บทที่ 202 ฉันไม่เห็นด้วย
นรมนตกใจ แต่กิจจาไม่เข้าใจ
“หม่ามี้ มอร์ฟีนคืออะไร?”
เขาถามเบาๆ จึงถูกนรมนปิดปาก แต่ร่างกายของเธอสั่นสะท้าน
เธอทนความจริงอย่างนี้ไม่ได้!
เห็นได้ชัดว่าหมอเข้าใจอารมณ์ของบุริศร์ ไม่ได้ตำหนิเขาสำหรับท่าทีของเขา แค่พูดอย่างหมดหนทาง “คุณบุริศร์ ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณอึดอัด และเจ็บปวดมาก แต่ตอนนี้คุณนรมนอาการไม่ดีมาก พวกเราควรลองคิดให้ดีว่าจะทำคุณนรมนอาการดีขึ้นได้อย่างไร สภาพร่างกายตอนนี้ของเธอไม่เหมาะกับการผ่าตัดเลย จะพักฟื้นก็ต้องใช้เวลา และตอนนี้ฉันหมดหนทางจริงๆในสถานการณ์แบบนี้”
“คุณเป็นหมอ แต่คุณกำลังบอกฉันว่าไม่มีหนทาง? เธอยังเป็นแค่เด็กสี่ขวบ และชีวิตที่ยิ่งใหญ่ของเธอยังไม่ได้เริ่มต้น! แต่คุณกำลังบอกฉันว่าคุณหมดหนทางใช่ไหม?”
บุริศร์ทรุดตัวลงอย่างสมบูรณ์
น้ำเสียงของเขาคมและเย็นชา รังสีที่เต็มเปี่ยมทำให้หมอทนไม่ได้
“คุณบุริศร์ ฉันเป็นแค่หมอ ฉันสามารถตรวจดูอาการของคุณนรมนได้ สามารถทำตามเงื่อนไขแผนการกำหนดยา แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ฉันต้องการให้สมาชิกในครอบครัวของคุณเซ็นชื่อ!”
“จะเซ็นชื่ออะไร? ลูกสาวฉันอายุแค่สี่ขวบ! คุณให้ฉันเซ็นสัญญาว่าจะให้มอร์ฟีนเธอหรือเปล่า? นั่นคือลูกสาวของฉัน! ลูกสาวที่ฉันเป็นผู้ให้กำเนิด!”
ดวงตาของบุริศร์เป็นสีแดงเล็กน้อย และชุ่มชื้นมากขึ้น
นรมนไม่สามารถทนได้อีกต่อไปและผลักประตูห้องทำงานออก
“ฉันไม่เห็นด้วย!”
เสียงของเธอไม่ดัง แต่มันทำให้ผู้ชายสองคนในห้องทำงานตะลึง
“นรมน? คุณมาได้ไง?”
บุริศร์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
กิจจาอาจรู้สึกว่าเขาทำอะไรผิดพลาด และรีบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังนรมน มองไปที่บุริศร์อย่างขี้อายและพูดว่า “ฉันเป็นคนพาหม่ามี้มาเอง”
“หม่ามี้” เสียงนี้ทำให้บุริศร์ตกตะลึงไปสักพัก และโล่งใจเล็กน้อย แต่เขาปล่อยมือจากหมอด้วยความกังวล และมาถึงตรงหน้าของนรมน
“คุณไม่เป็นไรนะ?”
“ตกลงเกิดอะไรขึ้นกับกมล? คุณบอกฉันให้ชัดเจน”
นรมนมองไปที่บุริศร์ น้ำตาซึมที่หางตา
บุริศร์รู้ว่า เธอต้องได้ยินแล้วแน่นอน
“นรมน เรื่องบางอย่างให้ฉันจัดการเถอะ”
บุริศร์ไม่อยากให้นรมนเศร้าเช่นนี้ หลายปีที่ผ่านมา ความรู้สึกของนรมนที่มีต่อรเมศนั้นซับซ้อนมาก บุริศร์รู้ดีว่า แม้ว่าจะขี้หึง แต่เมื่อเทียบกับความทุกข์ของนรมน เขายังคงระงับอารมณ์ความหึงของตนเอง
นรมนน้ำตาไหลวน แต่ก็รู้ถึงความหวังดีของบุริศร์ แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้น เธอก็ยิ่งอยากรู้ความจริง
“บอกฉันเถอะ ฉันว่าแม่ของกมล ฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ฉันต้องรู้”
ร่างกายของนรมนกำลังสั่นสะท้าน แต่ดวงตาของเธอแน่วแน่มาก
ผู้หญิงที่อ่อนแอคนนี้ ทำให้คนอื่นทนไม่ได้ที่จะปฏิเสธในขณะนี้
บุริศร์ถอนหายใจเบาๆ และบอกกับนรมนถึงสถานการณ์ของกมล
แม้ว่าเขาจะเดาได้แล้ว แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่บุริศร์พูดจริงๆ นรมนก็ยังคงร้องไห้อยู่ดี
เธอร้องไห้ได้หดหู่มาก
ห้าปีที่ผ่านมารู้สึกเสมอว่ารเมศเป็นผู้มีพระคุณของตนเอง แต่คาดไม่ได้ถึงว่าทั้งหมดนี้จะทำให้ปวดใจและอึดอัดขนาดนี้
เขาทำแบบนี้ได้ยังไง?
หากเธอเพิกเฉยต่อกมลและกานต์ตั้งแต่แรก นรมนจะไม่บ่นเลย แต่ทั้งหมดที่มอบให้เธอนั้นเป็นแค่ภาพลวงตา ทำให้เธอคิดว่ากมลเกิดมาก็เป็นแบบนี้ และเชื่อว่าการตายของกมลจะเร็วขึ้น
เรื่องแบบนี้ไม่ว่าแม่คนไหนก็รับไม่ได้หรอก
นรมน เกือบจะเป็นลม แต่โชคดีที่บุริศร์เตรียมพร้อมไว้ก่อน และอุ้มเธอขึ้นมา แม้ในเวลานี้ผู้หญิงที่อ่อนแอคนนี้ ยังคงไม่ร้องไห้ แต่น้ำตาที่เอ่อล้นได้ฝืนอยู่ในดวงตาของบุริศร์
บุริศร์ถามอย่างปวดใจ
หลังจากนั้นก็นรมนส่ายหัว
เธอรู้สึกว่าตนเองนั้นโง่เหลือเกิน
ครั้งหนึ่งสำหรับรเมศ เธอขอร้องให้บุริศร์อย่าทำให้รเมศต้องลำบากใจ สำหรับการช่วยชีวิตในห้าปีก่อนและการดูของรเมศจึงปล่อยเขาไปสักครั้ง
ตระกูลวัชโรทัยยังขอสิ่งของมากมายจากตระกูลโตเล็ก และบุริศร์ก็ให้ไปทั้งหมด แต่ไม่ได้คาดหวังว่าความจริงของเรื่องจะเป็นเช่นนี้
นรมนรู้สึกปวดใจมากจนอยากตาย
เมื่อบุริศร์เห็นว่าอาการของเธอไม่ค่อยดี เลยวางแผนที่จะส่งเธอกลับไปที่ห้องก่อน แต่นรมนปฏิเสธ
“หมอ ตอนนี้จะทำยังไงดีกับลูกสาวของฉัน?”
นี่เป็นปัญหาที่ยุ่งยากที่สุดสำหรับนรมน
ตอนนี้มาถึงจุดนี้แล้ว ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่ากมลสามารถอยู่รอดได้หรือไม่ แม้แต่หมอก็ไม่สามารถเดาได้
หมอมองไปที่บุริศร์ และเห็นว่าบุริศร์ไม่ได้ยับยั้ง จึงกระซิบว่า “ความตั้งใจของโรงพยาบาลของเราคือการบรรเทาความเจ็บปวดชั่วคราวให้กับคุณกมล
“ใช้มอร์ฟีนไหม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...