตอนนั้นไปแล้ว
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าห้าปีที่ผ่านมาพวกเขาอยู่กันเป็นยังไงบ้าง แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ดี
บุริศร์พูดไม่ผิด เพียงแค่เธอบอกฐานะของตัวเอง พ่อแม่ของเธอก็จะไม่ถูกคนอื่นหลอกใช้อีก แต่ตอนนี้เธอไม่สามารถพูดออกไปได้
หัวใจของนรมนเหมือนถูกฉีดขาดอย่างรุนแรง ปวดจนยากที่จะรับได้และเหมือนจะยืนไม่ไหวทำได้เพียงพิงไปที่บุริศร์ถึงจะทำให้รู้สึกสงบลงได้
“ของยืมไหล่นายมาพิงหน่อยนะ”
นี้เป็นครั้งแรกที่นรมนแสดงออกค่อนข้างจะเป็นมิตรกับเขาหลังจากกลับมาจากต่างประเทศมา
บุริศร์โอบไหล่อเธออย่างปวดใจ สายตาเผยความผิดหวัง
เขาเข้าใจนรมนดี เหมือนกับที่เข้าใจตัวเองแบบนั้นจากดวงตาของนรมนเขาก็มองเห็นคำตอบที่ตัวเองต้องการ
นรมนคงยังไม่อยากเผยฐานะของตัวเอง!
ในส่วนนี้ที่ทำให้บุริศร์สงสัย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
นรมนพูดเสียงเบา“ฉันต้องการกลับไปที่รถหยิบอะไรบางอย่าง นายช่วยฉันถ่วงเวลาพวกท่านก่อน”
“ต้องการให้ฉันไปช่วยไหม?”
บุริศร์ไม่ค่อยวางใจให้นรมนกลับไปที่รถคนเดียว มองดูสีหน้าของเธอในตอนนี้ เหมือนกับว่าสามารถที่จะเป็นลมได้ตลอดเวลาแบบนั้น
นรมนส่ายหน้าไปมาและพูด “ไม่จำเป็น ฉันไปเองได้”
พูดจบ เธอก็ปล่อยมือบุริศร์ รีบหันหลังกลับ กลัวว่าน้ำตาของตัวเองจะถูกพ่อแม่เห็นเข้าและสงสัย
บุริศร์มองดูแผ่นหลังที่วิ่งออกไปของเธอ สายตาก็ดูเป็นทุกข์
เขาไม่รู้ว่านรมนต้องการทำอะไร แต่ว่าในเมื่อเธออยากที่จะทำแบบนี้ ก็ปล่อยเธอไปดูแลเธอไปก็พอแล้ว
เห็นนรมนเดินไปทางที่รถจอด บุริศร์ก็ไม่รอช้ารีบเดินไปทางพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธน
“พ่อ แม่ นี่จะไปไหนกัน?”
ตั้งแต่ห้าปีก่อนบุริศร์ก็ดูแลพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนเหมือนดั่งเป็นพ่อแม่ของตัวเอง
แรกเริ่ม พ่อนรมนแค่เห็นบุริศร์ก็โมโหแล้ว ไม่ได้สนว่าเขาจะเป็นคนใหญ่คนโตของเมืองชลธี เพียงพบบุริศร์ก็ตีเขาแล้วไม่สนว่าเป็นอะไรเห็นก็โยนใส่บุริศร์
แต่ว่าบุริศร์กลับไม่แม้แต่จะหลบหรือโต้กลับ ปล่อยให้พ่อนรมนปลดปล่อยความโกรธ จนถึงตอนที่พ่อนรมนหัวใจไม่ค่อยดี ตอนกลางดึกเข้ามาที่โรงพยาบาล เขาคนเดียวคอยดูแลพ่อนรมนอยู่ข้างเตียงเกือบสัปดาห์ เหมือนกลับลูกแท้ๆทั่วไป ไม่สนกระทั่งงานต่างๆในตระกูล
ต่อมาแม่นรมนก็ดูออกแล้ว ลูกสาวก็จากไปแล้วและก็ไม่สามารถมอบหลานชายสาวให้แก่ตระกูลโตเล็กกับตระกูลธนาศักดิ์ธนได้ ก็เหลือเพียงแค่ลูกเขยที่ลูกสาวพยามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้แต่งกับผู้ชายคนนี้ อึดอัดใจต่อไปจะมีความหมายอะไร?
