"นี่เป็นกฏบ้าบออะไรกันเนี่ยะ?"
บุริศร์โมโหต่อหน้าคนอื่นน้อยมาก
ทนายความปวินอยู่กับบุริศร์มาตั้งหลายปี ย่อมรู้นิสัยของเขาดีอยู่แล้ว ตอนนี้เห็นบุริศร์โมโหขนาดนี้ ก็จัดการยากขึ้นมาหน่อย
"คุณชายบุริศร์ ทำไงได้หล่ะ คุณเป็นสวรรค์ของเมืองชลธี แต่ว่ารเมศเป็นสวรรค์ของที่นี่"
"หรือว่าไม่มีวิธีอื่นเลยหรือ?"
ทนายความปวินส่ายหน้า
บุริศร์รู้สึกหดหู่ใจสุดๆ
ขณะนี้ ทนายความปวินได้รับโทรศัพท์สายนึง จากนั้นสีหน้ายิ่งดูแย่ไปใหญ่
"เป็นอะไร?"
"คุณชายบุริศร์ เมื่อสักครู่ฉันได้รับข่าวสารจากสำนักงานข้าราชการทางโน้น รเมศสามารถยืนยันกับสำนักงานข้าราชการว่า แคทเธอรีได้ตายไปตั้งนานแล้วเมื่อห้าปีก่อน คุณนายบุริศร์ในตอนนี้เป็นผู้ไร้สัญชาติ"
คำพูดนี้ออกมาปุ๊บ บุริศร์แทบอยากจะวิ่งไปตรงหน้ารเมศและชกต่อยเขาให้น่วมไปเลย
คนต่ำช้าสารเลวคนนี้!
เขาถึงกับทำให้นรมนกลายเป็นคนไร้สัญชาติ
บัญชีของภายในประเทศได้ยกเลิกไปแล้ว แคทเธอรีในต่างประเทศก็ไม่มีฐานะแล้ว ตอนนี้อย่าว่าแต่จะแต่งงานกับนรมนเลย แม้แต่นรมนอยู่ต่อที่อเมริกาก็เป็นไปไม่ได้เสียแล้ว
"ให้พฤกษ์จัดคนส่งคุณนายออกไปจากอเมริกาเดี๋ยวนี้!"
บุริศร์ตัดสินใจในเวลาที่คับขันเช่นนี้
ไม่ว่ารเมศติดตั้งอุปสรรคให้กับเขาเท่าไหร่ เขาก็รับไว้โดยดี แต่ว่าถ้าหากเอานรมนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เรื่องนี้ก็ยากซะแล้ว
ตอนนี้พฤกษ์ก็รู้ดีว่าเรื่องนี้หนักหนาสาหัส
รเมศใช้วิธีที่เชื่องโยงกันอย่างไม่หยุดไม่หย่อน ต้องมีใครสักคนคอยรับมือดีๆ
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเขาทำเรื่องต่ำช้าที่ทำให้คนคาดไม่ถึง จึงทำให้คนป้องกันไม่ได้
พฤกษ์รีบไปที่ห้องนอนอยากฉวยโอกาสตอนที่นรมนยังหลับอยู่พาเธอจากไป กลับคิดไม่ถึงไม่รู้ว่านรมนรู้อยู่เต็มอกหรือว่าอะไร ถึงกับตื่นขึ้นมาซะงั้น
"ทำอะไรง่ะ?ตื่นตระหนกเชียว?บุริศร์หล่ะ?"
นรมนเห็นร่างกายตัวเองใส่ชุดนอนอยู่ ถึงวางใจ
เธอกลัวจริงๆว่าบุริศร์ไม่ได้ใส่ชุดนอนให้กับเธอ ถ้าโป๊ขึ้นมาแย่เลยนะเนี่ย
พฤกษ์เห็นว่านรมนตื่นแล้ว หดหู่ใจทันที
"คุณนายครับ ทำไมคุณนายตื่นเร็วจังหล่ะครับ?"
"พูดอะไรเนี่ย?ฉันไม่ตื่นตอนนี้ นายกะจะให้ฉันหลับไปจนถึงตอนกลางคืนเลยรึไง?ที่สำคัญรเมศทางโน้นต้องมีการเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน ฉวยโอกาสตอนที่เขายังสามรถแยกร่างไปทำอย่างอื่น รีบไปจัดการอย่างเร่งด่วน ฉันกับบุริศร์ไปจากอเมริกาเดี๋ยวนี้"
นรมนพูดอยู่ก็ลุกขึ้นมาทันที
พฤกษ์รู้สึกว่านรมนตัดสินใจได้รวดเร็วทันใจมาก น่าเสียดายพวกเขาต่างคิดไม่ถึงความร้ายกาจ และความรอบคอบของรเมศ
เห็นว่าพฤกษ์ยังไม่มีการเคลื่อนไหว นรมนหดหู่ใจเล็กน้อย
"เป็นอะไร?ทำไมยังไม่ไปจัดการอีก?เกิดเรื่องอะไรอะไรรึเปล่า?"
เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างกะทันหัน
พฤกษ์พยักหน้า จึงพูดกับนรมนเรื่องที่รเมศได้ยกเลิกภูมิลำเนาของเธอไปทั้งหมดแล้ว และพูดเรื่องที่สถานที่ที่ก่อสร้างอีกด้วย เขารู้ว่าตอนนี้เรื่องราวหลายอย่างไม่มีความจำเป็นต้องปิดบังนรมนอีกแล้ว
นรมนไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไป
หลายครั้งหลายคราวเธอรู้ว่าตัวเองควรทำยังไง
สีหน้าของนรมนดูแย่ขึ้นมาทันที
"เป็นไปไม่ได้ พ่อแม่ของฉันไม่มีทางเซ็นสัญญาฉบับนั้นเด็ดขาด"
"แต่ว่าความจริงเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าพ่อแม่บ้านตระกูลธนาศักดิ์ธนทำไมถึงเซ็น ถูกคนวางแผนรึเปล่า ตอนนี้เป็นความจริงไปแล้ว ที่ต่างประเทศและภายในประเทศ ตอนนี้คุณก็คือคนไร้สัญชาติ ถ้าหากรเมศทำเด็ดขาดกว่านี้อีกหน่อย เป็นไปได้สูงมากอีกไม่นานตำรวจก็มาถึงแล้ว และพาคุณไปทันที สำหรับคนไร้สัญชาติ พวกเขาจะจัดการยังไงเราไม่รู้เลยจริงๆ"
นี่ถึงจะเป็นสิ่งที่บุริศร์กับพฤกษ์กังวล
ที่อเมริกาคนไร้สัญชาติมีไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ว่าคนไร้สัญชาติถูกจับมาโดยตลอด หลังจากถูกจับส่งไปที่ไหน และต้องรับกับสถานการณ์แบบไหนซึ่งไม่มีใครรู้
ตอนนี้นรมนถึงกับถูกรเมศทำให้กลายเป็นคนไร้สัญชาติ ถ้าอย่างนั้นเขาต้องการผ่านมือตำรวจพาตัวนรมนไปจากข้างกายบุริศร์
นรมนก็คิดถึงความหนักหนาสาหัศของเรื่องนี้
"แต่ว่าฉันสามารถไปไหนได้หล่ะ?ต่อให้กลับไปที่ประเทศ ฉันยังคงเป็นคนไร้สัญชาติอยู่ดี"
"ประธานบุริศร์กำลังคิดหาวิธีอยู่ครับ เพียงแค่คุณนายไปจากที่นี่ก่อน และกลับประเทศไปก่อน ประธานบุริศร์ต้องมีวิธีให้ฐานะกับคุณแน่นอน"
พฤกษ์รู้สึกว่าเรื่องนี้บุริศร์ต้องทำอย่างสุดความสามารถ แต่ว่าสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือนรมนอยู่ที่นี่ไม่ได้ หนึ่งวินาทีและหนึ่งนาทีก็ไม่ได้ทั้งนั้น
นรมนก็รู้ดีว่าตัวเองควรไปจากที่นี่ทันที แบบนี้ดีต่อทั้งตัวเธอและบุริศร์ แต่ว่าทิ้งบุริศร์อยู่ที่นี่คนเดียว เธอไม่ไว้ใจเลยจริงๆ
"บุริศร์หล่ะ?"
"อยู่ในห้องหนังสือ"
นรมนยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลยด้วยซ้ำ ก็วิ่งเข้าไปในห้องหนังสือโดยตรง
"บุริศร์!"
เธอผลักประตูห้องหนังสืออย่างกะทันหัน ถึงได้พบว่าในห้องหนังสือยังมีคนอื่นอยู่ด้วย
"ขอโทษด้วย ฉันไม่รู้……"
นรมนเหมือนกับเด็กที่ทำความผิด ท่าทางตื่นตระหนกและไม่สบายใจอย่างยิ่ง
บุริศร์เห็นเธอวิ่งออกมาด้วยเท้าเปล่า ขมวดคิ้วเล็กน้อย
"ร้อนใจแค่ไหนก็ตามต้องใส่รองเท้าด้วยสิ ร่างกายของคุณไม่แข็งแรงรู้รึเปล่า?"
ตั้งแต่กลับมาจากรเมศทางโน้น ร่างกายของนรมนก็ไม่อ้วนขึ้นมาอีกเลย ผอมแห้ง ทำให้คนรู้สึกเอ็นดู ถึงแม้ความอยากอาหารยังคงใช้ได้ แต่ยังไงซะก็ทานได้ไม่มากเท่าไหร่
เขารีบลุกขึ้นมาและเดินเข้าไป อุ้มตัวนรมนขึ้นมาในแนวขวาง วางเธอลงไปที่เก้าอี้ จากนั้นให้คนส่งรองเท้าแตะมา ไม่สนใจเลยว่าทนายความปวินอยู่หรือไม่ คุกเข่าลงไปซะงั้น วางขานรมนไว้บนตักของตัวเองโดยตรงและนวดไปสองครั้ง
"วันหลังจำไว้ด้วยนะ พื้นเย็นเกินไป อย่าออกมาโดยที่ไม่ใส่รองเท้าแบบนี้"
เสียงของบุริศร์ไม่ดังเท่าไหร่ ยิ่งไปกว่านั้นมีความดึงดูด แต่ว่านรมนกลับเขินอายเล็กน้อย
ถูกบุริศร์ตามใจต่อหน้าคนอื่นเช่นนี้ เหมือนกับตัวเองเป็นเด็กน้อย ความรู้สึกแบบนี้อีกทั้งหวานชื่นและเขินอาย
เธอหดขาเข้ามาแล้วพูดว่า "ฉันทำเองเถอะนะ"
"อย่าขยับ ขาเย็นเจี๊ยบเลย ต้องถูๆ และนวดๆซะหน่อย"
พูดอยู่ บุริศร์นวดๆถูๆที่ฝ่าเท้าของเธอ ความร้อนระอุมาเป็นระยะๆ ทำให้นรมนรู้สึกแก้มร้อนขึ้นมา
ทนายความปวินเห็นภาพนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ว่าอะไร มุมปากกลับยกขึ้นมายิ้มแย้มอ่อนๆ
ความรักระหว่างพวกเขาเหมือนกับช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ถึงแม้ไม่ต้องแสดงออกมา แต่ก็เผยออกมาด้วยท่าทางและการกระทำ รู้สึกซาบซึ้งและตื้นตันใจดั่งตัวเองได้รับ ซึ่งรู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัว
นรมนแทบอยากจะดึงขาตัวเองกลับมา ดีนะบุริศร์ใช้เวลาไม่นาน หลังจากนวดไปสองครั้งก็สวมใส่รองเท้าให้กับนรมนเรียบร้อย จากนั้นพูดขึ้นมาก่อนที่นรมนยังไม่ได้เอ่ยปากพูด "ถ้าหากเป็นเพราะว่าคุณจะอยู่ที่นี่ต่อแล้วละก็ อย่าพูดเลย คุณจำเป็นต้องไปตอนนี้เลย"
คำพูดของบุริศร์ทำให้ตัวเองคิดถึงจุดประสงค์ที่ตัวเองมา
เธอมองดูบุริศร์ และพูดเสียงทุ้มต่ำว่า "ฉันรู้ ฉันจำเป็นต้องไป ตอนนี้ฉันอยู่่ที่นี่สำหรับคุณแล้วเป็นการข่มขู่อย่างนึง สำหรับฉันก็เป็นอันตรายอย่างนึง ขอโทษนะทำให้คุณพลอยลำบากไปด้วย ถ้าหากไม่ใช่ฉันดูคนไม่เป็นในห้าปีที่ผ่านมานี้ ตอนนี้เราก็น่าจะไม่เป็น........"
"เรื่องได้ผ่านไปแล้วอย่าพูดอีกเลยนะ ไม่มีใครเป็นคนฉลาดมาโดยกำเนิด และมองทุกอย่างได้อย่างกระจ่างแจ้ง ในเมื่อเรื่องราวได้เกิดขึ้นมาแล้ว เราเผชิญกับมันก็พอแล้ว ฉันทางนี้มีธุระเร่งด่วนที่ต้องจัดการ ไม่ไปส่งคุณแล้วนะ อีกอย่างถ้าฉันไปส่งคุณ เป็นไปได้สูงมากอาจจะเปิดเผยเบาะแสของคุณ เพราะฉะนั้นนรมน เพื่อฉัน และเพื่อลูกๆ คุณต้องรักษาตัวดีๆนะ"
บุริศร์อาลัยอาวรณ์นรมนและไม่อยากให้เธอจากไป
เวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันไม่นานจริงๆ แต่ว่าตอนนี้เขาไม่ให้เธอไปไม่ได้เสียแล้ว
เป็นเขาเองที่ประเมินวิธีและความเป็นคนของรเมศต่ำเกินไป ถึงได้ทำให้พวกเขากลายเป็นคนถูกกระทำ
ตอนนี้หวังแค่ว่าให้นรมนกับลูกๆได้อยู่อย่างปลอดภัยก็พอแล้ว
"ฉันได้โทรศัพท์ให้กับธรณีแล้ว เขาอยู่ในประเทศยืนยันความปลอดภัยทุกอย่างของพวกคุณ"
ตอนนี้คนที่บุริศร์สามารถเชื่อใจได้ก็มีแต่ธรณีเท่านั้นแล้ว
นรมนพยักหน้า ถึงแม้อาลัยอาวรณ์ก็ตาม แต่ว่ากลับรู้ดีว่าตัวเองจำเป็นต้องจากไปแล้ว"
เธอกอดบุริศร์เอาไว้แน่นๆ พูดเสียงทุ้มต่ำว่า "ไม่ว่าฉันจะเป็นฐานะอะไรก็ตาม อยู่ที่คุณตรงนี้ และอยู่ที่ฉันตรงนี้ เราก็เป็นสามีภรรยากัน!ฉันรอคุณกลับมานะ!"
"อืม"
บุริศร์ไม่ได้พูดคำพูดอื่น แต่ว่ากลับกอดนรมนเอาไว้แน่นๆ
เมื่อไม่นานมานี้ทั้งคู่ยังนัวเนียอยู่บนเตียงอยู่เลย ตั้งหน้าตั้งตารอคอยชีวิตที่มีความสุข ตอนนี้กลับต้องจากกันไปเสียแล้ว ความรู้สึกแบบนี้ไม่ใช่ว่าพูดกันแค่คำสองคำก็สามารถเข้าใจได้เลย
หลังจากบุริศร์กอดนรมนสามวินาทีก็ผลักเธอออกไป
"รีบไป!ตามนิสัยของรเมศ เกรงว่าตำรวจใกล้จะมาถึงแล้ว"
เขาไม่เร่งนรมนจากไปไม่ได้
จากกันย่อมเสียใจอยู่แล้ว แต่ว่าไม่มีใครสามารถหนีคำว่าจากกันไปได้เลย
นรมนมองดูบุริศร์อย่างลึกซึ้ง พูดเสียงทุ้มต่ำว่า "จากกันเพื่อสิ่งสวยงามในยามที่เจอกันในครั้งต่อไป บุริศร์ ฉันหวังว่าเราจะพบกันอีกครั้งนะ"
แน่นอน!ปลายสุดขอบฟ้า ฉันต้องการแค่คุณ"
คำพูดนี้ของบุริศร์เท่ากับให้คำมั่นสัญญากับนรมน
เธอยิ้มแย้มอ่อนๆและหันหลัง จากไปอย่างไม่ลังเลใดๆ
พฤกษ์ได้เก็บข้าวของของนรมนเรียบร้อยแล้ว เห็นนรมนออกมาก็พูดเสียงทุ้มต่ำว่า "คุณนายครับเราไปที่ยอดเขาโดยตรงด้วยทางลัดนะครับ ที่นั่นได้เตรียมพร้อมเครื่องบินส่วนตัวไว้แล้วนะครับ เพียงแค่ไปจากที่นี่ ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น"
"ไปเถอะ"
นรมนยังไม่ทันได้ดูหน้าตาบ้านเดี่ยวในอเมริกาของบ้านตระกูลโตเล็กเลย ตอนนี้ถูกบีบบังคับให้ไปจากที่นี่เหมือนกับสุนัขที่ไร้บ้าน
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าไฟไหม้เมื่อห้าปีก่อนจะทำให้ตัวเองกลายเป็นคนที่ไร้สัญชาติ ตอนนี้การจู่โจมที่มาแบบไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้ ทำให้เธอเกือบจะรับไม่ไหว
เพียงแต่ว่าบุริศร์พูดถูกแล้ว เพียงแค่พวกเขารักกัน และเพียงแค่ในใจของพวกเขามีกันซึ่งกันและกัน อุปสรรคแบบไหนก็ไม่เป็นไรไม่ใช่หรอ?
นรมนขึ้นรถไปแล้ว และจากไปแบบไม่หันหลัง
เธอไม่กล้าหันหน้ากลับไป
กลัวว่าเห็นใบหน้าของบุริศร์จะทำให้เธออาลัยอาวรณ์และไม่อยากจากไป
บุริศร์ยืนอยู่ใต้หน้าต่าง มองดูรถยนต์คันนั้นที่คุ้นเคยซึ่งพาผู้หญิงที่ตัวเองรักไปจากที่นี่ แววตาของเขาเย็นชาเล็กน้อย มือทั้งคู่จับไว้แน่นๆ
รเมศ คุณยั่วโมโหฉันแล้วจริงๆ!
บุริศร์ตะคอกอยู่ในใจ สีหน้าท่าทางกลับไม่มีการเคลื่อนไหว เพียงแต่ว่าดวงตาที่ดูเฉี่ยวคูนั้่นได้เปลี่ยนสีไปแล้ว
รถยนต์แล่นอยู่บนถนนอย่างเร็วรีบ ขณะที่พวกเขากำลังเลี้ยว รถยนต์ตำรวจเป็นคันๆได้ตรงไปที่บ้านเดี่ยวของบุริศร์แล้ว
นรมนขมวดคิ้วเล็กน้อย
ถ้าตัวเองตื่นสายอีกแค่ไม่กี่นาที และยังจู้จี้จุกจิกกับบุริศร์อีกไม่กี่นาที ตัวเองอาจจะกลายเป็นเหยื่อไปแล้วจริงๆ และถูกคนพาไปโดยสิ้นเชิง
ยังไงซะที่นี่เป็นอเมริกา
ต่อให้บุริศร์รู้จักคนอย่างกว้างขวางก็ช่วยอะไรไม่ได้ ถึงตอนนั้นได้แต่ให้คนรักเจ็บปวดใจและให้ศัตรูสะใจ
นรมนกลัวอยู่เป็นระยะๆ แต่สำหรับรเมศกลับรู้จักธาตุแท้ของเขาเสียแล้ว
ผู้ชายคนนี้ละเอียดถี่ถ้วนจริงๆ และร้ายกาจอย่างน่ากลัว ที่น่าเสียดายคือเธอถึงกับเพิ่งรู้จุดนี้
พฤกษ์ขับรถนิ่งมาก ตอนที่เห็นรถยนต์ตำรวจก็ไม่ได้ขับเกินความเร็ว แสดงท่าทางที่นิ่งสงบมาก คนในรถยนต์ตำรวจถึงไม่ได้สังเกตเห็น แต่ว่าหลังจากพวกเขาเลี้ยวไป นรมนสังเกตเห็นอย่างเซ็นซิทีฟ ข้างหลังพวกเขามีคนตามมาแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย