อ่านสรุป บทที่ 134 เราไม่ได้ทำอะไรจริงๆ จาก แค้นรักสามีตัวร้าย โดย เมียวเมียว
บทที่ บทที่ 134 เราไม่ได้ทำอะไรจริงๆ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนซ์ แค้นรักสามีตัวร้าย ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เมียวเมียว อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บทที่ 134 เราไม่ได้ทำอะไรจริงๆ
บุริศร์มองกานต์ กานต์จงใจเบนหน้าหนีไม่มองเขา
ใช่!
เขาจงใจ!
ใครใช้ให้บุริศร์งี่เง่าแบบนั้นกันล่ะ?
ถึงแม้จะรู้สึกว่าบุริศร์เก่งว่าพ่อบุญธรรมเขานิดหน่อย ตอนนี้เขาก็ไม่ยอมรับ
กานต์คิดกลเม็ดในใจ บุริศร์กลับไม่รู้ แต่มองลูกชายแท้ๆ ของตัวเองอย่างกลัดกลุ้มนิดหน่อย รู้สึกลึกๆ ว่าการที่ให้ลูกชายยอมรับตัวเองจากใจจริง เขายังมีหนทางอีกยาวไกล
ไม่รู้จริงๆ ว่านรมนตื่นขึ้นตั้งแต่ตอนไหน มองพ่อลูกสองคนนี้ทะเลาะกัน รู้สึกขำนิดหน่อยอย่างอดไม่ได้
เธอไม่รู้มาก่อนว่าบุริศร์มีด้านที่นิสัยเหมือนเด็กแบบนี้ ไม่คิดว่าจะทะเลาะกับเด็กอายุสี่ห้าขวบอย่างเอาเป็นเอาตายแบบนี้ และมันเปิดหูเปิดตาเธอจริงๆ
ตอนที่เห็นบุริศร์โกรธอย่างมาก ในที่สุดนรมนก็อดไม่ได้ที่จะขำพรืดออกมา
“หม่ามี้ ตื่นแล้วเหรอฮะ?”
กานต์ได้ยินเสียงหัวเราะก็รีบหันหน้ามา มองนรมนด้วยความห่วงใย
“อืม ตื่นแล้ว”
นรมนพบว่าเพื่อดูแลตน ไม่คิดว่ากานต์จะเอามือเล็กมาจับฝ่ามือตนอยู่ตลอดเวลาจริงๆ
“แขนชาหรือเปล่า? เจ้าเด็กคนนี้ ทำไมไม่ชักมือกลับไปล่ะ? ไหนให้หม่ามี้ดูเร็วๆ สิ”
นรมนรีบลุกขึ้น และคลายมือบุริศร์ไป
ที่มาของความอบอุ่นจากไปอย่างกะทันหัน ในใจบุริศร์ผิดหวัง โดยเฉพาะเมื่อเห็นนรมนตื่นแล้วไม่มองเขาเลยสักครั้ง แถมยังสนใจแต่กานต์ ทันใดนั้นหัวใจบุริศร์ก็ไม่สมดุลทันที
เขาเป็นคนป่วยนะโอเคไหม?
“แค่กๆ!”
บุริศร์แกล้งไอหนึ่งที หวังว่าจะดึงดูดความสนใจและความรักของนรมน น่าเสียดายที่กานต์เห็นความหมายของเขามาตั้งนานแล้ว จึงรีบพูดออดอ้อน “หม่ามี้ แขนผมขยับไม่ได้แล้ว”
“เด็กดี ไม่เป็นไรน้า หม่ามี้จะหนวดให้หนู”
นรมนได้ยินเสียงไอบุริศร์แล้ว ตอนแรกจะหันไปดู แต่ได้ยินกานต์พูดแบบนี้ก็รีบนวดแขนให้กานต์อย่างเต็มที่
สำหรับเธอ กานต์ยังเป็นเด็ก และเพิ่งจะประสบเรื่องน่ากลัวขนาดนั้นมา เพื่อดูแลตนเลยทำให้แขนตัวเองชาเลย เธอในฐานะแม่จะให้ดูเฉยๆ ได้อย่างไร และบุริศร์ก็เป็นผู้ใหญ่ แถมยังมีคุณหมออยู่ด้วย คงไม่มีปัญหาอะไร
นรมนคิดแบบนี้ แน่นอนว่าทิ้งบุริศร์ไว้ข้างหลังก่อน
“แบบนี้โอเคขึ้นไหม?”
นรมนถามกานต์ด้วยเสียงอ่อนโยน
กานต์รีบพยักหน้าพูดขึ้น “ดีขึ้นเยอะเลยฮะ แต่ยังชาอยู่ หม่ามี้นวดอีกสักพักนะ”
“โอเค”
นรมนยิ้มให้กานต์อย่างผ่อนคลาย จากนั้นก็พูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ต่อไปอย่าบื้อแบบนี้แล้วนะ ถ้าหม่ามี้หลับไปแล้ว หนูต้องชักมือออกมา ไม่เป็นไร หม่ามี้ไม่ตื่นหรอก”
ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าลูกชายตั้งใจทำแบบนี้?
ว่ากันว่าผู้หญิงคือแจ็กเกตผ้าฝ้ายตัวจิ๋วของหม่ามี้ สำหรับนรมน กานต์คือเสื้อโค้ตขนมิงค์ของเธอ มันอุ่นกว่าแจ็กเกตผ้าฝ้ายตัวจิ๋ว
“โอเคฮะ!”
กานต์ยิ้มอย่างมีความสุข และแลบลิ้นใส่บุริศร์อย่างภาคภูมิใจ เห็นได้ชัดว่าอวด
บุริศร์รู้สึกว่าตัวเองแทงใจจริงๆ
ไม่คิดว่าเขาจะถูกลูกชายตัวเองดูหมิ่น
ไม่เพียงแค่นั้น ภรรยาของเขาดูเหมือนจะไม่สังเกตเห็นสักนิดว่าเขาเป็นคนป่วยน่ะ
“โอ๊ย เจ็บ!”
ทันใดนั้นบุริศร์ก็ขมวดคิ้ว กุมหน้าอกตัวเองแล้วทำเสียงฮึดฮัด แสดงว่าเจ็บปวดมาก
นรมนรีบหันตัวไป เมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวของบุริศร์ บนศีรษะมีเหงื่อผุด ก็ตื่นตระหนกทันที
“เป็นอะไร? แผลเปิดอีกเหรอ? ฉันจะไปตามหมอ คุณอย่าขยับนะ!”
นรมนเครียดไม่ไหวแล้ว หันตัววิ่งออกไปข้างนอก
ความรวดเร็วของเธอทำให้บุริศร์ทึ่งมาก
กานต์มองบุริศร์อย่างดูถูกนิดหน่อยแล้วพูดขึ้น “คุณเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้วยังสู้กับผมอีก ถึงขั้นใช้วิธีเงอะงะแบบนี้ คุณอายไหม?”
บุริศร์พูดขึ้นอย่างไม่สนใจ “วิธีการจะเงอะงะหรือเปล่า แค่ใช้ให้ดีก็พอ เป็นไง? หม่ามี้ของลูกก็ห่วงใยพ่อที่สุดใช่ไหม?”
“ชิ! หน่อมแน้ม!”
กานต์รู้สึกว่าตำแหน่งของบุริศร์เมื่อครู่นี้ควรเปลี่ยนสักหน่อย
ผู้ชายคนนี้น่าทึ่ง แต่ก็เป็นเจ้าตัวแสบ!
ไม่คิดว่าจะใช้กลเม็ดกับเด็กน้อยอย่างเขาจริงๆ มันช่างไร้ยางอายเกินไปแล้ว!
แต่บุริศร์ไม่รู้สึกละอายใจ กลับภูมิใจกับมัน อาจจะเพราะมีความสุขมากเกินไปจนรู้สึกเศร้า หน้าอกเขาเจ็บจริงๆ กัดปากแน่นทันที
“สมควร!”
กานต์พูดขึ้นโดยไม่เห็นอกเห็นใจสักนิด จากนั้นก็กระโดดลงจากเตียงอย่างเย็นชา พูดกับบอดี้การ์ดด้านนอกว่า “ผมอยากออกไปเดินเล่น พวกคุณไปเดินกับผมหน่อย”
เขาถูกลักพาตัวไป ตอนนี้ไม่กล้าไปไหนมาไหนคนเดียว แต่ให้อยู่ที่นี่เห็นบุริศร์ออดอ้อนหม่ามี้ กานต์รู้สึกว่าจิตใจตัวเองยังไม่แข็งแกร่งขนาดนั้น
แค่ออกไปเดินเล่นสักหน่อย เพื่อไม่ให้รังเกียจชายชราบุริศร์คนนี้
บุริศร์รู้สึกว่านี่ไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ ของเขาแน่ ไม่อย่างนั้นจะโหดร้ายแบบนี้ได้อย่างไร?
“กานต์ เจ้าเด็กแสบ ลูกไม่สนจริงๆ เหรอว่าพ่อจะเป็นตายร้ายดียังไง?”
บุริศร์ตะโกนอย่างไม่เต็มใจ
กานต์พูดขึ้นโดยไม่หันหน้ากลับมา “ไม่ต้องเป็นห่วงฮะ คุณตายไม่ได้หรอก ว่ากันว่าคนเลวมีอายุยืนนาน”
“เจ้าเด็กแสบ โอ๊ย……”
คราวนี้บุริศร์เจ็บแผลขึ้นมาจริงๆ
เธอเครียดทันที ถึงขั้นอยากหันตัวแล้ววิ่งออกไปข้างนอก
บุริศร์รีบเรียกเธอไว้
“กานต์ออกไปเดินเล่น มีบอดี้การ์ดอยู่กับเขาทุกย่างก้าว คุณไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพฤกษ์จะเอาอาหารมาส่ง เขาจะกลับมา”
ได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ นรมนก็สงบลง
“ฉันตกใจแทบตาย”
“ไม่ต้องกังวล อยู่ในสายตาฉัน ฉันจะไม่ให้เขาได้รับบาดเจ็บอะไรอีก”
บุริศร์รู้ว่าการหายตัวไปของกานต์ครั้งนี้มันทำร้ายนรมนมากแค่ไหน เขาพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน ทันใดนั้นคุณหมอก็รู้สึกว่าตัวเองอยู่ที่นี่แล้วขวางหูขวางตาเกินไป
“ประธานบุริศร์ พันแผลเสร็จแล้ว ระวังอย่างออกกำลังกายหนักเกินไป เราไปก่อนนะ มีอะไรก็เรียกพวกเรา!”
คุณหมอยิ้มกว้างแล้วถอยออกไป
ทันใดนั้นนรมนก็รู้สึกว่าคุณหมอและพยาบาลมองเธอด้วยสายตาค่อนข้างคลุมเครือ
เธอครุ่นคิดสักพักหนึ่ง จู่ๆ ก็นึกถึงคำพูดเมื่อครู่นี้ของคุณหมอ อย่าออกกำลังกายหนักเกินไป?
คุณหมอกับพยาบาลเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า?
ทันใดนั้นนรมนก็ตอบสนอง พูดขึ้นอย่างหน้าแดงนิดหน่อย “ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างที่พวกคุณคิด เราไม่ได้ทำอะไรนะ?”
ประโยคนี้เธอยังพูดไม่จบ พอพูดคุณหมอกับพยาบาลก็ยิ้มอย่าคลุมเครือมากขึ้น
“เข้าใจ พวกเราเข้าใจ”
ขณะที่พูดพวกเขาก็รีบออกไปจากห้องคนไข้
นรมนรู้สึกว่าตัวเองจะแก้ตัวอย่างไรก็แก้ไม่ขึ้น
“ไม่ใช่ เราไม่ได้ทำอะไรจริงๆ”
เธอตะโกนอย่างค่อนข้างหดหู่ แต่มันทำให้บุริศร์หัวเราะขึ้นมา
“ยังจะหัวเราะอีก เพราะคุณนั่นแหละ!”
นรมนจ้องเขาอย่างรำคาญ กัดปากล่างดูเขินอายเป็นพิเศษ
บุริศร์ไม่ได้เห็นท่าทางแบบนี้ของนรมนมานานมาก จู่ๆ เขาก็รู้สึกร่างกายเกร็ง เปลวไฟขนาดเล็กพุ่งขึ้นมา ลุกลามอย่างรวดเร็วไปทั้งตัว
“มานี่!”
เสียงบุริศร์แหบนิดๆ แววตาก็หม่นลงนิดหน่อย แววตาที่จู่ๆ ก็สว่างวาบก็ทำให้นรมนเข้าใจอะไรบางอย่างทันที
“ไม่เอา!”
นรมนปฏิเสธทันที ถึงขั้นถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้เธอเหมือนกระต่ายน้อยที่หวาดกลัว ถ้าบุริศร์ขยับตัวอีกนิดเดียวเธอก็จะหันตัววิ่งออกไปทันที
บุริศร์คลึงลำคอ พูดเสียงทุ้ม “มานี่ ฉันมีอะไรจะบอกคุณ เกี่ยวกับกานต์”
ได้ยินชื่อกานต์ นรมนก็อึ้งทันที เดินเข้าไปอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
แต่เธอยังเดินไม่ถึงตรงหน้า บุริศร์ก็ยื่นแขนยาวออกมาจับแขนเธอไว้ทันที แล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
650 ตอนยังไม่จบเลยค่ะ...
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...