แม่นรมนถอนหายใจ เริ่มที่จะมองบุริศร์เป็นลูกเขย ท่าทีของพ่อนรมนก็ค่อยๆเปลี่ยนไป
ห้าปีมานี้ คนแก่สองคนก็มองบุริศร์เป็นลูกชายของตัวเอง
มองเห็นบุริศร์เดินมาอย่างรีบร้อน แม่นรมนจับมือของเขาและพูดอย่างตื่นเต้น “บุริศร์ พวกเรามีข่าวของนรมน พวกเขาบอกว่านรมนยังมีชีวิตอยู่!”
“พวกเขา? พวกเขาไหน?”
บุริศร์มีความรู้สึกไวต่อคำพูดพวกนั้น
ถึงแม้ว่าพ่อนรมนจะดูนิ่งกว่าแม่นรมน แต่ว่าสายตาก็ดูตื่นเต้นเหมือนกัน
“บุริศร์อ่า พวกเขาคือใครพ่อก็ไม่รู้ แต่ว่าพ่อกับแม่นายได้รับรูปภาพมารูปหนึ่ง ในภาพเป็นนรมนนะ ห้าปีแล้ว พวกเราเข้าใจว่าจะไม่ได้เจอเด็กคนนี้อีกแล้ว คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้ยังมีชีวิตอยู่แถมยังมีชีวิตที่ดีแต่ว่าอีกฝ่ายบอกว่านรมนเมื่อห้าปีก่อน ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนั้น สมองได้รับการกระทบกระเทือน ตอนนี้สูญเสียความจำไปแล้ว พ่อกับแม่คิดว่าจะลองไปดู ไม่แน่อาจจะทำให้เด็กคนนั้นจำอะไรขึ้นมาได้ก็เป็นไปได้ พวกเราก็แก่แล้ว มีลูกสาวแค่คนเดียว ตอนนั้นเพื่อรักษาหน้าตากับตระกูลไว้ ขับไล่ลูกสาวออกไป หากรู้ว่าชีวิตของเธอจะสั้นแบบนี้ ปีนั้นถึงแม้จะโดนคนทั้งเมืองชลธีนินทาต่อว่า ฉันก็จะไม่ยอมให้ลูกสาวคนนี้จากไป!”
พ่อนรมนพูดไปพูดมาขอบตาก็เริ่มแดง
ไม่รู้ว่านรมนกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนที่ได้ยินแม่นรมนกับพ่อนรมนพูดแบบนั้น น้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง แต่ว่าไม่นานเธอก็เช็ดจนแห้ง ในใจก็รู้สึกแปลกใจ ใครที่จะส่งจดหมายมาให้พ่อแม่กัน? บอกความจริงพวกเขาว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่?
อีกอย่างรูปภาพของเธอจะเป็นยังไงกัน?
เป็นเธอแบบในตอนนี้ไหม?
ทันใดนั้นนรมนรู้สึกรอคอยอยู่บ้าง
ถึงแม้ว่าเธอจะบอกตัวเองตลอดว่าอย่าบอกฐานะของตัวเอง ตอนนี้ยังไม่ได้ แต่ว่าตอนที่เธอได้ยินพ่อแม่บอกว่ามีรูปของเธอ เธอก็รู้สึกตื่นเต้น
เพียงแค่ต้องการให้พ่อแม่จำเธอได้ ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องเผยตัวกับพ่อแม่ให้จำเธอได้อยู่ดี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...