บทที่ 244 แบบนี้อันตรายมากเลยนะ
"มีคนตามเราอยู่"
เสียงของนรมนไม่ค่อยดัง กลับทำให้มือของพฤกษ์กระตุกแป๊บนึง
เวลาแบบนี้ คนที่สามารถตามพวกเขาไม่ใช่คนของบุรอศร์แน่นอน เป็นไปได้สูงมากน่าจะเป็นคนของรเมศ
บนหัวของพฤกษ์เริ่มมีเหงื่อไหลออกมา
"คุณนายครับ ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา คุณนายนั่งรถยนต์อื่นไปนะครับ ผมหลอกล่อพวกเขาไปเอง"
สีหน้าของนรมนเข้มขรึมเล็กน้อย
"สามารถมองเห็นพวกเขาเป็นใครมั๊ย?"
"มองเห็นไม่ชัดเลยครับ เพียงแต่ว่าไม่ใช่คนของเราอย่างแน่นอนครับ"
พฤกษ์เริ่มเร่งความเร็ว
อารมณ์ของคนในรถยนต์ทุกคนต่างตื่นเต้นกัน
นรมนไม่อยากทำให้คนมากมายต้องพลอยลำบากไปด้วย เธอมองดูรอบๆ พูดเสียงทุ้มต่ำว่า "ให้ฉันลงข้างหน้า พวกคุณขับรถยนต์ไป"
"คุณนายครับ!"
"ฟังฉันนะ เอาโลเคชั่นเครื่องบินให้ฉัน ฉันเข้าไปคนเดียว หรือว่าคิดหาวิธีอื่นไปจากที่นี่ ตอนนี้ไม่ว่ายังไงก็ให้คนของรเมศจับฉันไปไม่ได้ ฉันเป็นต้นทุนที่เขาสามารถเอามาข่มขู่บุริศร์ เพียงแค่ฉันไม่ปรากฏตัว เพียงแค่ให้พวกเขาตามหาฉันไม่พบ ก็ข่มขู่บุริศร์ไม่ได้แล้ว ใช่แล้ว สถานที่ก่อสร้างทางโน้นพวกนายพยายามช่วยเหลือบุริศร์อย่างสุดความสามารถก็แล้วกันนะ อย่าหาช่องโหว่จากความสัมพันธ์บุคคลเท่านั้น ไปดูสิว่าช่วงนี้ญาติผู้ตายต้องการเงินรึเปล่า เป็นไปได้สูงมากนี่อาจจะเป็นจุดแตกหัก"
คำพูดของนรมนทำให้พฤกษ์เข้าใจอย่างกะทันหัน
"ทำไมผมถึงนึกจุดนี้ไม่ออกนะ?"
"สะบัดพวกเขาออกไปก่อน จากนั้นตอนที่เลี้ยวไปข้างหน้าขับช้าๆหน่อย ฉันกระโดดลงจากรถยนต์โดยตรง"
นรมนตัดสินใจอย่างกล้าหาญ เกือบทำให้พฤกษ์ตกใจจนเบลอไปเลยทีเดียว
"คุณนายครับ คุณนายว่าไงนะครับ?กระโดดลงจากรถยนต์?แบบนี้อันตรายมากเลยนะครับ!"
"ดีกว่าฉันตายไปยังอันตรายกว่านี้อีก ถ้าถูกคนของรเมศจับได้จริงๆ ฉันเป็นตายเท่ากัน"
แววตาของนรมนมีความยืนหยัดกระพริบออกมาจากสีหน้า ทำให้พฤกษ์ไม่เห็นด้วยไม่ได้ซะแล้ว
นี่ก็คือภรรยาหัวหน้าครอบครัวของเขา!
แบบนี้สิถึงจะเหมาะสมกับท่านประธานบุริศร์ของพวกเขา!
ถึงแม้พฤกษ์ไม่ค่อยเห็นด้วยกับข้อเสนอของนรมนก็ตาม แต่ว่าตอนนี้เหมือนจะไม่มีวิธีอื่นแล้วจริงๆ
"คุณนายครับ คุณนายทำแบบนี้ ประธานบุริศร์ต้องฟันผมแน่ๆเลยครับ"
พฤกษ์ร้องไห้ไม่มีน้ำตา
นรมนพูดอย่างยิ้มแย้มว่า "ในใจของเขา นายสำคัญเช่นเดียวกัน"
คำพูดนี้พูดซะจนทำให้หัวใจของพฤกษ์อบอุ่นอย่างยิ่ง
หลายปีมานี้บุริศร์เห็นเขาเป็นคนที่เขาไว้ใจจริงๆ เขาอยู่ข้างกายของบุริศร์ ส่วนเรื่องใหญ่โตและเรื่องเล็กๆน้อยๆล้วนไม่เคยปิดบังเขาเลย พูดจริงๆเลยนะพฤกษ์ซาบซึ้งใจมากเลยทีเดียว ตอนนี้ได้ยินนรมนพูดแบบนี้อีก ดีใจโดยไม่รู้ตัว
"คุณนายครับ คุณนายต้องปลอดภัยนะครับ ถ้าคุณนายปลอดภัยแล้ว อย่าลืมโทรหาผมนะครับ หรือว่าโทรหาประธานบุริศร์ก็ได้ ผมคาดว่าตอนนี้เครื่องบินลำนี้ก็ใช้ไม่ได้แล้ว เราต้องหาวิธีอื่นไปจากที่นี่ให้ได้"
ตอนนี้ถือว่าพฤกษ์เห็นได้ชัดเจนแล้ว รเมศบีบบังคับเข้ามาอย่างทุกฝีก้าว จะพานรมนไปให้ได้ ไม่สนอะไรทั้งสิ้นแบบนี้ ชัดเจนมากเลยว่าเป็นไงเป็นกัน
นรมนพยักหน้า
รถยนต์ขับเลี้ยวไปที่เกียร์ต่ำ ขณะที่พฤกษ์ขับรถยนต์ชิดไปที่ข้างทาง ความเร็วรถยนต์ค่อยๆลดลง
"คุณนายครับ คุณนายระวังความปลอดภัยด้วยนะครับ"
"นายรีบไปเถอะ!"
นรมนเปิดประตูรถยนต์ออกมา มองดูทางออกข้างนอก พูดจริงๆนะ เธอกลัวจริงๆแหละ เพียงแต่ว่าคิดถึงสถานการณ์ของตัวเองและบุริศร์ในตอนนี้ นรมนก็ได้กัดฟันและหลับตาสู้ กระโดดออกไปโดยตรง
"พุ่ง"หนึ่งครั้ง นรมนกระโดดออกไปแล้ว หัวใจของพฤกษ์กระตุก ซึ่งไม่รู้ว่าตอนนี้นรมนเป็นยังไงบ้าง
นรมนไม่ใช่มืออาชีพที่ผ่านการฝึกฝน ยิ่งไปกว่านั้นเป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่อ่อนแอคนนึงเท่านั้น ตอนนี้สถานการณ์ที่อันตรายแบบนี้ เขาไม่รู้ว่านรมนได้รับบาดเจ็บรึเปล่า แต่ว่าตอนนี้ไม่มีเวลาไปคิดถึงพวกนี้แล้ว
พฤกษ์เร่งความเร็ว จากนั้นพุ่งออกไปแบบไม่ธรรมดา
ขาของนรมนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย หัวเข่าถลอก และเจ็บปวดแบบแสบๆ แต่ว่าเธอได้แต่หลบอยู่ที่นั่นแต่เธอขยับไม่ได้แล้ว และมองดูรถยนต์ข้างหลังซึ่งไล่ตามรถยนต์ของพฤกษ์ไปอย่างไม่ขาดสาย
เธอโล่งใจ รู้สึกว่าขาทั้งคู่เหมือนไม่ได้เป็นของตัวเองแล้ว
ตอนนี้ตัวเองควรไปไหนหล่ะ?
สถานที่ที่ไหนนะที่รเมศไม่รู้?
ที่ตรงนี้เธอใช้ชีวิตอยู่มาตั้งห้าปีแล้ว เพียงแต่ว่ารเมศใช้ชีวิตอยู่ที่นี่นานกว่าเธอเสียอีก เขาคุ้นเคยกับเธอขนาดนั้น ต้องการตามหาเธอช่างง่ายดายจริงๆ
ตอนนี้ถึงแม้ถูกพฤกษ์ดึงดูดไปแล้วก็ตาม นรมนกลับลำบากซะแล้ว เธอพบว่าฟ้าใหญ่แผ่นดินกว้าง ถึงกับไม่มีที่ที่ให้เธอหลบซ่อนตัว
เธอหลบอยู่ในป่าไม้ข้างทางมาโดยตลอด ต่อให้เจ็บขาจะตายอยู่แล้วก็ตาม ก็ไม่กล้าขยับตัวเลยแม้แต่นิดเดียว
ตอนนี้ที่ข้างนอกมีแต่คนของรเมศเต็มไปหมด ไม่แน่อาจมีคนของสถานีตำรวจร่วมด้วย เธอออกไปตอนนี้ต้องเกิดเรื่องอย่างแน่นอน
เธออยากโทรศัพท์ให้กับบุริศร์พูดว่าปลอดภัยดี กลัวว่ามือถือตัวเองถูกคนดักฟัง ตอนนี้ไม่มีข่าวของเธอถึงจะเป็นข่าวดีสำหรับบุริศร์หรอกมั้ง
นรมนรอจนถึงฟ้ามืด
หลังฟ้ามืดมิด อากาศของที่นี่หนาวเย็นจะตายอยู่แล้ว เธอใส่แค่เสื้อคลุมบางๆตัวนึง หนาวเย็นซะจนตัวเธอสั่นไปทั้งตัว
นรมนรอให้ไม่มีใครสักคนแล้วถึงจะมุดตัวออกมา เดินไปข้างหน้าด้วยขากระเผลก
เธอไม่รู้ว่าเดินแบบนี้ต่อไปสามารถเดินไปถึงไหน รู้แค่ว่าเธออยู่ที่นี่ไม่ได้
ลมเป่าอยู่ เหมือนกับสาดน้ำเย็นเข้ามา
นรมนไม่ได้ผ่านประสบการณ์ที่ไร้ที่พึ่งแบบนี้มานานมากแล้ว
ห้าปีก่อนเธอไร้ที่พึ่ง รู้สึกว่าทั้งโลกได้พังทลายลงมา ยิ่งไปกว่านั้นรู้สึกว่าตัวเองตายอยู่ในกองไฟครั้งนั้นอาจจะไม่ทรมานแบบนี้ ห้าปีต่อมา เธอก็ยังไร้ที่พึ่งอยู่ดี เพียงแต่ว่าในใจกลับมีความหวัง
หน้าตาของบุริศร์และลูกๆลอยออกมาในหัวสมองของเธออย่างไม่ขาดสาย ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของบุริศร์ และเป็นหม่ามี้ของลูกๆ เธอล้มลงไปไม่ได้ ยิ่งให้รเมศสำเร็จไม่ได้เด็ดขาด
แต่ว่าทั้งหิวทั้งเหนื่อยและทั้งหนาวต่อให้เธอกัดฟันยืนหยัดต่อไปก็ตาม ก็ขัดขวางการสูญเสียแรงของร่างกายไม่ได้ หน้ามืดตามัวปุ๊บ ล้มลงไปที่พื้นโดยตรง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ รถยนต์คันนึงขับเข้ามาแบบช้าๆ ขณะที่ผ่านเข้ามาข้างกายของนรมนจึงจอดนิ่ง
ผู้หญิงคนนึงลงมาจากรถยนต์ อายุประมาณสี่สิบห้าสิบปี บุคลิกภาพดูดีมากๆ ตอนที่พบเห็นนรมนอึ้งเล็กน้อย และขมวดคิ้ว เหมือนกับกำลังพิจารณาอยู่ว่าควรช่วยเหลือเธอรึเปล่า
นิ่งไปประมาณหลายนาที ผู้หญิงถอนหายใจ จากนั้นลากนรมนขึ้นไปที่รถ ถึงจะขับรถออกไป
ตอนที่นรมนตื่นขึ้นมาอยู่ที่บ้านเดี่่ยวหลังนึงแล้ว
สไตล์การตกแต่งของบ้านเดี่ยวหลังนี้เป็นสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนเห็นแล้วรู้สึกผ่อนคลายสุดๆ
เธอมีความกลัวในเสี้ยววินาที กลัวว่าตัวเองจะหนีไม่พ้นการไล่ล่าของรเมศ และถูกรเมศจับตัวไว้ เพียงแต่ว่าเท่าที่เธอรู้ รเมศไม่ค่อยชอบสไตร์การตกแต่งแบบนี้
นรมนเปิดผ้าห่มออกมาถึงพบว่าเสื้อผ้าของตัวเองถูกคนเปลี่ยนให้เรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญขาที่ได้รับบาดเจ็บก็ถูกคนทำแผลให้เรียบร้อยแล้ว
เธอค่อยๆลงจากเตียง เปิดประตูห้องนอนและเดินออกมา
บ้านเดี่ยวเงียบสงบมาก เงียบซะจนเหมือนไม่มีใครเลย
นรมนสงสัยเล็กน้อย หลังเดินไปทั่วทุกห้องนอนยังคงไม่เจอใครสักคน หรือว่าหลังจากเธอถูกคนช่วยเหลือแล้วโยนเธอมาที่นี่?
เธอแปลกใจเล็กน้อย กลับพบว่ามีห้องมืดห้องนึงส่องแสงอ่อนๆออกมา
นรมนเดินเข้าไปช้าๆ
ห้องมืดคล้ายคลึงกับห้องรับแขก เพียงแต่ว่าหน้าต่างทั้งหมดถูกผ้าม่านปิดเอาไว้
ตอนที่นรมนเปิดประตูห้องนอน เห็นผู้หญิงคนนึงกำลังวาดภาพอยู่บนกระดาน
สิ่งที่เธอวาดคือภาพสีน้ำ วิวเป็นหลัก ปลายปากกาที่อิ่มเอิบทำให้นรมนรู้สึกว่าเหมือนคุ้นเคย และเหมือนเคยเห็นสไตร์ผลงานภาพวาดแบบนี้ที่ไหนมาก่อน
นรมนไม่ได้ออกเสียง ยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ เธอพบว่าผู้หญิงคนนี้มองแค่แผ่นหลังก็สวยมากแล้วนะ สวยซะจนเหมือนเป็นภาพวาดภาพนึงของที่นี่
ผู้หญิงไม่รู้ว่าเสร็จสิ้นการวาดภาพตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงลุกขึ้นมา กลับพบกับนรมนที่ยืนอยู่หน้าประตู
"คุณตื่นแล้ว?"
เสียงของผู้หญิงเพราะมาก
สาเหตุเกิดจากแสงสว่าง นรมนไม่สามารถมองเห็นหน้าของเธอได้อย่างชัดเจน เพียงแต่ว่าน่าจะเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนนึง
นรมนยิ้มแย้มอย่างมีมารยาท "ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้"
"ฉันก็แค่ผ่านมาพอดี ที่นั่นค่อนข้างเปลี่ยว คนผ่านไปน้อยมาก คุณถือว่าโชคดีมากเลยนะ"
ผู้หญิงไม่ได้ถามอย่างอื่น แต่ว่าเธอพบว่าตอนที่สายตาของนรมนมองไปที่ผลงานภาพวาดของเธอแววตามีสีสันขึ้นมา
"คุณวาดภาพเป็น?"
"เคยเรียนมาบ้าง เพียงแต่ว่าสู้ที่ท่านวาดไม่ได้"
คำพูดนี้เป็นความจริง
ความจริงนรมนชอบวาดรูป เพียงแต่ว่าหลังแต่งงานกับบุริศร์จึงละทิ้งไปเลย แล้วหลังจากมาถึงที่อเมริกาอีก เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ จึงต้องไปเรียนดีไซน์รถยนต์ วาดรูปเป็นแค่พื้นฐาน กลับไม่ได้ศึกษาเพิ่มเติม ตอนนี้ได้เห็นผลงานรูปภาพที่อิ่มเอิบไปด้วยความรักของผู้หญิงคนนี้ เธอรู้สึกเสียใจกะทันหัน เสียใจว่าทำไมตอนนั้นตัวเองไม่ยืนหยัดต่อไป?
ตอนที่ผู้หญิงได้ยินนรมนพูดแบบนี้ประหลาดใจเล็กน้อย
"น้อยมากที่มีผู้หญิงอย่างคุณซึ่งอายุยังเด็กก็ชื่นชอบการวาดภาพ"
"ฉันไม่เด็กแล้ว ใกล้จะสามสิบแล้ว"
นรมนไม่เคยรู้สึกว่าตอนเองยังสาวอยู่
ผู้หญิงมองดูเธอแล้วยิ้มแย้ม ชี้ไปภาพที่ตัวเองวาดเมื่อสักครู่และพูดว่า "คุณมีความคิดเห็นอะไร?"
"ความรักค่อนข้างละเอียดอ่อน เพียงแต่ว่าเหมือนมีความเศร้าศอกแฝงอยู่ ภาพที่ท่านวาดคือภูเขาและลำน้ำ พูดแบบแม่นยำเลยนะเพราะว่าคุณชอบภูเขาและลำน้ำถึงวาดใช่มั๊ยคะ?เพียงแต่ว่าฉันไม่รู้ว่าฉันรู้สึกผิดไปรึเปล่า ยังไงก็รู้สึกว่าในภาพของคุณมีรสชาติที่โดดเดี่ยวเดียวดาย"
นรมนไม่ได้ปิดบังความคิดเห็นของตัวเอง
ภาพภูเขาลำน้ำที่ผู้หญิงวาดเยี่ยมมากจริงๆ แต่ว่ากลับมีความเศร้าศอกเสียใจ ต่อให้เป็นเมฆที่อยู่ขอบฟ้าก็ตามก็ยังมีความว้าเหว่และความอ้างว้าง
ผู้หญิงอึ้งแป๊บนึง จากนั้นยิ้มแย้มออกมาอย่างขมขื่นและพูดว่า "ไม่ง่ายเลยที่คุณสามารถมองออก ฉันชื่อคิม เรียกคุณว่าอะไร?"
"ฉันชื่อนรมน"
นรมนแนะนำตัวเอง
ขณะนี้ไม่ว่าภายในประเทศมีนรมนคนนี้รึเปล่าก็ตาม ตั้งแต่เล็กจนโต เธอก็ยังเป็นนรมนอยู่ดี ต่อให้เคยเป็นแคทเธอรีมาห้าปีก็ตาม ตอนนี้เธอก็ยังเป็นนรมน
คิมยิ้มแย้ม ปิดไฟมืด จากนั้นเปิดไฟที่ห้องนอน
มีอยู่ชั่วขณะหนึ่ง นรมนปรับตัวไม่ได้กับแสงสว่างที่มาอย่างกะทันหัน รีบใช้แขนตัวเองปิดการมองเห็นของสายตาตัวเอง หลังจากค่อยๆปรับตัวจนชินถึงวางมือลง
คิมเอาภาพวาดเมื่อสักครู่ให้กับนรมน พูดอย่างยิ้มแย้มว่า "มอบให้คุณ หวังว่าคุณจะไม่รังเกียจนะ"
"ไม่หรอก"
นรมนถูกเอ็นดูจนตกตะลึง ขณะที่เงยหน้าขึ้นมาปุ๊บอึ้งไปโดยตรง
"คุณคือ คุณคือ......."
แววตาที่ประหลาดใจของเธอชัดเจนมากเลยทีเดียว ดังนั้นทำให้คิมอยากมองข้ามไปก็ทำไม่ได้
"ทำไมหรอ?คุณรู้จักฉัน?"
คิมไม่ค่อยมีอารมณ์สักเท่าไหร่ เพียงแค่ยักคิ้ว
หลายปีที่ผ่านมานี้เรื่องราวและผู้คนที่ทำให้เธอใส่ใจมีไม่มากแล้ว สีหน้าที่ประหลาดใจของผู้หญิงตรงหน้าตัวเองคนนี้ทำให้เธอประหลาดใจจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย