แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 240

บทที่ 240 หวังว่าเธอคงจะรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่

นรมนรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองนั้นกำลังถูกฉีกขาดแหลกลาญ

จนในที่สุดเธอก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่จนได้ไหลออกมา

“นายหญิง พวกเรารีบไปกันเถอะ”

กิมจิรู้ว่าจิตใจของเธอนั้นเจ็บปวดทรมาน แต่ว่าก็ไม่มีทางอื่นใด ที่นี่คือท่าเรือ ถ้าเป็นที่สังเกตให้คนอื่นเห็น จะไม่สามารถรับรองความปลอดภัยให้กับกมลและคนอื่นๆได้

นรมนจึงอดกลั้นความเจ็บปวดนั้น พยักหน้าแล้วเดินตามกิมจิออกจากท่าเรือไป

“พวกเราจะไปที่ไหนครับ”

“ไปที่ที่บุริศร์อยู่ในตอนนี้”

นรมนรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะหลบซ่อนตัวอีกต่อไป

การต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นจากเธอ ก็สมควรที่จะจบลงที่เธอ

นรมนให้กิมจิจอรถลงที่Fallen heaven แล้วเธอลงจากรถคนเดียว จากนั้นเธอก็ขับรถไปหาบุริศร์

รเมศได้รับข้อความที่บอกว่าแยมได้รับบาดเจ็บสลบไป ก็รู้ว่าทางฝั่งแยมเกิดเรื่องแล้ว

เขาจึงร้อนรน แต่ก็ถูกบุริศร์คอยดึงรั้นเอาไว้ ให้เขาไม่สามารถจะปลีกตัวออกไปได้

แววตาของชายหนุ่มทั้งสองจ้องมองกันราวกับจะชกตีกัน เลขาไพลินได้วิ่งเข้ามาอย่างลนลาน พูดกับรเมศว่า : “ประธานรเมสครับ โรงงานที่อยู่ทางเหนือของเราเกิดไฟไหม้ขึ้นกะทันหันครับ”

รเมศจึงหันพรึ่บไปมองทางบุริศร์

แววตาบุริศร์ที่เย็นชา

“เป็นคุณใช่ไหม”

“ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร”

เมื่อบุริศร์รู้ว่านรมนไปหาแยมเพียงลำพังก็เป็นห่วงมาก แต่เขากลับปลีกตัวไปไม่ได้ จึงได้ให้พฤกษ์สร้างสถานการณ์ด้วยลยุทธ์กลยุทธ์ศึกแบบโจมตีสถานที่ตั้งของกองทัพศัตรูที่อยู่ด้านหลัง แล้วบังคับให้ศัตรูถอนกำลัง เพื่อถ่วงเวลาให้นรมน และหวังว่านรมนนั้นจะสามารถเอาตัวรอดได้อย่างปลอดภัย

เมื่อได้ยินคำพูดของเลขาไพลินในตอนนี้ บุริศร์ก็รู้ว่ากลยุทธ์กำลังจะส่งประสิทธิผล

ตอนนี้รเมศแทบอยากจะชกบุริศร์ แต่ติดตรงที่มีนักข่าวอยู่ด้วย เขาจึงทำอะไรไม่ได้

ทั้งคู่เกือบจะแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น

และในขณะนั้นเอง พฤกษ์ได้พาคนมาถึง

“ประธานบุริศร์”

เมื่อเห็นพฤกษ์มาถึงแล้ว แววตาของรเมศก็ยิ่งอึ้งเข้าไปอีก

“รีบไปที่วิลล่าดูแยม รีบไปดูเร็ว”

เลขาไพลินถูกรเมศไล่ไปแล้ว

ตุลยาเห็นเงาบุริศร์ในหมู่ฝูงชน จึงอยากจะมุ่งหน้าเข้าไป แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าที่เสียโฉมของตัวเอง ทำให้เธอเกิดอารมณ์โกรธขึ้น

บ้าชะมัด เสียโฉมไม่เสียตอนไหน ดันมาเสียโฉมเอาตอนนี้

น่าเสียดายจังที่ผู้ชายในฝันของเธออยู่ตรงหน้า แต่เธอกลับไม่สามารถที่จะยืนอยู่ข้างๆเขาต่อหน้าผู้คนได้อย่างเปิดเผย

รเมศมองบุริศร์แล้วยิ้มอย่างเย้ยหยัน : ประธานบุริศร์นี่ช่างหาวิธีได้นะ “

“ชื่นชมเกินไปแล้ว ถ้าเทียบกับประธานรเมศแล้ว ผมแค่ปลายแถวยังห่างชั้นเชิงอีกเยอะ”

บุริศร์ยิ้มแล้วพูดเยาะเย้ย

“ไม่ทราบว่าประธานบุริศร์ยังจำคดีที่ร่วมมือกันระหว่างเราได้ไหม”

รเมศได้ดึงคดีรถยนต์ที่ได้ร่วมมือกันเข้ามาข้องเกี่ยว

บุริศร์แม้ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร แต่กลับพูดอย่างเย็นชากลับไปว่า : “ถ้าผมจำไม่ผิดบริษัทวัชโรทัยได้ถอนคดีนี้แล้วนิ อีกทั้งแบบภาพวาดของแคทเธอรีผู้ออกแบบก็ถูกตระกูลวัชโรทัยเก็บกลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไม ตอนนี้ประธานรเมศต้องการอยากร่วมมืออย่างนั้นเหรอ”

รเมศยิ้มพูดอย่างเจ้าเล่ห์ : “ร่วมมืออะไรกัน แบบภาพวาดนี้แคทเธอรีเป็นผู้ออกแบบ แม้ว่าภาพกระดาษจะกลับมาแล้ว แต่แคทเธอรีนักออกแบบกลับถูกประธานบุริศร์รั้งตัวไว้ ประธานบุริศร์วางแผนได้อย่างรอบคอบเลยนะ”

“ประธานรเมศวางใจได้ ภาพวาดที่ออกแบบให้กับบริษัทวัชโรทัย จะไม่มีทางปรากฏอยู่ที่บริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัดของตระกูลโตเล็กอย่างแน่นอน”

นรมนได้ยินเสียงดังขึ้น จึงได้เดินผ่านฝูงชนตรงไปยังพวกเขาทั้งสอง

ตอนที่รเมศเห็นนรมนก็ถึงกับตกใจ จนตัวชะงักงันไป

แม้เขาจะรู้ว่าแผนการตัวเองจะล้มเหลวเสียแล้ว แต่ก็ไม่นึกว่านรมนจะมาที่นี่ได้ ยิ่งนึกไม่ถึงว่าจะมาที่นี่ได้เร็วขนาดนี้

แต่เมื่อบุริศร์เห็นนรมนก็ถึงกับขมวดคิ้ว

ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้หรือว่าที่นี่อันตรายมากแค่ไหน เธอมาทำอะไรที่นี่

บุริศร์กับรเมศหันไปมองนรมนเกือบจะพร้อมกัน

นรมนไม่ได้เดินไปหาบุริศร์ แต่กลับมุ่งหน้าไปหารเมศ ยิ้มแล้วพูด: “ไม่เจอกันตั้งนาน ประธานรเมศ”

การเรียกเช่นนี้ทำให้รเมศแทบก้าวเท้าไม่ออก

เขาเห็นนรมนแม้จะกำลังยิ้มอยู่ แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่ไม่น่าชวนมอง

แววตาของเธอแฝงไปด้วยความเย็นชาและความเหินห่าง

ต่อให้เป็นตอนที่เขาพานรมนมาจากFallen heavenแล้วพากลับไปกักขังที่วิลล่า นรมนก็ไม่เคยใช้สายตาเช่นนี้มองเขา แต่สายตาของเธอในตอนนี้ทำให้รเมศถึงกับก้าวถอยหลัง

เธอรู้อะไรมา

หรือว่าแยมพูดอะไรกับเธอ

ความคิดของรเมศกำลังคิดวนเวียน

บุริศร์รีบเข้ามาอยู่ข้างๆเธอ แล้วกันเธอไว้ด้านหลัง

“คุณมาที่นี่ได้อย่างไร ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า”

สายตาบุริศร์ที่เป็นพะวงและเป็นห่วงเป็นใย ทำให้แววตาที่เย็นชาของนรมนค่อยๆลดลง

เธอยิ้มแล้วพูด : “ฉันไม่เป็นไร แม่คุณและพ่อแม่ของฉันกับลูกๆได้จากที่นี่ไปสหรัฐอเมริกาแล้ว เหลือแค่เพียงเราสองคนอยู่ที่นี่ บุริศร์คุณจะทำอะไรฉันก็จะอยู่เป็นเพื่อนคุณ เริ่มตั้งแต่นี้ต่อไป พวกเราสองสามีภรรยาจะเป็นอันหนึ่งเดียวกัน”

คำพูดนรมนทำให้บุริศร์ประหลาดใจ

เขาคิดไม่ถึงว่านรมนทำทุกอย่างพึ่บพับเช่นนี้ แต่ทำไมนรมนถึงทำแบบนี้ เขานั้นเข้าใจเป็นอย่างดี

“คนของอาณาจักรรัตติกาลอยู่ที่นี่ไหม”

“อยู่ส่วนหนึ่ง”

สองสามีภรรยาใช้เสียงที่สามารถได้ยินกันแค่สองคนคุยกัน แต่ในสายตาของคนนอกที่มองดู ดูเหมือนรักกันมากราวกับกาวที่ติดแล้วไม่ยอมห่างกัน ช่างหวานแหววเหลือเกิน

ภาพนี้ได้ทิ่มแทงเข้าที่หัวใจของรเมศ

“แคทเธอรีคุณเป็นนักออกแบบของบริษัทวัชโรทัย ก็แค่การร่วมมือกันครั้งเดียว คุณก็จะตีตัวออกห่างบริษัทที่ชุบเลี้ยงคุณมาห้าปีเลยเหรอ”

รเมศที่ไม่อยากจะพูดเช่นนี้ แต่ว่าตอนนี้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างนรมนกับบุริศร์กำลังจะถูกเปิดเผย เขาอิจฉาริษยาจนแทบจะเป็นบ้าไปแล้ว

เขาจะต้องใช้คำวิจารณ์ของสังคมในการสยบพวกเขาสองคน ไม่ให้พวกเขาสองคนได้อยู่ด้วยกัน! จะต้องไม่ให้อยู่ด้วยกัน!

เมื่อนรมนได้ยินรเมศพูดเช่นนี้ ก็รู้ว่ารเมศต้องการจะทำอะไร

เพียงแต่เธอไม่เข้าใจว่า รเมศที่สง่าสุภาพนั้น ห้าปีที่ผ่านมาล้วนเป็นเพียงการเสแสร้งแสดงออกมาเหรอ

หรือว่าความอิจฉาริษยาทำให้คนเปลี่ยนไปได้น่ารังเกียจขนาดนี้

เหมือนบุริศร์อยากจะพูดอะไร แต่กลับถูกนรมนห้ามไว้

เธอมองไปทางรเมศ แล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ : “ประธานรเมศ ถ้าหากฉันจำไม่ผิด ฉันได้ลาออกจากบริษัทวัชโรทัยแล้ว สำหรับห้าปีที่บริษัทให้การฝึกฝนฉันมา ฉันก็รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก และฉันก็ได้ตอบแทนบริษัทกลับไปอย่างสมเหตุสมผลแล้วไม่ใช่เหรอ”

“คุณหมายถึงอะไร หมายถึงกระดาษภาพวาดไม่กี่แผ่นนั่นเหรอ คุณรู้ไหมว่าห้าปีที่ผ่านมาบริษัททุ่มเทไปกับคุณไปมากเท่าไร”

ความจริงรเมศอยากจะถามว่าห้าปีที่ผ่านมาเขาทุ่มเทกับเธอไปมากเท่าไร ทำไมคุณถึงไม่?

นรมนกลับยิ้มขึ้น จากนั้นก็หันไปทางนักข่าว

“ฉันคิดว่าทุกคนอยากรู้จักว่าฉันเป็นใคร วันนี้ฉันจะมาเล่าเรื่องให้ทุกคนฟัง

“แคทเธอรี ขอเพียงแค่คุณกลับมา เรื่องทุกอย่างผมก็จะไม่ถือสา ผมจะยอมทำตามที่คุณต้องการตกลงไหม

รเมศรีบพูดรัวๆขึ้น ด้วยอารมณ์ที่ตึงเครียดและกระวนกระวาย

เขาไม่สามารถยอมให้นรมนเปิดเผยตัวตนต่อหน้าสาธารณชน ไม่อย่างนั้นความหวังสักนิดเดียวเขาก็จะไม่เหลือแล้ว

แต่ว่านรมนได้ตัดสินใจแล้ว

ก่อนหน้านั้นที่ต้องปกปิดตัวตนก็เพื่อหลีกเลี่ยงบุริศร์ แต่ตอนนี้เธอคืนดีกับบุริศร์แล้ว และยิ่งไปกว่านั้นก็เพื่อดวงใจของลูกๆ สิ่งที่รเมศได้กระทำต่อลูกๆของเขา มันเกินที่เธอนั้นจะให้อภัยได้

เธอไม่สามารถที่จะนิ่งเฉยต่อไปได้อีก

แววตานรมนแฝงด้วยความแน่วแน่

เธอพูดออกมาทีละคำอย่างชัดเจน : “ฉันก็คือนรมนภรรยาของบุริศร์ที่จมฝังอยู่ในกองเพลิงเมื่อห้าปีก่อน!”

เมื่อประโยคนี้ของนรมนได้ออกไป ผู้คนในงานก็ร้องแตกตื่น แต่ร่างของรเมศถึงกับเซจนเกือบจะล้มลง

เธอพูดออกมาแล้ว!

ท้ายที่สุดเธอก็พูดออกมาเพื่อปกป้องบุริศร์!

เธอรู้ทั้งรู้ว่าเมื่อพูดเปิดเผยตัวตนของนรมนออกไป รเมศเขาก็จะไม่มีแม้แต่โอกาสสักนิดเดียวอีก แต่ว่าเธอก็ยังทำร้ายความฝันครั้งสุดท้ายของเขาลงอย่างโหดร้าย

ทำไม

เพื่อบุริศร์แล้วทำไมเธอถึงเหยียบย่ำความรู้สึกของเขาทั้งหมดให้จมอยู่แทบเท้าโดยไม่รู้สึกรู้สาแต่อย่างใด

รเมศจ้องเขม็งมองนรมนด้วยสายที่ไม่ไหวติงราวกับแววตาของงู ทำให้ตัวของนรมนถึงกับเย็นวาบ

เธอรู้ว่าในวินาทีนี้ ระหว่างเธอกับรเมศนั้นไม่มีทางที่จะดีกันได้อีก

อย่างไรก็ตามนรมนก็ยังพูดอย่างแน่วแน่ว่า : “ห้าปีก่อน บุริศร์สามีของฉันที่เดิมทีต้องการจะส่งไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะถูกคนหลอกใช้ให้วางเพลิง จนฉันกับลูกเกือบจะถูกเผาให้ตายทั้งเป็น แต่โชคดีที่รเมศได้ช่วยไว้ในตอนนั้น อีกทั้งได้พาพวกเราไปสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงแต่ให้ฉันคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย ยังช่วยฉันรักษาบาดแผลและใบหน้าจนหายดี อยู่เคียงข้างจนฉันได้กลายเป็นนักออกแบบของบริษัทวัชโรทัย ในส่วนนี้ฉันรู้สึกซาบซึ้งใจและขอบคุณประธานรเมศมาก”

“สิ่งที่ผมต้องการไม่ใช่คำขอบคุณ”

“ฉันรู้อยู่แล้ว ประธานรเมศที่ยิ่งใหญ่และสูงส่ง จะมามีโลกที่ธรรมดาเหมือนฉันได้อย่างไร”

นรมนชมเยินยอรเมศ ในขณะที่รเมศยังไม่ทันจะพูดอะไรนั้น เธอได้ยิ้มแล้วพูดขึ้น : “ในฐานะที่เป็นนักออกแบบบริษัทวัชโรทัย เพื่อประโยชน์ของบริษัทวัชโรทัย ฉันได้รอบคอบและคอยระมัดระวัง เพียงเพื่อต้องการตอบแทนบุญคุณที่ประธานรเมศได้ช่วยชีวิตไว้ ส่วนคดีของบริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัดนั้น ฉันรู้ความจริงว่าเกิดอะไรในปีนั้น และก็รู้ว่าสามีของฉันตามหาฉันกับลูกๆมาโดยตลอดเวลาห้าปี ฉันกับสามีรักกันและเราจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจนกว่าจะตายจากกัน แต่ว่าฉันก็ไม่สามารถลืมว่าประธานรเมศเคยให้การดูแลฉัน ดังนั้นคดีรถยนต์ในครั้งนี้ สามีของฉันบุริศร์ได้ถอนตัวจากการร่วมมือ อีกทั้งเพื่อเป็นการตอบแทนที่ประธานรเมศได้ช่วยชีวิตของฉันไว้ในครั้งนั้น สามีของฉันได้ยกที่ดินที่อยู่เขตชานเมืองทางตอนใต้ในสหรัฐอเมริกาที่มีมูลค่าสูงมากในตลาดให้แก่ตระกูลวัชโรทัย เรื่องนี้มีคุณนายตระกูลวัชโรทัยที่เป็นพยาน ทางฝั่งเราก็มีฉันและสามีของฉันที่ได้เซ็นสัญญา”

นรมนพลางพูด พลางนำสัญญาฉบับสำเนาออกมา

เรื่องนี้เดิมทีดำเนินการอย่างเงียบๆ แต่กลับถูกนรมนหยิบมาเปิดเผย สีหน้าของคนตระกูลวัชโรทัยเปลี่ยนไปทันที

รเมศมองนรมน คิดไม่ถึงว่าเพื่อบุริศร์แล้วนรมนจะทำถึงขนาดที่ไม่เหลือเยื่อใย

“แคทเธอรี หวังว่าเธอคงจะรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่”

“ฉันรู้ตัวอย่างแน่นอน ฉันกับสามีของฉัน รวมทั้งตระกูลโตเล็กรู้สึกขอบคุณประธานรเมศและตระกูลวัชโรทัยที่ได้ช่วยชีวิตของฉันไว้ แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงก็คือ ประธานรเมศร่วมมือกับคนอื่นมาทำร้ายฉันอย่างลับๆ หาคนมาลักพาตัวฉันระหว่างทางที่ฉันกลับประเทศ ถึงขั้นใช้รูปแบบการค้ามนุษย์ขายฉันไปยังสหรัฐอเมริกา จากนั้นค่อยให้การช่วยเหลือด้วยการซื้อตัวฉันกลับมา แล้วนำฉันมากักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ สามีของฉันที่ต้องการช่วยฉันจึงได้ฟาดฟันกับตระกูลวัชโรทัย ทั้งหมดนี้สามารถตรวจสอบได้ มีข้อมูลมีหลักฐาน ไม่ทราบว่าประธานรเมศจะปฏิเสธไหม” นรมนจ้องหน้ารเมศ แล้วเปิดเผยวิธีสกปรกทั้งหมดต่อหน้าฝูงคน

ทุกคนต่างตกใจอื้ง แล้วเบนสายตาไปทางรเมศ

ผู้ชายที่สุภาพและสง่าในสายตาผู้คน หรือจะเป็นเหมือนอย่างที่นรมนพูด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย