บทที่ 135 ทรมานคนโสดสนุกไหม
“บุริศร์! คุณมันเจ้าเล่ห์!”
เมื่อนรมนตอบสนองกลับมันก็สายไปแล้ว
บุริศร์หัวเราะทุ้มต่ำในลำคอ วินาทีต่อมาก็จูบอย่างเอาแต่ใจ
นรมนกลัวว่าจะโดนแผลเขา พยายามหลีกเลี่ยงตำแหน่งหน้าอกเขาอย่างเต็มที่ มันทำให้บุริศร์ไร้ยางอายมากขึ้น สองมือใหญ่นั้นลูบไปรอบๆ อย่างคิดไม่ซื่อ มันทำให้นรมนดูแลตรงนี้ได้ แต่ดูแลตรงนั้นไม่ได้
เห็นว่าอะไรไม่คาดคิดจะเกิดขึ้นแล้ว นรมนก็รีบผลักเขาออก
ใบหน้าเธอเหมือนพระอาทิตย์ตกสีแดงก่ำ มันมีเสน่ห์เป็นพิเศษ เธอหอบหายใจอย่างหนักหน่วง ร่างกายค่อนข้างอ่อนปวกเปียก แค่จ้องมองบุริศร์อย่างซุกซน แต่ไม่คิดว่าดวงตาหยาดเยิ้มนั้นยิ่งร้อนระอุ
บุริศร์รู้สึกว่าทั้งร่างกายจะระเบิดแล้ว
เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “คุณไม่รู้เลยเหรอว่าห้าปีนี้ผมใช้ชีวิตยังไง กินเจมาห้าปี ขอกินขนมก่อนข้าวเย็นไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ได้!”
ถึงแม้นรมนจะพอใจกับสิ่งที่เขาพูด และรู้สึกว่าถ้าบุริศร์ไม่ได้สัมผัสผู้หญิงคนอื่นจริงๆ มาห้าปี เธอก็ค่อนข้างโหดร้ายไปหน่อย แต่นึกถึงบาดแผลของบุริศร์ เธอก็อดทนต่อความไม่เต็มใจของตัวเอง
“รอคุณหายดีก่อนค่อยว่ากัน”
ดวงตาบุริศร์เป็นประกายทันที
“คุณหมายความว่าถ้าแผลฉันหายแล้วก็ได้งั้นสิ?”
“ฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น”
เห็นท่าทางดีอกดีใจของบุริศร์ นรมนก็รู้สึกว่าตัวเองขุดหลุมฝังตัวเองแล้ว
ตอนที่พฤกษ์มาก็เจอเหตุการณ์นี้พอดี เขาก็รู้สึกอิจฉาอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่าตัวเองควรเดทกับผู้หญิงสักคนบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นโดนทรมานทั้งวันแบบนี้ เขาทนไม่ได้จริงๆ
“อะแฮ่ม ประธานบุริศร์ อาหารมาแล้ว สั่งที่ร้านอาหารFood garden”
พฤกษ์จงใจกระแอมไอสองที
นรมนเหมือนโดนคนจับได้กะทันหัน หน้าก็ยิ่งแดง ถึงขั้นร้อนผ่าวสุดๆ ไม่สามารถอยู่ในห้องได้สักพัก
“ฉันไปตามกานต์กลับมากินข้าวนะ”
พูดจบก็วิ่งออกไปราวกับหนี
บุริศร์ยิ้มอย่างภาคภูมิใจยิ่งขึ้น
พฤกษ์ลูบจมูก พูดขึ้นอย่างติดตลก “ประธานบุริศร์ ฉันมาผิดเวลาหรือเปล่า?”
“อืม คราวหน้าโทรมาก่อน ไม่งั้นไม่สะดวก”
บุริศร์พูดขึ้นอย่างไม่รู้สึกเขินอาย แต่กลับทำให้พฤกษ์หน้าแดงนิดหน่อย
“ประธานบุริศร์ ทรมานคนโสดสนุกไหม?”
“ก็โอเคนะ”
วันนี้บุริศร์อารมณ์ดีมาก ยังหลอกล้อกับพฤกษ์เป็นครั้งแรก รู้ว่านรมนยังไม่กลับมาสักครู่ เขาก็ถามเสียงทุ้ม “ทางด้านธรณีถามเป็นไงบ้าง?”
พฤกษ์วางกระติกน้ำร้อนบนโต๊ะ จากนั้นก็พูดเสียงทุ้ม “ธรณีส่งเขมิกาไปที่สถานีตำรวจเพื่อตรวจสอบ ตอนนี้หลักๆ เขามีหน้าที่สืบสวนการตายของนาวิน แต่ฉันได้ยินว่าตังเมได้ข่าวว่าเขมิกาเกิดอุบัติเหตุ เฝ้าตามหามาตลอด พอรู้ว่าเป็นคำสั่งของคุณ ก็รอที่บ้านเก่าตระกูลโตเล็ก ปัจจุบันข่าวที่คุณอยู่โรงพยาบาลทหารเป็นความลับ มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ แต่เวลามันผ่านไปนานแล้วฉันก็ไม่รู้”
เรื่องพวกนี้บุริศร์คาดการณ์ไว้หมดแล้ว แค่ไม่คิดว่าตังเมจะกล้ามาหาถึงที่จริงๆ มันทำให้บุริศร์รู้สึกรังเกียจนิดหน่อย
“นายหาวิธีทำให้ธุรกิจตระกูลศิริวัชรภัทรตกต่ำ ฉันอยากเห็นตังเมก้มหัว แล้วบอกฉันเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นทั้งหมดโดยทันที”
“ครับ”
พฤกษ์พยักหน้า พูดเสียงทุ้ม “มีอีกเรื่องหนึ่ง ฉันคิดว่าควรบอกคุณสักหน่อย”
“ว่ามา”
บุริศร์ให้พฤกษ์พยุงตัวเองขึ้นมา พิงขอบเตียงครึ่งตัว ท่าทางเหนื่อยนิดหน่อย
อย่างไรแล้วก็เป็นคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อหน้านรมนกับกานต์ก็แสร้งทำเป็นเข้มแข็ง กลัวว่าพวกเขาจะกังวล ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่แล้ว ก็สบายใจขึ้นนิดหน่อย
พฤกษ์รู้สึกว่าบุริศร์โหดร้ายกับตัวเองมากไปหน่อย และพยายามอย่างหนักเพื่อนรมนกับกานต์มากเกินไปเช่นกัน นี่มันไม่ค่อยเหมือนบุริศร์ที่เขารู้จักเลย
“ประธานบุริศร์ ร่างกายคุณสำคัญที่สุด คุณนายท่านโทรมาจากต่างประเทศ ฉันไม่กล้าบอกเธอว่าคุณได้รับบาดเจ็บ ฉันรู้ว่าคุณรักคุณนายและคุณชายน้อยกานต์มาก แต่ถ้าคุณนายท่านรู้ว่าคุณบาดเจ็บเพื่อพวกเขา ไม่รู้ว่าคุณนายท่านจะมองคุณนายกับคุณชายน้อยกานต์ยังไง ถ้าคุณหวังดีกับพวกเขาจริงๆ ก็ช่วยดูแลตัวเองให้ดีด้วย”
ตอนแรกพฤกษ์ไม่คิดจะพูด แต่เขาทนไม่ไหว
บุริศร์อึ้งไป เหมือนประหลาดใจนิดหน่อย
อยู่กับพฤกษ์ในช่วงปีที่ผ่านมา นอกจากเรื่องธุรกิจแล้ว พฤกษ์ก็สนใจเรื่องส่วนตัวเขาน้อยมาก เอ่ยปากพูดในครั้งนี้เพราะต้องมีเหตุผลอื่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...