บทที่ 219 นี่เขาตั้งใจจะมาหาเรื่องกันใช่ไหม
พ่อบ้านยังไม่ทันจะพูดจบ ก็ทำเอาคุณนายตระกูลวัชโรทัยโมโหขึ้นมาแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ประโยชน์ของที่ดินผืนนั้น เธอคงไม่มีทางที่จะเป็นฝ่ายไปพูดกับบุริศร์เองเป็นอันขาด ตอนที่เซ็นสัญญาคุณนายตระกูลวัชโรทัยก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะเขียนเหตุผลลงไป แต่เพราะบุริศร์กลัวว่าจะหลังจากนี้อาจจะถูกตระกูลวัชโรทัยขู่กรรโชก เขาจึงให้ทนายเพิ่มเหตุผลลงไปด้วย
และตอนนี้เหตุผลข้อนั้นก็ได้ทำให้ตระกูลวัชโรทัยลงจากหลังเสือยากแล้ว
ถ้าหากที่ดินผืนนั้นไม่ได้นำไปดำเนินการผลิตอย่างเป็นทางการแล้วละก็ จะให้บุริศร์ก็ให้ไปเถอะ
แต่ตอนนี้ที่ดินผืนนั้นได้มีนักพัฒนาและคู่ค้าแล้ว ทั้งยังเซ็นสัญญากันแล้วเสียด้วยซ้ำ แม้กระทั่งเงินก้อนใหญ่ก็ลงทุนไปแล้ว เหลือแค่ขั้นตอนเริ่มดำเนินการเพื่อหาเงินแล้ว แต่บุริศร์กลับมาทำกับพวกเขาแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องการจะทำลายตระกูลวัชโรทัย
ถึงแม้ว่าสภาพคล่องของตระกูลวัชโรทัยจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินพวกนี้ แต่คุณนายตระกูลวัชโรทัยก็ยังคงปวดใจอยู่ดี
ถูกคนทำร้ายอย่างลึกลับซับซ้อน ไม่ว่าใครก็รับไม่ได้ทั้งนั้น แต่ถึงอย่างไรบุริศร์ก็มีเหตุผลสำหรับเรื่องนี้ หลังจากที่มอบที่ดินตรงหน้าให้กับพวกเขาแล้ว ไอ้เจ้าหลานชายไม่รักดีก็แอบไปซื้อนรมนมา ทั้งยังซ่อนคนเอาไว้อีก
ถ้าหากเรื่องนี้ถูกดำเนินการอย่างลับๆ ก็แล้วไป แต่กลับไปให้บุริศร์ไปหาหลักฐานมาได้นี่สิ
ตอนนี้คุณนายตระกูลวัชโรทัยแทบอยากจะเอาไม้เท้าในมือตีหลานทรพีนั่นให้ตาย
พอวันนี้ต้องมาได้ยินพ่อบ้านพูดถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ดวงตาทั้งสองข้างของคุณนายตระกูลวัชโรทัยก็เหลือกขึ้น จากนั้นก็เป็นลม
พ่อบ้านตกใจจนหน้าถอดสี รีบเข้าไปกดที่ร่องตรงกลางของริมฝีปากบนของคุณนายตระกูลวัชโรทัยทันที มีคนเรียกหมอประจำตระกูลมาแล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าจะทำให้คุณนายตระกูลวัชโรทัยฟื้นขึ้นมาได้ ในตอนนั้นเองก็มีคนมารายงานว่าบุริศร์มาถึงแล้ว
คุณนายตระกูลวัชโรทัยรู้สึกแน่นหน้าอกไม่สามารถหายใจได้เต็มปอด
เธอคลุกคลีอยู่ในวงการธุรกิจมาทั้งชีวิต ไม่เคยพบคนที่โหดเหี้ยมอย่างบุริศร์มาก่อนเลย
“ไม่พบ! ไปบอกว่าฉันป่วยหนัก ปฏิเสธที่จะพบแขก”
คนที่คุณนายตระกูลวัชโรทัยไม่อยากเห็นหน้าที่สุดในตอนนี้ก็คือบุริศร์
แต่บุริศร์กลับไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ทั้งนั้น เขาบุกเข้ามาเองโดยตรง
“คุณนายตระกูลวัชโรทัย หมายความว่ายังไงเหรอครับ”
บุริศร์เดินเข้ามาแล้ว น้ำเสียงเย็นชาของเขาทำให้คุณนายตระกูลวัชโรทัยอดไม่ได้ที่จะเวียนหัวขึ้นมาอีกครั้ง น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถแกล้งทำได้ เพราะว่าบุริศร์มาอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว
“ผมได้ยินว่าคุณนายตระกูลวัชโรทัยป่วยแล้ว ดังนั้นก็เลยตั้งใจเชิญหมอมาตรวจอาการให้คุณด้วย ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณนายตระกูลวัชโรทัยดีขึ้นบ้างแล้วหรือยัง”
บุริศร์ยิ้มเบาๆ เห็นได้ชัดว่ามากไปด้วยมารยาท แต่ในใจของคุณนายตระกูลวัชโรทัยกลับด่าเขาว่าไอ้ชั่วตั้งนานแล้ว
ไอ้เจ้าพ่อค้าหน้าเลือดคนนี้นี่!
