บทที่ 242 ภูมิลำเนาถูกยกเลิกไปแล้ว
สีหน้าของบุริศร์ ดูแย่เล็กน้อย
พฤกษ์คนนี้ ควรโยนมันไปทำงานที่แอฟริกาใต้สักหน่อยจริงๆ
บุริศร์กลืนน้ำลายไปนึงอึก ห่มผ้าห่มให้กับนรมนอีกครั้ง คิดๆดูผู้หญิงคนนี้นอนหลับไม่เป็นท่าเลยจริงๆ ออกไปหาชุดนอนมาคลุมให้กับนรมนดีกว่า
"ทำอะไรง่ะ?ง่วง!"
นรมนพึมพำอยู่ ผลักตัวบุริศร์ออกไปจากจิตใต้สำนึก เรี่ยวแรงที่เหมือนอย่างกับแมวช่างยั่วหยวนสุดๆ
บุริศร์กลืนน้ำลาย พูดเสียงทุ้มต่ำ "หากไม่ใช่เห็นว่าคุณเหนื่อยเกินไป คุณก็ลองดูสิ"
พูดคำพูดที่ข่มขู่ออกมาแบบนี้ น่าเสียดายนรมนไม่ได้ยินเลยสักคำ เอียงหัวปุ๊บ ก็นอนพิงไว้ที่ไหล่ของเขาโดยตรงแล้ว
ทำให้บุริศร์หมดคำพูดไปเลยทีเดียว
เขาแค่อยากเฝ้าภรรยานอน ทำไมถึงได้ยากเย็นแสนเข็ญขนาดนั้น?
บุริศร์ถอนหายใจออกมานึงครั้ง ถึงวางนรมนลงไป จากนั้นลุกขึ้นมาและเดินออกจากห้องนอน
ประตูเพิ่งเปิดออกมาในพริบตา พฤกษ์ก็ถอยหลังออกมานึงก้าวโดยรู้ตัว หลังจากรับรองว่าตัวเองไม่เห็นอะไรทั้งนั้นถึงพูดว่า "ประธานบุริศร์ครับ รเมศบ้าไปแล้ว ลูกค้าที่ร่วมงานกับบ้านตระกูลโตเล็กตอนนี้แสดงท่าที่ว่าต้องการถอนทรัพย์"
ยังไงซะที่นี่คืออเมริกา เป็นถิ่นของรเมศ นักธุรกิจมากมายทำงานเพื่อเห็นแก่สีหน้าของรเมศทั้งนั้น
ถึงแม้บุริศร์มีที่ยืนในอเมริกาบ้างก็ตาม เพียงแต่ว่ายังไงซะก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร ส่วนตอนนั้นบุริศร์ก็ไม่เคยคิดว่าจะทำธุรกิจใหญ่โต ณ ที่นี่ เพราะฉะนั้นธุรกิจของที่นี่จึงไม่มีชื่อเสียงที่โด่งดังอะไรมากมาย
ตอนนี้บุริศร์กับรเมศสู้กันแบบต่อหน้าต่อตา ก่อนอื่นที่ถูกกระทบก็คือธุรกิจของบ้านตระกูลโตเล็ก
แววตาของบุริศร์ค่อยๆหดลง
"เราสูญเสียเงินไปเท่าไหร่?"
"ประมาณสามร้อยล้านครับ นี่ยังเป็นเรื่องเล็กนะครับ ที่สำคัญคือคดีที่เราพัฒนาทางตอนใต้คดีนั้น ตอนนี้ได้เกิดปัญหาใหญ่แล้วครับ"
เสียงของรเมศเข้มขรึมเล็กน้อย
บุริศร์ปิดประตูห้องนอน ถึงแม้รู้ว่านรมนกำลังนอนพักผ่อนอยู่ก็ตาม เพียงแต่ว่าเพื่อไม่ไปรบกวนเธอ บุริศร์พูดเสียงทุ้มต่ำว่า "ไปที่ห้องหนังสือ"
"ครับผม!"
ทั้งคู่ไปที่ห้องหนังสืออย่างรวดเร็ว
บุริศร์อยากจุดบุหรี่หนึ่งม้วน กลับนึกถึงอะไรขึ้นมา เพียงแค่เอาไว้ในมือและเล่นๆอยู่
"พูดให้ละเอียดถี่ถ้วนเลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา"
"คดีที่เราพัฒนาทางตอนใต้ตั้งแต่แรกเราเป็นคนออกทุน คนในท้องถิ่นที่นี่และตัวแทนจำหน่ายที่ดำเนินการ ตอนนั้นอำนาจบ้านตระกูลโตเล็กเราอยู่ที่อเมริกายังไม่ค่อยมั่นคง ประธานบุริศร์ท่านก็เคยพูดว่าเราไม่คิดจะบุกเบิกการตลาดของทางนี้ เพราะฉะนั้นแค่ร่วมงานกับพวกเขาเท่านั้น"
"จุดนี้ฉันรู้"
อเมริกาทางนี้เขาไม่เคยทุ่มเทแรงกายและแรงใจสักเท่าไหร่ ทีแรกคิดว่าบริหารด้วยการออกเงินทุน คิดไม่ถึงกลับเกิดปัญหาขึ้นมาจากที่นี่
พฤกษ์พูดเสียงทุ้มต่ำ "เมื่อไม่นานมานี้ ผู้ผลิตต่างโทรศัพท์มาหาเรา พูดว่าขาดแคลนสินค้าชั่วคราว และขาดตลาดด้วย คดีของเราทางโน้นได้แต่พักเอาไว้ก่อน แต่ว่าธีมวิศวกรรมและธีมก่อสร้างเริ่มทำการไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้หยุดงานอย่างกะทันหันเป็นไปไม่ได้อย่างยิ่ง ที่สำคัญที่สุด ทางโน้นเกิดคดีเรื่องคนตายเมื่อสักครู่"
"อะไรนะ? "
บุริศร์ลุกขึ้นมาอย่างกะทันหันด้วยอาการที่ตกอกตกใจ
"อะไรคือคดีคนตาย?"
"มีคนงานคนนึงตกลงมาจากตึกชั้นบนในระหว่างการทำงาน ตายคาที่อีกต่างหาก ตอนนี้ทางโน้นกำลังครึกโครม นักข่าวไปกันอย่างล้นหลาม ที่สำคัญที่สุดคือผู้รับผิดชอบสถานที่ก่อสร้างได้หนีไปแล้ว หาหัวหน้าไม่เจอ ได้แต่หามาเรา ยังไงซะบริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัดเราเป็นผู้พัฒนา"
พฤกษ์ก็รู้สึกว่าครั้งนี้รเมศทำเกินไปแล้วจริงๆ
การต่อสู้ระหว่างทั้งคู่ ไม่มีความจำเป็นต้องเอาผู้บริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง เดิมทีนรมนกะจะกดขี่รเมศผ่านทางความคิดเห็นของประชาชนในสังคม ทำให้เขาไม่สามารถลงมือกับบุริศร์และเธอในชั่วคราว ส่วนพวกเขาสามารถฉวยโอกาสครั้งนี้กลับไปที่ประเทศ
แยมพูดถูกแล้ว ที่นี่เป็นถิ่นของรเมศ ต่อให้บุริศร์เป็นมังกรก็ตาม อยู่ที่นี่ก็ได้แต่ขดตัวไว้
เธอเห็นบุริศร์ถูกรเมศรังแกไม่ได้ ยิ่งรับไม่ได้ที่จะให้รเมศข่มขู่คนที่บ้านของตัวเอง เพราะฉะนั้นถึงได้ส่งทุกคนกลับไปอย่างเร่วด่วน กลับคิดไม่ถึงรเมศลงมือทั้งเร็วไวและโหดโหด ใช้คดีคนตายที่ก่อสร้างครั้งนี้พัวพันบุริศร์ไว้
ถ้าหากบุริศร์ไปจากอเมริกาในตอนนี้ นั่นก็คือการหลบหนีความผิด ยังไม่พูดถึงแผนกตุลการจะว่ายังไง เพียงแค่ความคิดเห็นของประชาชนในสังคมเพียงด้านเดียว บุริศร์ก็ผ่านด่านนี้ไปไม่ได้เสียแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัดของบุริศร์เลย
ครั้งนี้รเมศโหดจริงๆ!
เขากะจะทำลายบริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัดไปโดยตรง!
แววตาของรบุริศ์เข้มขรึมเล็กน้อย ไม่พูดไม่จาอยู่ตั้งนานสองนาน
พฤกษ์ก็ไม่ไปรบกวน ความรู้ใจกันของทั้งสองฝ่ายที่อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปีมานี้ทำให้เขารู้ว่า ตอนนี้บุริศร์กำลังคิดทบทวนเรื่องราวอยู่
ผ่านไปสักพัก บุริศร์ถึงพูดเสียงทุ้มต่ำว่า "มีคนไปจัดการแล้วหรือ?"
"มีครับ เสี้ยววินาทีที่เกิดเรื่อง ผู้จัดการของเราทางนี้ก็รีบไปจัดการโดยตรงแล้วครับ เพียงแต่ว่ากลับเกิดอุบัติเหตุทางถนน ตอนนี้คนยังอยู่ที่โรงบาล และสลบไม่ได้สติ"
คำพูดของพฤกษ์ทำให้สีหน้าของบุริศร์ยิ่งดูแย่ไปใหญ่
"เรื่องนี้เพิ่งแตกออกมาเมื่อสักครู่นี่เอง?”
"เมื่อไม่นาน สักประมาณหนึ่งชั่วโมง แต่ว่าเผยแพร่ออกมาเร็วมาก และแพร่กระจายเร็วมากเช่นกัน ตอนนี้คนข้างนอกต่างพูดกันว่าบริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัดของเราทำให้คนตายแบบไร้ค่า ผู้ผลิตพวกนั้นก็ออกมาต่อว่าสินค้าที่เราสั่งซื้อล้วนเป็นสินค้าที่ด้อยคุณภาพ ปลอมแปลงสินค้าเกรดต่ำเป็นเกรดดี เรื่องนี้มีธีมก่อตั้ง เห็นได้ชัดว่ารเมศวางแผนการเอาไว้ตั้งนานแล้ว ประธานบุริศร์ครับ เรา........"
"ไม่เป็นไร"
บุริศร์มองไปนอกหน้าต่าง พูดเสียงทุ้มต่ำว่า " รเมศกำลังติดตั้งแผนการที่ต่อเนื่องกันให้กับฉัน เมื่อไม่นานมานี้เขาไม่สามารถใช้ความคิดเห็นของประชาชนในสังคมมากดฉันไว้ ตอนนี้จึงอยากใช้เรื่องนี้มากดขี่ฉันอีกแล้ว เขาทำกับฉันแบบไม่ยอมเลิกลาเลยจริงๆ สืบดู ญาติผู้เสียชีวิตคนนั้นได้ติดต่อกับรเมศรึเปล่า"
"ผมกำลังสืบอยู่ครับ เพียงแต่ว่าเบื้องหลังของญาติผู้เสียชีวิตง่ายมากๆ เป็นประชาชนยากจนโดยสิ้นเชิง กับรเมศไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น"
พฤกษ์หดหู่ใจสุดๆ
คำถามที่ยากขนาดนี้ไม่เคยพบเจอมานานมากแล้ว
บุริศร์ลุกขึ้นมาอย่างเข้มงวด พูดอย่างเรียบเฉยว่า " ฉันไปด้วยตัวเอง"
"ประธานบุริศร์ครับ ไม่ได้นะครับ รเมศทำแบบนี้ก็คือบีบบังคับคุณปรากฏตัว คุณไปตอนนี้ คนพวกนั้นต้องฉีกคุณเป็นชิ้นๆอย่างแน่นอน"
พฤกษ์ขัดขวางบุริศร์โดยตรง
บุริศร์กลับมองหน้าเขาแล้วพูดว่า "หรือจะให้มองดูการเสียมารยาทพัฒนาต่อไป?ตอนนี้เป็นสังคมแบบไหน?อินเตอร์เน็ตพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำในประเทศอเมริกาล้วนมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของเรา รเมศตั้งใจใส่ร้าย เรื่องนี้มีผลกระทบต่อธุรกิจแน่นอนอยู่แล้ว เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมา ฉันในฐานะผู้รับผิดชอบไม่ออกหน้า สมควรแล้วหรือ?”
"แต่ว่ารเมศทางโน้น……"
"มาไม้ไหนก็แก้ไปไม้นั้นเถอะ หลังจากฉันไปจากที่นี่ ให้คนส่งคุณนายกลับประเทศ ไม่ว่าต้องใช้วิธีใดๆก็ตามต้องส่งเธอกลับไปอย่างปลอดภัย"
ท้ายที่สุดบุริศร์ได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว
พฤกษ์กลับส่ายหน้าแล้วพูดว่า "ผมจะไม่จากคุณไปไหนเด็ดขาด"
"พฤกษ์ นายก็รู้นรมนสำคัญกับฉันมาก ไปหาทนายความปวินมา ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก็ตามเสียบ้านตระกูลโตเล็กไปไม่ได้เด็ดขาด"
คำพูดของบุริศร์ทำให้พฤกษ์เข้าใจบ้างแล้ว
ถึงแม้เขาไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่ว่าเห็นบุริศร์ตัดสินใจไปแล้ว ถึงหันหลังเละเดินออกไป
ไม่นานนัก ทนายความปวินก็มาถึงที่บ้านเดี่ยวและพบเจอกับบุริศร์แล้ว
"คุณชายบุริศร์ ไม่เจอกันตั้งนาน"
"ทนายความปวิน ไม่เจอกันตั้งนาน"
บุริศร์จับมือกับเขาอย่างมีมารยาท จากนั้นเข้าเรื่องโดยตรง
"ฉันอยากเอาหุ้นของบริษัททั้งหมดโอนให้กับภรรยาฉันนรมน"
คำพูดของบุริศร์ออกจากปากปุ๊บ ทนายความปวินอึ้งไปแป๊บนึง จากนั้นพูดเสียงทุ้มต่ำ "คุณชายบุริศร์เกรงว่าจะไม่ได้
"เพราะอะไร?"
"คุณนายบุริศร์ตายไปเมื่อห้าปีก่อนในเหตุการณ์ไฟไหม้ เรื่องนี้คนในประเทศทุกคนต่างรู้กันทั่ว ตอนนี้ถึงแม้คุณนายพูดว่าเธอก็คือคุณนายบุริศร์ในตอนนั้นก็ตาม แต่ว่าใครมีหลักฐานหล่ะ?พูดแบบน่าเกลียดหน่อย ถึงแม้คุณชายบุริศร์ยังเก็บภูมิลำเนาของคุณนายบุริศร์ไว้ก็ตาม แต่ว่าไฟล์บุคลากรขของเธอทางโน้นถูกยกเลิกบัญชีไปแล้ว"
คำพูดของทนายความปวินทำให้บุริศร์ขมวดคิ้วในพริบตาเดียว
"เป็นไปได้ไง?บัญชีของภรรยาฉันฉันเก็บไว้มาโดยตลอด ที่สำคัญพ่อตาแม่ยายฉันก็ไม่ได้ยกเลิกภูมิลำเนาของเธอไปสักหน่อย เป็นไปได้ไงที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา? "
ทนายความปวินเอาเอกสารเมื่อไม่นานมานี้ยื่นให้กับบุริศร์
"คุณชายบุริศร์คุณดูสิ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ พ่อแม่แท้ๆของคุณนายบุริศร์เซ็นลายเซ็นยกเลิกบัญชีด้วยตัวเองที่ฉบับนี้ ที่สำคัญในประเทศทางโน้นจัดการเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ไม่มีคนที่ชื่อว่านรมนอีกต่อไปแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฐานะภรรยาของคุณผู้ชายบุริศร์ ตอนนี้ฉันได้ตรวจสอบไปแล้ว ซึ่งตอนนี้คุณนายบุริศร์มีแค่ฐานะเดียว ก็คือแคทเธอรีเชื้อสายจีนในอเมริกา ฐานะนี้เป็นสิ่งเดียวที่เธอมีในตอนนี้ ส่วนแคทเธอรีไม่ได้แต่งงาน กับคุณชายบุริศร์ยิ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ เพราะฉะนั้นตอนนี้พวกคุณไม่ใช่ความสัมพันธ์สามีภรรยากัน ต่อให้คุณอยากมอบให้กับคุณนายบุริศร์ก็ตาม เกรงว่าคนในบริษัทพวกนั้นก็ไม่เห็นด้วย"
คำพูดของทนายความปวินออกมาปุ๊บ บุริศร์ขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น
"พ่อตาแม่ยายฉันเซ็น?"
"ใช่!เมื่อหลายวันก่อนนี่เอง!"
บุริศร์นึกถึงกับการหายตัวไปอย่างกะทันหันของคุณพ่อและคุณแม่นรมน ที่แท้ทุกอย่างล้วนวางแผนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
เป็นรเมศ!
รเมศให้พ่อแม่บ้านตระกูลธนาศักดิ์ธนยกเลิกภูมิลำเนาของนรมน
เพื่อให้เขากับนรมนไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆอีก
เพียงแต่ว่าทำไมพ่อแม่บ้านตระกูลธนาศักดิ์ธนถึงได้รับปาก?
ทำไมถึงเซ็นไปแล้วหล่ะ?
บุริศร์คิดไม่ออกและไม่อาจเข้าใจ
ตอนนี้ก็ไม่มีเวลาให้เขาได้คิดมาก
"ทนายความปวิน ถ้าหากตอนนี้ฉันแต่งงานกับแคทเธอรีแล้วละก็ ระหว่างเราสามารถมีความสัมพันธ์ที่เป็นสามีภรรยากันมั๊ย?”
คำพูดของบุริศร์ทำให้ทนายความพยักหน้า เพียงแต่ว่ากลับพูดเสียงทุ้มต่ำว่า "คุณชายบุริศร์ ที่นี่คืออเมริกา คุณกับคุณนายบุริศร์ต้องการจดทะเบียน ฉันคาดว่าไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น ยังไงซะพวกคุณมีเรื่องบาดหมางกับรเมศ"
คำพูดนี้เท่ากับบอกกับบุริศร์โดยตรงว่า อยากจดทะเบียนที่อเมริกา รเมศอาจจะขุดหลุมรอพวกเขามาตั้งนานแล้ว
ผู้ชายคนนี้จะไม่ต่อสู้กับคุณอย่างเปิดเผยเลยด้วยซ้ำ คนและสิ่งของที่เขาต้องการ ไม่ว่าต้องใช้วิธีอะไรก็ตามเขาก็ต้องแย่งชิงมาให้ได้
"ฐานะของแคทเธอรีสามารถไปจดทะเบียนกับฉันที่ต่างประเทศมั๊ย?"
"ก็ได้อยู่ เพียงแต่ว่าบัตรประชาชนภูมิลำเนาทั้งหมดเหมือนอยู่ในมือของคุณชายรเมศ"
คำพูดนี้ของทนายความปวินเท่ากับบอกกับบุริศร์โดยตรงว่า อยากแต่งงานกับแคทเธอรี จำเป็นต้องให้รเมศเอ่ยปาก
ห้าปีก่อนหลังรเมศช่วยเหลือนรมน ให้ฐานะใหม่กับนรมน ตั้งแต่ตอนนั้นคาดว่าเขาก็กะจะควบคุมนรมนไว้
"ใช้บัตรประชาชนไม่ได้หรือ?"
"คุณนายบุริศร์เป็นคนอเมริกาเชื้อสายจีน อยากจดทะเบียน ต้องให้ผู้มีอำนาจในท้องถิ่นยืนยันฐานะของเธอถึงจะได้ ส่วนตอนนั้นคนที่พิสูจน์ให้กับคุณนายบุริศร์คือรเมศ รเมศจำเป็นต้องอยู่ในเหตุการณ์ อีกทั้งพิสูจน์ให้กับเธอถึงจะได้"
บุริศร์ได้ยินกฏนี้ โมโหทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย