บทที่ 148 แสงแห่งความเป็นแม่
มือของนรมนสั่น
เธอถึงขั้นอยากร้องไห้มาก
นี่เป็นลูกสาวที่เธอสู้สุดใจก็จะรักษาเอาไว้ แต่ตอนนี้บุริศร์ไม่รู้การดำรงอยู่ของพวกเธอเลยสักนิด
ถ้าบอกกับบุริศร์ เธอกล้ารับประกันว่าบุริศร์จะไปตรวจจับคู่กับกมลในเวลาแรก แต่ว่าร่างกายของบุริศร์ในตอนนี้ไม่เหมาะจะรับการผ่าตัดใดๆแล้ว
นรมนร้อนรนใจ แต่กลับไม่รอคอยไม่ได้ ความทรมานแบบนี้ทำให้เธอเจ็บปวดใจจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ แต่ก็ไม่กล้าบอกกับกมล
กมลได้ยินนรมนก็พูดแบบนี้ เลยรู้สึกดีใจขึ้นมาทันที
“หม่ามี้ หนูจะรอหม่ามี้กลับมาแน่นอนค่ะ! หนูเข้มแข็งมากเลยนะคะ เมื่อวานผู้อำนวยการโรงพยาบาล ยังบอกว่าหนูเป็นเด็กผู้หญิงที่เข้มแข็งที่สุดในโลกเลย!”
นรมนน้ำตาไหลอีกครั้ง
เจตต์มองเห็นนรมนน้ำตาไหลผ่านกระจก ทันใดนั้นรู้สึกสงสาร เขาอยากลุกขึ้นไปปลอบใจนรมน แต่ก็แข็งใจไปรบกวนนรมนไม่ลง
บางทีนรมนเองก็ยังไม่รู้ นาทีนี้ทั้งตัวเธอราวกับมีรัศมีปกคลุมอยู่ชั้นนึง แสงเจิดจ้าที่มองไม่เห็นทำให้ทั้งตัวเธอดูอบอุ่นมาก ละม่อมมาก แม้กระทั่งแฝงด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
และความรู้สึกแบบนั้นก็เหมือนฝนที่ตกลงมาสู่แผ่นดินที่แห้งแล้งมานาน ได้สาดเข้าไปก้นบึ้งหัวใจของเจตต์
จู่ๆเขารู้สึกนรมนในนาทีนี้เหมือนเทพธิดายังไงอย่างงั้น สามารถมองไกลๆอย่างเดียว แต่จับต้องไม่ได้
ไม่รู้ว่าเกิดจากจิตใจอะไร เจตต์ล้วงตังค์ออกมาวางอยู่บนโต๊ะ
ถึงแม้เขายังมีความสงสัยและสืบเสาะนรมนมาก แต่นาทีนี้ เขาแค่อยากให้ความเงียบสงบแก่นรมนคนเดียว
เดินออกมาจากร้านกาแฟ เจตต์เจ็บใจมาก แต่ก็จำใจโทรหาบุริศร์
ตอนที่บุริศร์เห็นสายเรียกเข้าของเจตต์ขมวดคิ้วค่อนข้างแน่น แต่ก็ได้รับสายอยู่
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“แคทเธอรีอยู่ร้านกาแฟตรงข้ามกับโรงพยาบาล นายมาพาตัวไปเถอะ ตอนนี้ฉันมีธุระต้องจากไป ส่งเธอกลับไปห้องผู้ป่วยไม่ได้”
“นายเจตต์ นายเป็นคนพาเธอออกไป ตอนนี้ก็จะทิ้งเธอไว้คนเดียวแล้วจากไปงั้นเหรอ? นายรู้มั้ยนอนนี้เธอมีอันตรายมาก? เธอ........”
“นายจะมามั้ย ไม่มาฉันไปแล้วนะ”
เจตต์ไม่อยากฟังบุริศร์สั่งสอน
เขารู้สึกตัวเองน้ำเข้าสมอง ไม่นึกเลยว่าจะโทรหาบุริศร์ นี่ไม่ใช่สร้างโอกาสให้บุริศร์หรอกหรือ?
แต่ว่าพอมองนรมนที่ยังคุยโทรศัพท์อีกครั้ง เจตต์รู้สึกค่อนข้างไม่สบายใจ
บุริศร์ลังเลไปครู่นึง ก็ได้หันหลังจากไป เพียงแต่ได้สั่งให้คนรอข่าวของป้าโอ ตัวเองได้รีบมาถึงที่หน้าประตูของร้านกาแฟ
หลังจากเจตต์เห็นเขามา ไม่ทักทายก็นั่งรถจากไปเลย
บุริศร์หันไปตามหานรมนอย่างไม่สบอารมณ์ ก็เห็นนรมนคุยโทรศัพท์อยู่ใต้แสงอาทิตย์ ใบหน้ามีความอ่อนโยนที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ความอ่อนโยนแบบนั้นต่างกับกานต์ เหมือนจะแฝงด้วยความสงสารและความเอ็นดู
เธอกำลังโทรหาใคร?
แล้วใครกันที่ทำให้เธออาลัยอาวรณ์ห่วงหาขนาดนี้?
จู่ๆบุริศร์พบว่า ตัวเองไม่รู้ห้าปีนี้ของนรมนเลยสักอย่าง
เขาอดใจรอไม่ไหวที่อยากจะรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามที่คุยสายคือใคร แต่เขาก็เหมือนเจตต์ที่แข็งใจทำลายบรรยากาศแบบนี้ไม่ลง
ถึงแม้นรมนกำลังเสียใจอยู่ หางตายังมีคราบน้ำตา แต่เธออ่อนโยนจริงๆ ทำให้คนคลาดสายตาไม่ได้ กลิ่นไอแบบนั้นเป็นสิ่งที่บุริศร์ไม่คุ้นเคย แต่กลับแข็งใจทำลายไม่ลง
นรมนในเวลานี้เหมือนความฝัน ทำให้เขามีความรู้สึกที่คว้าไม่ได้
หัวใจของบุริศร์ตื่นตระหนก อยากเดินไปข้างหน้า แต่ในที่สุดกลับหยุดฝีเท้าลงมา ยืนรออยู่ที่หน้าร้านกาแฟอย่างเงียบๆ
หลังจากเจตต์จากไป ก็อยากไปที่ๆนึงอย่างเร่งด่วน
เขาขับรถไปที่ชานเมืองของเมืองชลธีเหมือนคนที่บ้าไปแล้ว
ที่นี่มีที่พักฟื้นที่แบบปิดกั้นแห่งนึง
ยามเฝ้าประตูเห็นเจตต์มาได้รีบเปิดทางให้เข้า สามารถดูออกว่าเจตต์เป็นลูกค้าประจำของที่นี่
ตลอดทาง เขามาถึงที่พักฟื้นโดยที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง ไปที่ห้องVIPห้องนึงอย่างคุ้นเคย
ในห้องมีผู้หญิงคนนึงนั่งอยู่
ผู้หญิงคนนี้ดูแลตัวเองได้ดีมาก แต่ว่ากลับนั่งอยู่บนรถเข็นอย่างแววตาไร้ชีวิตชีวา มองดูวิวด้านนอกอย่างเหม่อลอย
เธอก็เหมือนนกขมิ้นที่ถูกขังอยู่ในกรงตลอด ไร้ทุกข์ไร้สุข ไร้ความคาดหวังไร้ความต้องการ
พริบตาเดียวเจตต์รู้สึกบาดตาขึ้นมาทันที
เขามาถึงตรงหน้าของผู้หญิงเบาๆและคุกเข่าข้างเดียวลงมา ฝ่ามือกุมฝ่ามือของผู้หญิงไว้แน่น และเรียกเบาๆเสียงนึง
“แม่ครับ——”
เขาไม่รู้ทำไมจู่ๆตัวเองถึงนึกอยากมาเยี่ยมแม่ แต่ว่าตั้งแต่เห็นหน้าตาที่นรมนคุยโทรศัพท์ จู่ๆเขาก็นึกถึงแม่ ถึงแม้แม่คนนี้ที่ไม่รู้จักเขาไปตั้งนานแล้ว
ร่างกายของผู้หญิงสั่นเล็กน้อย รีบดึงสายตากลับมามองที่เจตต์
แววตาของเธอไม่มีความเซอร์ไพรส์ใดๆเลย แม้กระทั่งไม่มีความรู้สึกใดๆเลย เอาแต่จ้องมองเจตต์ไว้อยู่อย่างนั้น แต่กลับไม่มีการสื่อสารความรู้สึกใดๆเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...