ทว่าสีหน้าของแม่บุริศร์ยังคงแขวนไว้ซึ่งรอยยิ้ม
“ประธานบุริศร์นี่นะ ลมอะไรหอบเธอมาที่นี่ได้กัน”
“ลมสกรรจ์น่ะครับ”
บุริศร์เผยรอยยิ้มจางๆ แต่ทันใดนั้นก็ก้มหน้าลง
“คุณนาย พวกเราต่างก็เป็นนักธุรกิจ และนักธุรกิจก็ให้ความสำคัญกับเรื่องความซื่อสัตย์เป็นอย่างมาก ตอนนั้นที่คุณอยากได้ที่ดินทางตอนใต้จากผมก็พูดเอาไว้ชัดเจน ว่าบุญคุณระหว่างนรมนกับตระกูลวัชโรทัยได้หมดไปแล้ว ทั้งยังเคยรับปากผมเอาไว้แล้วว่าคุณจะดูแลหลานชายตัวเองให้ดีๆ จะไม่ปล่อยให้เขามาสร้างปัญหาให้ภรรยาของผมอีก แต่ตอนนี้หลานชายของคุณกักขังภรรยาของผมเอาไว้ คุณนายคงมีคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ผมใช่ไหม ตระกูลวัชโรทัยคงไม่ใช่ว่าอยากจะได้ทั้งคนทั้งที่ดินหรอกนะ”
เสียงของบุริศร์ไม่ได้ดัง ทั้งยังไม่ได้แปรปรวนอะไรเลย ทว่ากลับไม่ต่างอะไรกับเสียงตบหน้าคุณนายกลางสาธารณชน
เธอควบคุมหนังหน้าแก่ๆ เอาไว้ไม่ได้แล้ว
“ประธานบุริศร์ ตามคำโบราณว่าพอลูกชายโตขึ้นพ่อแม่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ฉันเองก็ไม่รู้จริงๆ ว่า ไอ้เจ้าหลานเนรคุณมันไปสร้างอะไรเรื่องเอาไว้เอาไว้ข้างนอก ฉันส่งคนไปตามหาก็ยังไม่กลับมา”
“คุณนายพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะครับ ตอนที่คุณอยากได้ที่ดินผืนนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรแบบนี้นี่นา”
สายตาของบุริศร์เต็มไปด้วยการบีบบังคับ
คุณนายตระกูลวัชโรทัยถูกดักทางจนพูดไม่ออก ใบหน้าแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ
“ตระกูลวัชโรทัยเองก็เป็นตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียง ต้องการผู้หญิงแบบไหนมีหรือจะไม่ได้มา แล้วทำไมจะต้องแย่งผู้หญิงของตระกูลโตเล็กไปด้วย คุณก็รู้ว่านรมนเป็นภรรยาของผม ทั้งเธอยังเคยคลอดลูกชายหญิงให้ผมอีก ถึงแม้ว่าตระกูลวัชโรทัยของพวกคุณจะไม่สนใจว่านรมนเป็นผู้หญิงของผมก็เถอะ แต่ก็ควรสนใจสักนิดว่านรมนยินยอมหรือเปล่า ผมได้ยินว่านรมนถูกหลานชายของคุณถ้ามาขังไว้ที่นี่ ถ้าเธอรักหลานชายของคุณจริงๆ ผมก็จะไม่บีบบังคับใคร แต่ผมกับนรมนรักกัน ตระกูลวัชโรทัยทำแบบนี้ต้องการจะรังแกกันหรือยังไง หรือรู้สึกว่าตระกูลโตเล็กของพวกเราไม่มีคนอย่างนั้นเหรอครับ”
บุริศร์ยิ่งพูดน้ำเสียงก็ยิ่งเย็นชา ทำเอาเหงื่อของคุณนายตระกูลวัชโรทัยไหลหยดลงมา
ตลอดชีวิตนี้เธอเคยถูกคนทำให้เหยียดหยามขนาดนี้เสียที่ไหน
อีกทั้งตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถที่จะพูดแก้ต่างให้ตัวเองได้อีก จึงโมโหจนถึงขีดสุด ตอนที่หันไปเห็นพ่อบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็รีบระบายอารมณ์ใส่เขาทันที
“ยืนทำอะไรกันอยู่ รีบโทรศัพท์ไปเรียกไอ้เจ้าหลานเวรคนนั้นมา บอกว่าฉันใกล้จะตายแล้ว ให้มันรีบกลับมางานศพ!”
คุณนายตระกูลวัชโรทัยโกรธมากจริงๆ
พ่อบ้านได้ยินเธอพูดแบบนี้ก็รีบโทรศัพท์หารเมศทันที
พอรเมศที่ดื่มจนเมาเห็นเบอร์โทรศัพท์จากบ้านเก่า เดิมทีก็ไม่คิดจะรับสาย แต่มันก็ดังไม่หยุด ดังจนเขาชักจะรู้สึกรำคาญ
“มีอะไร”
เขากดปุ่มรับสายด้วยความหงุดหงิด
พ่อบ้านพูดออกมาด้วยเสียงสั้นๆ ว่า “คุณชาย คุณรีบกลับมาเถอะ ประธานบุริศร์ของตระกูลโตเล็กมาแล้ว ทำเอาคุณนายโมโหจนเป็นฟืนเป็นไฟ คุณนายบอกว่าถ้าคุณยังไม่กลับมาอีก ก็รอฝังศพให้เธอแล้วกัน”
ถึงแม้ว่าพูดแบบนี้จะไม่ค่อยดี แต่พ่อบ้านก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ
ไม่กี่วันมานี้สุขภาพขอคุณนายตระกูลวัชโรทัยงแย่ลงมาก นอกจากนี้หัวใจของเธอก็ยังไม่ค่อยจะแข็งแรง ถ้าหากตื่นเต้นจนเป็นลมไปอีก พ่อบ้านก็ไม่กล้าที่จะคิดต่อแล้ว
นอกจากนี้บุริศร์ก็ไม่ใช่เจ้านายที่จะพูดดีๆ ได้ พ่อบ้านจึงหวังให้รเมศรีบกลับมาควบคุมสถานการณ์
เมื่อรเมศได้ยินว่าบุริศร์มาที่บ้านเก่าของตระกูลวัชโรทัย ก็เบิกตากว้างแล้วพูดออกมาว่า “ฉันจะรีบกลับไป”
หลังจากที่วางสายโทรศัพท์ รเมศก็มองสภาพที่ทั้งอ่อนแอและซีดเซียวของตัวเองในกระจก ยกยิ้มขมขื่นแล้วพูดออกมาว่า “รเมศนะรเมศ แกทำตัวเองให้ดูน่าสมเพชแบบนี้น่ะเหรอ ไม่กลัวว่าบุริศร์จะเห็นหรือยังไง”
เขาชกกระจกจนแตกละเอียด หลังจากนั้นก็รีบจัดระเบียบตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะเปลี่ยนชุดแล้วเดินออกไปข้างนอก
ใช้เวลาไม่นาน รเมศก็กลับมาถึงบ้านเก่าของตระกูลวัชโรทัย
บุริศร์นั่งดื่มชาอยู่บนโซฟาอย่างไม่ทุกข์ร้อน ทว่าคุณนายตระกูลวัชโรทัยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามโมโหจนจะตายอยู่แล้ว
พอเห็นรเมศกลับมา คุณนายวัชโรทัยก็ไม่ได้สนใจการรักษาท่าทีต่อหน้าคนนอกอะไรนั่นอีก เธอหยิบแก้วน้ำตรงหน้าขว้างใส่รเมศทันที
“ไอ้เจ้าคนไร้ประโยชน์ รู้จักกลับมาแล้วอย่างนั้นเหรอ!”
รเมศรีบหลบทันที พอเห็นบุริศร์มองมาที่ตนเองอย่างเยาะเย้ย สีหน้าของเขาก็มืดครึ้มเล็กน้อย
“ประธานบุริศร์ นี่คุณหมายความว่ายังไงกัน”
“ผมเองก็อยากรู้ว่าประธานรเมศหมายความว่ายังไง คุณใช้เงินก้อนใหญ่ซื้อตัวภรรยาของผมไป ทั้งยังกักขังเธอเอาไว้ ตอนนี้ผมเอาเงินหนึ่งร้อยล้านมาให้แล้ว หวังว่าประธานรเมศจะปล่อยภรรยาของผมมาแต่โดยดี ผมคิดว่าพวกเราต่างก็เป็นคนมีหน้ามีตา คงไม่อยากให้เรื่องไปถึงสถานีตำรวจหรอกใช่ไหม”
คำพูดของบุริศร์ทำให้รเมศโมโหเป็นอย่างมาก
“บุริศร์ แกพูดแบบนี้ออกมาไม่ละอายใจบ้างเหรอ ฉันซื้อตัวนรมนมาก็จริง แต่เธอถูกคนชิงตัวไปแล้ว”
“ตอนนี้นายคิดว่ามาพูดแก้ตัวกับฉันแบบนี้แล้วฉันจะเชื่ออย่างนั้นเหรอ”
บุริศร์รีบลุกยืนขึ้นมาทันที เขาเข้าไปเผชิญหน้ากับรเมศโดยตรง
รเมศกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยันว่า “นี่ไม่ใช่ว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของประธานบุริศร์หรอกเหรอ ในเมื่อพาคนกลับไปได้แล้ว ทำไมยังต้องมาสร้างเรื่องวุ่นวายที่ตระกูลวัชโรทัยของพวกเราด้วย ประธานบุริศร์ นายทำแบบนี้ไม่เข้าท่าเลยนะ”
“ถ้าฉันได้ตัวภรรยาของตัวเองกลับมาจริงๆ ฉันจะยังมาที่นี่ทำไมอีก ฉันรู้ดีว่านายรักนรมน รู้ตั้งแต่เข้ามหาลัยแล้ว แต่นรมนแต่งงานกับฉันแล้ว นายก็ยังคงไม่ยอมแพ้ ฉันต้องขอบคุณในเรื่องเมื่อห้าปีก่อนเป็นอย่างมาก และเพราะเรื่องนี้ฉันจึงยอมเสียผลประโยชน์ทางธุรกิจของตระกูลโตเล็กแล้วออกไปจากสหรัฐอเมริกา ทั้งยังมอบที่ดินให้ตระกูลวัชโรทัยอีกหนึ่งผืน ตอนนี้พวกนายก็ได้รับประโยชน์แล้ว แต่ยังขังภรรยาของฉันเอาไว้อีก เราคิดจะทำอะไรกันแน่”
ในที่สุดคำพูดแรงของบุริศร์ก็เป็นการยั่วยุรเมศ
“นายอย่ามาทำตัวเป็นโจรที่ร้องเรียกให้จับโจรไปหน่อยเว้ย ตอนนี้นรมนอยู่ที่ไหน เดาได้ว่าคงไม่มีใครรู้ดีไปกว่านายแล้ว บุริศร์ฉันจะบอกอะไรให้นะ ที่นี่คือสหรัฐอเมริกา ไม่ใช่เมืองชลธี! นายอย่ามาหยิ่งผยองกับฉันที่นี่ให้มาก!”
ความโกรธระหว่างรเมศและบุริศร์กำลังลุกเป็นไฟ
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของรเมศก็ดังขึ้น
เขารับสายโดยไม่แม้แต่จะคิด
“ประธานรเมศ แย่แล้วครับ คุณนรมนหนีไปแล้ว”
เลขาของรเมศเป็นคนโทรมา แต่เป็นเพราะตอนนี้บรรยากาศกำลังเงียบสงัด ทุกคนจึงได้ยินเสียงในโทรศัพท์ของรเมศอย่างชัดเจน
“พูดบ้าอะไรของแกน่ะ”
รเมศแทบคลั่ง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรกับเลขาคนนี้ของตัวเองกันแน่ สีหน้าของคุณนายตระกูลวัชโรทัยไม่น่ามองเป็นอย่างมาก
“รเมศ แกคงไม่ได้คิดที่จะลากตระกูลวัชโรทัยเข้ามาเพื่อผู้หญิงคนเดียวหรอกใช่ไหม”
“ไม่ใช่นะครับคุณย่า นรมนถูกคนช่วยออกไปตั้งนานแล้ว เรื่องพวกนี้ไม่จริงสักนิด!”
รเมศคิดจะอธิบาย แต่บุริศร์ยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “เลขาก็เป็นเลขาของนายไม่ใช่เหรอ หรือว่าเลขาของนายโกหกอย่างนั้นสินะ”
ทันทีที่คำพูดนี้ของบุริศร์ออกมา สีหน้าของทุกคนก็ไม่น่ามองทันที
เลขาไพลินอยู่กับรเมศมาหลายปีแล้ว ดูเหมือนว่าตั้งแต่จบจากมหาวิทยาลัยก็ทำงานข้างกายรเมศมาตลอด ใครต่างก็รู้ว่าเลขาไพลินมีความหมายกับรเมศเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าต่อให้ใครจะทรยศรเมศ ก็ไม่มีทางที่จะเป็นเลขาไพลินโดยเด็ดขาด
แต่ตอนนี้ก็เห็นอยู่ชัดๆว่าเลขาไพลินเป็นคนที่โทรศัพท์มา นี่จึงทำให้คุณนายตระกูลวัชโรทัยโมโหขึ้นมาอีกครั้ง
“แกนี่มันเลวจริงๆ! ยังไม่รีบพูดความจริงออกมาอีก! แกพานรมน ไม่สิ พาคุณนายบุริศร์ไปไว้ที่ไหน”
“ผมไม่ได้ทำนะครับคุณย่า!”
รเมศรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมเป็นอย่างมาก
ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเลขาไพลินถึงได้โทรศัพท์มาแบบนี้ ทว่าตอนนี้เขาก็เถียงไม่ออกจริงๆ
บุริศร์พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ในเมื่อนรมนไม่ได้เป็นอะไรก็ดีไป แต่ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ ก็อย่ามาโทษว่าฉันไม่จบกับตระกูลวัชโรทัยก็แล้วกัน!”
พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินออกไปด้วยความโมโห
คุณนายตระกูลวัชโรทัยรู้สึกหายใจลำบาก จึงรีบให้พ่อบ้านไปเอาน้ำกับยามา
รเมศเห็นว่าท่าทางเช่นนี้ของคุณย่าไม่ได้เป็นการเสแสร้งแกล้งทำ จึงรีบก้าวไปข้างหน้าทันที
“คุณย่าเชื่อผมเถอะนะครับ ถึงแม้ว่าผมจะซื้อตัวนรมนแล้วเคยขังเธอไว้จริงๆ แต่เธอก็ถูกคนช่วยออกไปแล้ว ผมสงสัยว่าคนคนนั้นจะเป็นบุริศร์ นี่เขาตั้งใจจะมาหาเรื่องกันใช่ไหม”
ทันทีที่รเมศพูดออกมา คุณนายวัชโรทัยก็อดไม่ได้ที่จะตบเขาไปหนึ่งฝ่ามือ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย