แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 217

บทที่ 217 ผมเป็นสามีของคุณ

“ของพวกนี้มาจากไหน”

บุริศร์คว้าสิ่งที่อยู่ในเมืองของนรมนมา

นี่คือเครื่องติดตามขนาดเล็ก

ถึงแม้นรมนจะไม่รู้แน่ชัดว่าเจ้าสิ่งนี้ใช้งานยังไง แต่ก็พูดอย่างจริงจังว่า “ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันค่ะ หลังจากที่ออกมาจากสถานพักฟื้น ฉันก็ไปแค่Fallen heaven ตลอดทางมาก็ไม่ได้แวะที่ไหนอีก”

“Fallen heavenเป็นอาณาจักรรัตติกาลของตระกูลโตเล็กพวกเรา ไม่มีทางที่จะขัดขาคุณแบบนี้แน่ นอกจากจะมีคนมายุ่งกับรถของพฤกษ์”

แววตาของบุริศร์มืดครึ้มลง

พฤกษ์มักจะออกไปข้างนอกบ่อยๆ เป็นไปได้ว่าอาจจะถูกใครจับตามองอยู่ จากนั้นก็แอบลงมือทำเรื่องพวกนี้ พอคิดได้แบบนี้แล้ว แววตาของบุริศร์ก็มืดครึ้มลงอีกหลายส่วน

ในใจของนรมนเองก็รู้สึกตึงเครียดไม่น้อย

“บางทีอาจจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพฤกษ์ก็ได้”

“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นผู้จัดการกิมจิที่ติดสิ่งนี้ไว้บนตัวคุณ เขาจะทำไปเพื่ออะไรกัน”

คำถามของบุริศร์ทำให้นรมนจนปัญญาที่จะตอบ

รอบตัวของพวกเธอมักมีอันตรายซ่อนอยู่เสมอ เรื่องนี้ทำให้นรมนรู้สึกค่อนข้างเป็นกังวล

ที่แท้ก็มีคนมุ่งเป้ามาที่พวกเราตลอดเลยสินะ

บุริศร์รู้สึกว่าไม่ควรที่จะอยู่ที่นี่นาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พบว่ามีเครื่องติดตามอยู่บนตัวนรมน

เขารีบลงจากรถอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็วางเครื่องติดตามไว้ที่ก้อนหิน ก่อนจะดึงนรมนเข้าไปในรถแล้วพูดเสียงเบาว่า “พวกเราต้องรีบหนีออกไปจากที่นี่ก่อน”

นรมนถูกอารมณ์ความรู้สึกของเขาทำให้คล้อยตาม ทั้งสองคนรีบคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วขับรถลงไปจากภูเขา

ตอนที่ใกล้จะถึงด้านล่างของภูเขาบุริศร์ก็พบว่าบริเวณนั้นมีคนอยู่เยอะมาก ไม่เพียงแต่พวกทหารเท่านั้น ดูเหมือนว่าจะยังมีคนอื่นอยู่อีกด้วย

ดูเหมือนว่าจะขับรถลงไปที่นั่นไม่ได้แล้ว

บุริศร์ครุ่นคิดสักพักแล้วพูดอย่างเด็ดขาด “พวกเราลงจากรถแล้วกลับขึ้นไปบนภูเขากันเถอะ”

“หา”

นรมนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ทั้งยังตามบุริศร์ลงจากรถไปอย่างเชื่อฟัง หลังจากนั้นก็เดินกลับขึ้นไปบนภูเขา

ทางที่บุริศร์เลือกไม่เหมือนกับของคนอื่น เป็นทางที่ไม่เคยมีใครเดินผ่านมาก่อน

เมื่อทั้งสองเดินไปได้สักพัก นรมนก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาแล้ว

วันนี้เธอใส่รองเท้าส้นสูงออกมา การปีนเขาด้วยรองเท้านี้ส้นสูงมันเป็นอะไรที่ทรมานเอามากๆ แต่เพราะไม่อยากเป็นตัวถ่วงของบุริศร์ เธอจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา จนกระทั่งรู้สึกไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็พูดออกมาอย่างเหนื่อยหอบว่า “พวกเราพักกันสักหน่อยเถอะนะ”

บุริศร์จึงหยุดฝีเท้า

เพราะว่าเป็นตอนกลางคืน เขาจึงมองเห็นใบหน้าของนรมนได้ไม่ค่อยชัดเจน แต่เขาได้กลิ่นเลือดจางๆ

“คุณบาดเจ็บอย่างนั้นเหรอ”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่ปวดเท้านิดหน่อย”

นรมนรู้สึกแค่ว่าหลังเท้าของเธอแสบร้อนเป็นอย่างมาก ไม่ได้รู้สึกว่ามีของเหลวอะไรไหลออกมา

หลังจากที่บุริศร์ได้ยินแบบนั้น ก็เพิ่งจะรู้ตัวว่าวันนี้เธอสวมรองเท้าส้นสูงออกมา

เขารีบถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก จากนั้นก็ปูลงไปบนโขดหิน แล้วให้เธอนั่งข้างบน

บุริศร์คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น แล้วยกเท้าของนรมนขึ้นมา ตอนที่เขาถอดรองเท้าส้นสูงของเธอออก นรมนก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

“โอ๊ย”

“เกรงว่าผิวหนังของคุณจะถลอกน่ะ”

บุริศร์ค่อยๆถอดรองเท้าออก พบว่ามันเป็นไปตามที่เขาคาดไว้ เท้าที่ทั้งเล็กทั้งขาวของนรมนมีรอยบวมแดง ทั้งยังมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด

เขารู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก

หลังจากที่ถอดรองเท้าเสร็จแล้วเขาก็ถือมันไว้ในมือ ก่อนจะพูดกับนรมนว่า “ขึ้นมาเถอะ ผมจะบอกคุณไปเอง”

“เส้นทางบนภูเขาเดินค่อนข้างยาก คุณแบกฉันไว้บนหลังก็ต้องเปลืองแรงไม่น้อย ฉันไม่เป็นไรค่ะ ยังสามารถไปต่อได้“

นรมนไม่อยากจะให้บุริศร์ต้องมาเหนื่อยเพราะตัวเอง

บุริศร์เอ่ยเสียงต่ำ “ถ้ายังเดินต่อไปเท้าของคุณได้แย่แน่ รีบขึ้นมาเถอะ”

“แต่ว่าคุณ...”

“ขึ้นมา!”

น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวของบุริศร์ทำให้นรมนทำอะไรไม่ถูก เธอจึงต้องปีนขึ้นไปบนหลังบุริศร์

แผ่นหลังของเขาทั้งกว้างและยังให้ความรู้สึกปลอดภัย ตลอดทั้งคืนนี้บุริศร์ไม่ได้ล่าช้าเพราะต้องแบกนรมนไว้เลยสักนิด

“คุณหยิบโทรศัพท์ของผมออกมาแล้วกดโทรไปหาไมค์”

ขณะที่บุริศร์กำลังพูด นรมนก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา มือเล็กๆ ของเธอค่อนข้างเย็น ตอนที่มันสัมผัสลงบนเสื้อของบุริศร์ ร่างกายของเขาก็แข็งเกร็งเล็กน้อย

นรมนรู้ตัวแล้วว่าเธออาจจะไปสัมผัสโดนจุดอ่อนไหวของบุริศร์เข้า จึงไม่กล้าที่จะล่าช้า รีบกดโทรหาไมค์ทันที

ตอนที่ไมค์กำลังออกกำลังกายอยู่ก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง พอเห็นว่าเป็นเบอร์ของบุริศร์ก็กดรับทันที

“บุริศร์ นายถึงบ้านแล้วเหรอ”

“ถึงบ้านอะไรกันล่ะ มีคนดักรอฉันอยู่ด้านล่างภูเขามากมายขนาดนั้น นายแนะนำทางอะไรมาให้ฉันกันหา”

บุริศร์รู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับไมค์ แต่ตอนนี้เขากลับตั้งใจที่จะพูดแบบนี้ออกมา

ไมค์รู้สึกอึดอัดใจทันที

“เป็นไปไม่ได้ ด้านล่างภูเขาเป็นพื้นที่ของกรมทหาร นอกจากพวกเราแล้วไม่น่าจะมีคนอื่นเข้ามาได้อีก และไม่ควรที่จะมีคนเข้ามาขวางทาง”

“นายหมายความว่าฉันกำลังล้อนายเล่นอย่างนั้นเหรอ ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว แถมอากาศก็ยังเย็นอีก ฉันเดินสะเปะสะปะกับพี่สะใภ้นายอยู่บนภูเขา ไม่รู้ว่าจะต้องเจอใครอีกบ้าง ฉันมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องล้อนายเล่น ”

ตอนที่บุริศร์กำลังพูด ก็มีเสียงลมพัดเข้าหูไมค์ผ่านทางโทรศัพท์

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกตึงเครียดขึ้นมา

“ตอนนี้พวกนายอยู่ไหน ฉันจะออกไปรับ”

“ไม่ต้องแล้ว นายขับรถJeepออกไปดึงดูดความสนใจของพวกมัน ฉันกับพี่สะใภ้ของนายจะคิดหาวิธีกลับไป กุญแจรถก็อยู่ข้างในรถนั่นแหละ”

“ได้ พวกนายก็ระวังตัวด้วยละ!”

หลังจากที่ไมค์วางสายก็รีบออกจากบ้านไปทันที

หลังจากที่บุริศร์เดินแบกนรมนไปได้สักพักหนึ่ง ก็พบว่าตัวเองกำลังหลงทาง

ที่นี่ใหญ่เกินไป อีกทั้งยังเป็นตอนกลางคืน อุณหภูมิบนภูเขาค่อนข้างต่ำ เขาสามารถรู้สึกได้ว่านรมนกำลังตัวสั่น

“พวกเราหาที่พักสักหน่อยแล้วกัน หรือไม่ก็ค่อยเรียกคนมารับเรา”

ถ้าหากมีบุริศร์แค่คนเดียว เขาจะพูดอย่างไรก็ได้ แต่ตอนนี้ยังมีนรมนกี่คน

สุขภาพของนรมนไม่ค่อยแข็งแรง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ก็ทำให้ร่างกายของเธอแย่ลง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายดี ถ้าหากยังต้องป่วยขึ้นมาอีกแล้วก็ บุริศร์ไม่กล้าที่จะคิดต่อแล้ว

ตอนนี้นรมนตัวสั่นด้วยความหนาว

“ฉันยังสบายดีอยู่ค่ะ เพียงแต่รู้สึกหนาวนิดหน่อย พวกเราหาที่หลบลมพักสักหน่อยแล้วกัน”

นรมนกลัวว่าตัวเองจะไปเพิ่มภาระให้บุริศร์ ตอนนี้เขาพูดว่าจะพัก จึงเป็นธรรมดาที่เธอจะไม่ปฏิเสธ

บุริศร์แบกนรมนไปจนถึงที่หลบลม จากนั้นก็วางเธอลงแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “ผมจะไปดูทางสักหน่อย”

“ค่ะ!”

เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังหน้ามืด ทั้งยังอึดอัดไม่น้อย ท้องก็ป่องขึ้นจนรู้สึกไม่ดี ดูเหมือนว่าประจำเดือนจะมา

คงไม่ได้โชคร้ายขนาดนั้นหรอกใช่ไหม

เธออธิษฐานในใจ ทว่าไม่นานหลังจากนั้นเธอก็รู้สึกถึงกระแสอุ่นๆ ที่ไหลออกมาจากท้อง

นรมนรู้สึกหดหู่มาก แต่ไม่รู้ว่าจะพูดกับบุริศร์อย่างไร

ทันใดนั้นกระแสลมก็พัดพากลิ่นหอมส่งไปที่จมูกของบุริศร์

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วหันไปมองนรมน ก็พบว่าสีหน้าของเธอซีดขาว ใช้สองมือกุมท้อง ท่าทางเจ็บปวดเป็นอย่างมาก

“เกิดอะไรขึ้น”

บุริศร์ย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว วางมือใหญ่บนหน้าท้องของนรมนแล้วลูบเบา ๆ

“ปวดท้องเหรอ”

นรมนรู้สึกว่าตัวเองอายจะตายอยู่แล้ว

ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาหวาน “ค่ะ ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นประจำเดือนน่ะ”

“อะไรนะ!”

บุริศร์ได้ยินไม่ค่อยชัด ทว่านรมนไม่กล้าที่จะพูดอีกรอบ

เมื่อบุริศร์เห็นสภาพของนรมนในตอนนี้ ก็พอจะเดาอะไรขึ้นมาได้แล้ว

“คุณเป็นวันนั้นของเดือนอย่างนั้นเหรอ”

หัวข้อสนทนานี้ละเอียดอ่อนมาก

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นสามีภรรยากัน แต่ก็ไม่เคยพูดเรื่องส่วนตัวแบบนี้ วันนี้พอถูกบุริศร์ถามขึ้นมา นรมนก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงไปถึงคอ

เธอรู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายเกินไปแล้วจริงๆ

ตอนที่อยู่สถานพักฟื้นก็ยังดีๆ อยู่เลย ทำไมพอออกมาแล้วถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นนะ ตอนนี้ก็ยังมาอยู่ในสถานที่ที่ไร้ผู้คนแบบนี้อีก จะทำอย่างไรดี

ดูเหมือนบุริศร์จะไม่ได้คาดคิดว่าอยู่ๆ จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอย่างกะทันหัน จึงกระแอมออกมาทีหนึ่งแล้วพูดต่อว่า “ทำยังไงดีล่ะ ฉีกเสื้อของผมใช้ชั่วคราวก่อนไหม”

นรมนรีบส่ายหน้าทันที

ไม่ขอพูดถึงว่าเสื้อผ้าของเขาแพงขนาดไหนก่อนก็แล้วกัน พูดว่าให้เธอฉีกมันแล้วเอามาใส่ไว้ข้างใต้ของตัวเอง เธอก็ทำไม่ลงแล้ว

นรมนหน้าแดงก่ำ แทบจะหาก้อนหินมุดเข้าไปอยู่ ทว่าท้องของเธอปวดมาก ทำให้เธอต้องขดตัว เหงื่อไหลออกเต็มไปหมด

เห็นเธอเป็นแบบนี้แล้ว บุริศร์ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่น

“ไป ลงจากภูเขากัน!”

เขาตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว

นรมนรู้สึกเป็นกังวล

“ลงเขาไปตอนนี้ก็ถูกพวกมันดักเอาไว้ไม่ใช่เหรอคะ ลงไปได้แล้วเหรอคะ”

“สภาพของคุณในตอนนี้ไม่ควรที่จะอยู่บนภูเขาต่ออีก ถ้าหากเป็นหวัดขึ้นมาจะทำยังไง”

บุริศร์ย่อตัวลงเป็นสัญญาณให้นรมนปีนขึ้นไปบนหลัง

ถ้าหากเป็นก่อนหน้านี้ยังพอได้ แต่ตอนนี้ร่างกายของเธอไม่สะอาด จึงค่อนข้างที่จะลังเล

“เป็นอะไรไป”

บุริศร์เขียนว่าเธอไม่ยอมขยับ จึงถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

นรมนตอบเสียงเบา “ตอนนี้ส่วนล่างของฉันเปียกชื้นไปหมด ฉันกลัวว่า...”

“กลัวอะไร ผมเป็นสามีของคุณนะ”

บุริศร์เข้าใจความกังวลของนรมนดี เขายิ้มแล้วแบกเธอเอาไว้วันหลัง หลังจากนั้นก็เดินลงไปจากภูเขาโดยไม่ลังเล

นรมนไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกยังไง

เธอเป็นเหมือนทรัพย์สมบัติที่ถูกคนประคับประคองเอาไว้กลางฝ่ามือ ความรู้สึกของการถูกรักและทะนุถนอมแบบนี้นั้นทำให้เธออยากจะร้องไห้ออกมา

บางทีอาจเป็นเพราะร่างกายของเธออ่อนแอเกินไปแล้วจริงๆ ถึงได้รู้สึกอ่อนไหวเป็นพิเศษ

ลมหนาวพัดผ่านทั้งสองคน ทำให้กลิ่นอายของบุริศร์กระทบเข้ากับจมูกของนรมน

ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกสงบใจลง

ต่อให้ไม่รู้ว่าด้านหน้ามีศัตรูสักกี่คนที่กำลังดักรอเธออยู่ แต่ขอแค่มีเธอกับบุริศร์อยู่ด้วยกัน ก็สามารถวางใจได้แล้ว

เธอรู้สึกเปลือกตาหนักอึ้ง ทั้งยังเวียนหัวไปหมด

นรมนโอบมือไว้ที่คอของบุริศร์ จากนั้นก็พูดออกมาว่า “บุริศร์คะ ฉันง่วงจัง ขอนอนสักหน่อยแล้วกันนะ”

“ห้ามหลับเด็ดขาด เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา”

“แต่ว่าฉันง่วงมากเลยนะ”

ลมหายใจที่ออกจากปากของนรมนร้อนเล็กน้อย

บุริศร์รู้สึกตกใจในทันที

เธอคงไม่ได้ตกใจจนแข็งไปแล้วหรอกใช่ไหม

“นรมน คุณเล่าเรื่องที่ไปเรียนหนังสือตลอดห้าปีให้ผมฟังหน่อยได้ไหม คุณเรียนด้วยตัวเอง เรียนผ่านทางไปรษณีย์ หรือว่าไปเรียนที่มหาลัยกัน”

บุริศร์ต้องหาหัวข้อมาเบี่ยงเบนอาการง่วงนอนของนรมน

นรมนเมาแล้วพูดออกมาว่า “ฉันไปเรียนที่มหาลัยมาค่ะ”

“ผู้ชายต่างชาติหน้าตาดีกว่าผมหรือเปล่า”

“จะไปเปรียบเทียบได้ยังไง พวกผู้ชายต่างชาติไม่เหมือนกับคุณสักหน่อย”

“ผมหล่อกว่าใช่ไหม”

บุริศร์ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่เข้าท่า

นรมนดึงหูของเขาแล้วพูดว่า “พูดไร้สาระอะไรของคุณน่ะ ฉันจะบอกคุณไว้เลยนะ ฉันจริงจังมากเลยนะเข้าใจไหม”

“ได้ๆ คุณจริงจังมาก ไม่อย่างนั้นคงไม่เข้าไปยั่วผมถึงในครัวเล็ก!”

คำพูดของบุริศร์ทำให้นรมนเขินนิด ๆ

“ยังมีหน้ามาพูดอีก หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

เธอรีบปิดปากบุริศร์เอาไว้ทันที ทันใดนั้นก็พบว่าข้างหน้ามีแสงสว่าง ดูเหมือนว่ากำลังมีคนทะเลาะกันอยู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย