บทที่ 252 ทำการทดสอบDNA
“ได้แน่นอนอยู่แล้วค่ะ!”
นรมนไม่ได้คิดว่าจะเป็นอะไร
แค่เจาะเลือดเท่านั้นเอง นี่เป็นเรื่องปกติในจีน ยิ่งไปกว่านั้นคิมบอกว่าสามารถหาวิธีเรื่องตัวตนของตัวเองได้ นรมนก็รู้สึกตื่นเต้นมากแล้ว
ถึงแม้ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะมีอัตราความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน แต่ความหวังเล็กๆมันจะมีอยู่เสมอไม่ใช่หรือ?
ได้ยินนรมนรับปากแล้ว ในใจของคิมไม่ได้รู้สึกสบายใจเลย
เธอเอ่ยเสียงเบาว่า : “เธอมากับฉัน ที่นี่มีแผนกเจาะเลือด”
“โอ้!”
นรมนเดินตามหลังคิมไปอย่างเชื่อฟัง
ระหว่างทางมีคนทักทายคิมเป็นจำนวนมาก แต่ดูเหมือนว่าคิมจะไม่ได้ยินเลย ท่าทางเหมือนอยู่ในภวังค์
ถึงแม้ว่านรมนจะรู้สึกว่าเธอดูแปลกมาก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถาม
หลังจากทั้งสองมาถึงแผนกเจาะเลือด คิมก็พูดกับคนข้างในว่า : “ทำการเก็บตัวอย่างเลือดให้เธอด้วย”
“ได้ค่ะ หัวหน้าคิม”
แผนกเจาะเลือดเก็บตัวอย่างเลือดของนรมนอย่างรวดเร็ว
คิมพูดกับเธอว่า : “นรมน เธอไปรอฉันในห้องทำงานก่อน ฉันยังมีงานอยู่ทางนี้นิดหน่อย อีกสักพักจะไปหาเธอนะ”
“โอเคค่ะ!”
นรมนไม่สงสัยเธอเลยและเดินตรงกลับไปที่ห้องทำงานของคิม
คิมเห็นเธอเดินไปไกลแล้วจึงพูดกับคนในแผนกเจาะเลือด : “กลั่นส่วนประกอบของเลือดเอาไว้ นอกนั้นเก็บเข้าแฟ้ม ฉันยังต้องการเลือดนี้ทำอย่างอื่น”
“ได้ค่ะ หัวหน้าคิม รอสักครู่”
คนในแผนกเจาะเลือดได้จัดเก็บเลือดของนรมนอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นจึงแบ่งส่วนหนึ่งให้กับคิม
คิม หยิบเลือดออกไปจากสถานทูตและขับรถไปยังสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ของโรงพยาบาล
“ฉันต้องการทำการทดสอบDNA เร็วที่สุดจะต้องใช้เวลากี่วัน?”
“เร็วที่สุดจะใช้เวลาสองถึงสามวัน”
อีกฝ่ายนั้นรู้จักคิม เมื่อเห็นว่าคิมระมัดระวังเป็นพิเศษจึงกระซิบว่า : “ถ้าหากเป็นเรื่องด่วน วันครึ่งก็ได้แล้ว แต่พวกเราต้องทำงานล่วงเวลา”
“ต้องรบกวนแล้ว”
คิมส่งเลือดสองหยดให้
“นี่เป็นข้อมูลลับสุดยอด เปิดเผยให้ใครรู้ไม่ได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะผลการทดสอบ”
ความจริงจังของคิมทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความกดดัน
หลังจากออกจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ คิมถึงกลับไปที่สำนักงาน
นรมนนอนคว่ำหน้าหลับบนโต๊ะทำงานของคิมไปแล้วเพราะว่ารอนานเกินไป
มองเห็นนรมนหลับสนิทอย่างนี้แล้วในใจของคิมก็วุ่นวายสับสนเป็นอันมาก
เธอถอดเสื้อคลุมของตนเองแล้ววางไว้บนไหล่ของนรมน จากนั้นลุกขึ้นเดินไปยังตู้เก็บของที่อยู่ด้านข้าง ปลดล๊อครหัสของกล่องแล้วนำรูปถ่ายออกมาสามสี่ใบ
บนภาพนี้เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นรูปของเธอในวัยสาวถ่ายคู่กับชินทร
ในตอนนั้น ชินทรยังไม่ได้เป็นทหาร เป็นเพียงแค่จิตรกรและศิลปิน
เขาชอบท่องเขาลำเนาไพร ชอบวาดภาพสิ่งสวยงามทุกอย่าง พวกเขาพบกันในงานนิทรรศการศิลปะ เพราะมีภาษาเดียวกันทำให้ทั้งสองคนตกหลุมรักกันอย่างรวดเร็ว
ในตอนนั้นคิมมักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าท้ายที่สุดแล้วพวกเขาอยู่ด้วยกันจะกลายเป็นคู่ชีวิตที่ทำให้ทุกคนอิจฉา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าชินทรจะจากไป
เขาไม่ได้ทิ้งคำพูดไว้สักคำและไปที่สนามรบทันที
สำหรับคิมแล้วในช่วงเวลานั้นคือความมืดมิด เธอไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนแต่กลับต้องพบว่าตัวเองตั้งท้องแล้ว
ในสมัยนั้นการตั้งท้องโดยไม่แต่งงานจะต้องถูกผู้คนเยาะเย้ย โดยเฉพาะครอบครัวของเธอ ทุกคนจะไม่ให้อภัย
คิมเองก็เคยคิดที่จะเอาเด็กออก แต่ทุกครั้งที่ไปโรงพยาบาลก็ตัดใจทำไม่ลง จนสุดท้ายยิ่งหลายเข้าเดือนท้องก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เธอรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ก็ทำใจไม่ได้มากยิ่งขึ้น
เธอออกจากบ้าน ออกจากโรงเรียน ทิ้งเพื่อนและญาติพี่น้องที่รู้จักทั้งหมด แอบมาอยู่ที่หมู่บ้านเล็กๆบนภูเขาเพื่อรอคลอดลูก
ตอนที่เธอคลอดลูกออกมา เธอถึงได้พบว่าเธอไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กคนนี้ได้
เธอไม่เคยแต่งงานและยังมีอนาคตที่สวยงาม เธอไม่สามารถทำลายชีวิตทั้งชีวิตของตัวเองเพราะเด็กคนนี้ได้
ตอนนั้นก็มีสามีภรรยาอีกคู่หนึ่งที่คลอดลูกในเวลาเดียวกัน สามีภรรยาคู่นั้นก็ออกมาสร้างครอบครัว ยังเด็กมากและก็รักกันมาก แต่ว่าลูกของพวกเขาก็เสียชีวิตตั้งแต่กำเนิด
คิมไม่รู้ว่าในเวลานั้นตัวเองถูกครอบงำด้วยความคิดชั่วร้ายได้อย่างไร เธอติดสินบนแพทย์ของโรงพยาบาล เอาลูกสาวของตัวเองไปเปลี่ยนกับสามีภรรยาคู่นั้น และเธอก็ออกจากโรงพยาบาลโดยอุ้มทารกที่ตายแล้ว
หลังจากที่เธอจัดการกับทารกน้อยแล้ว ก็กลัวว่าจะมีคนมาสืบหาร่องรอยของเด็กคนนั้นจึงได้รับเลี้ยงเด็กจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้วนำกลับไปที่เมืองชลธี จากนั้นได้ส่งเด็กไปที่บ้านเด็กกำพร้าต่อหน้าทุกคน
ในเวลานั้นเธอได้ให้กำเนิดลูกสาวกลับจงใจรับเลี้ยงเด็กผู้ชาย เพราะไม่ต้องการให้คนของตระกูลทวีทรัพย์ธาดาหาเด็กคนนั้นพบ
แต่ว่าเธอไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่า ข่าวคราวของชินทรไม่กี่ปีต่อมาคือเขาถูกฆ่าตายในสนามรบ!
ในตอนนั้นคิมรู้สึกว่าท้องฟ้าได้ถล่มลงมา
เขาจะตายได้ยังไงกัน?
เธอกลับไปตามหาลูกสาวของตนเองอย่างบ้าคลั่ง นั่นเป็นสายเลือดเพียงอย่างเดียวระหว่างเธอกับชินทร
แต่ว่าสามีภรรยาคู่นั้นไม่ใช่คนของหมู่บ้าน พวกเขาไปที่นั้นก็เพียงเพื่อก่อร่างสร้างตัว ระหว่างทางจะเป็นอย่างไรก็เพียงเท่านั้น
หลังจากคลอดลูกแล้ว สามีภรรยาคู่นั้นก็จากไปไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาไปไหน
ท่ามกลางผู้คนมากมาย คิมสูญเสียเนื้อและเลือดเนื้อของตนไปเช่นนี้ สิ่งที่ตามหามานานแรมปีก็ไร้ซึ่งข่าวคราวใดๆ
ตอนนี้เธอมองดูรูปถ่ายตรงหน้าแล้วหวนคิดถึงความสัมพันธ์ของเธอกับชินทรทีละเล็กทีละน้อย น้ำตาก็เอ่อล้นขอบตาโดยทันที
เธอมองไปที่นรมนที่กำลังหลับใหลอีกครั้ง ถ้าหากนี่เป็นลูกสาวของพวกเขาจริงๆ เธอจะทำยังไง?
คิมรู้สึกสับสนวุ่นวายเหลือเกิน
ครั้งนี้นรมนไม่ได้นอนหลับอย่างสงบเลย เธอฝันว่าถูกคนไล่ฆ่าอยู่ในความฝันของเธอ รเมศไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่งโดยตลอด ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมวางมือ และบุริศร์ก็ถูกรเมศยิงใส่เพราะต้องการปกป้องเธอ
เลือดสีแดงฉานนั่นทำให้นรมนกรีดร้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับโดยทันที
คิมเก็บของอย่างรวดเร็วแล้วจัดการกับอารมณ์ของตัวเองเช่นกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...