บทที่ 262 นายหมดโอกาสแล้ว
“ทำบ้าอะไรของแกน่ะ”
ถึงขนาดนี้แล้วรเมศจะไม่เข้าใจได้ยังไงอีก
บุริศร์เพียงแค่นหัวเราะ แม้แต่คำพูดก็คร้านจะเอ่ยออกมา
เมื่อรเมศเห็นว่าบุริศร์ยังคงมีร่องรอยบาดเจ็บอยู่ทั่วร่าง ถึงแม้ว่าแขนของเขาจะได้รับการรักษาแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมัน ตอนนี้เลือดสีแดงไหลซึมลงมาตามเสื้อเชิ้ตสีขาว ดูแล้วน่าหวาดผวาไม่น้อย
ที่หลังมือของเขายังคงมีรอยม่วงช้ำ เลือดตรงตำแหน่งที่ถูกเข็มเจาะก็ยังไม่แห้งดี เห็นได้ชัดว่าเขาเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาล
รเมศกล่าวออกมาอย่างเย็นชาว่า “นายคิดว่าแค่พลังของตัวเองคนเดียวจะสามารถสั่นคลอนรากฐานของตระกูลวัชโรทัยได้อย่างนั้นเหรอ บุริศร์ นายอย่าสำคัญตัวเกินไปหน่อยเลย”
ท้ายที่สุดบุริศร์ก็เริ่มขยับบ้างแล้ว
เขาดึงแขนของรเมศ แล้วกดตัวอีกฝ่ายเข้ากับกำแพง จากนั้นก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “ถ้าหากนรมนยังอยู่ ฉันก็อาจจะพอเมตตานายอยู่บ้าง ถึงอย่างไรเมื่อห้าปีก่อนนายก็เคยช่วยชีวิตเธอเอาไว้ ทั้งยังเอ็นดูลูกๆ ของฉันไม่น้อย ไม่ว่านายทำอะไร ฉันก็จะพยายามลืมตาข้างหลับตาข้าง แต่นายทำเกินไปแล้ว ฉันจึงต้องสู้กลับ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น ฉันก็ยังเหลือทางรอดเอาไว้ให้นาย แต่ว่านะรเมศ ไม่ว่ายังไงนายก็ไม่ควรจริงๆ ไม่ควรที่จะแตะต้องนรมนของฉัน ไม่ควรที่จะให้แยมพานรมนไปอยู่เหนือน้ำ ไม่ควรที่จะต้องทำให้เธออยู่ในสถานภาพเป็นตายไม่แน่ชัด นายไม่รู้หรือยังไงว่านรมนเป็นยันต์ที่ใช้ปกป้องชีวิตนาย ในเมื่อตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว นายจะยังอวดศักดาของตระกูลวัชโรทัยอยู่ในอเมริกาต่อไปเพื่ออะไรอีก มีฉันแค่คนเดียวอาจไม่สามารถสั่นคลอนตระกูลวัชโรทัยของนายได้ก็จริง แต่ถ้าเป็นบริษัทร่วมทุนทั้งหมดล่ะ นายคิดว่าตระกูลวัชโรทัยต้องมีเงินเท่าไหร่ถึงจะสามารถสู้กับบริษัทร่วมทุนทั้งหมดได้อย่างนั้นเหรอ”
ประโยคนี้ทำให้สีหน้าของรเมศเปลี่ยนไปทันที
“เป็นไปไม่ได้! บริษัทร่วมทุนไม่มีทางที่จะร่วมมือกับคนอื่น แกไม่มีทางที่จะลากบริษัทร่วมทุนทั้งหมดเข้ามาได้ ไม่มีทางอย่างแน่นอน!”
บุริศร์กลับยกยิ้มเย้ยหยันแล้วพูดออกมาว่า “ถ้าหากฉันไม่ต้องการหุ้นส่วนนี้ของตระกูลวัชโรทัย ฉันก็สามารถให้เงินของฉันกับพวกเขาได้ไม่ใช่เหรอ นายคิดว่าพวกเขาจะยึดมั่นในหลักการแล้วไม่ให้ความร่วมมือนั้นเหรอ”
“บุริศร์ แกบ้าไปแล้ว ทำแบบนี้มันส่งผลดีกับแกตรงไหนกัน นี่ไม่ใช่เป็นการทำลายศัตรูหนึ่งพันแต่ตัวเองต้องเสียแปดร้อยอย่างนั้นเหรอ ตระกูลวัชโรทัยจบสิ้นก็จริง แต่ตระกูลโตเล็กเองก็ต้องสาหัสเหมือนกัน แกคิดจะทำอะไรกันแน่”
“คิดจะทำอะไรอย่างนั้นเหรอ นรมนไม่อยู่แล้ว ต่อให้ต้องชดใช้ด้วยตระกูลโตเล็ก ฉันก็ต้องฝังนายกับตระกูลวัชโรทัยให้ได้! ถ้าไม่ใช่เพราะว่านายเข้ามาพัวพัน ตอนนี้นรมนก็คงกลับเมืองชลธีไปกับฉัน จากนั้นก็ใช้ชีวิตในแต่ละวันอย่างมีความสุขไปแล้ว แต่เป็นเพราะนาย สถานะของเธอจึงไม่หลงเหลืออยู่แล้ว กลายเป็นบุคคลสูญหาย จำเป็นต้องซ่อนตัว ทว่ากลับถูกคนใจทรามวางแผนเล่นงาน ถ้าไม่ใช่เพราะว่านายพาเธอเอาไว้ข้างกาย จะเกิดเรื่องกับนรมนไหม รเมศ นายใช้ตระกูลวัชโรทัยในอเมริกามาคอยกดดันฉันตลอด ถึงขนาดจ้างนักฆ่ามาฆ่าลูกสาวของฉัน สำหรับเรื่องนี้แล้ว ถ้าหากนรมนยังอยู่ ฉันก็จะค่อยๆ คิดบัญชีกับนายอย่างช้าๆ แต่ตอนนี้คืนวันอันดีงามของนายจบสิ้นแล้ว”
ทันทีที่พูดจบของก็ปล่อยรเมศลง
เมื่อกี้นี้บุริศร์ไม่ได้แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ให้เขาเห็นเลยสักนิด แทบจะปัดแขนข้างนี้ของเขาออกไปเสียด้วย
รเมศยิ้มออกมาทั้งน้ำตาแล้วพูดว่า “นายคิดว่าฉันรู้ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเหรอ ฉันเองก็ไม่เคยคิดถึงมันมาก่อนเหมือนกัน! ฉันเป็นคนที่ไม่อยากจะให้เกิดเรื่องอะไรกับนรมนมากที่สุดต่างหาก ตั้งแต่ที่ช่วยเธอเอาไว้เมื่อห้าปีก่อนนั้น เธอก็กลายเป็นคนของฉันแล้ว ฉันช่วยเธอเปลี่ยนแปลงโฉมหน้า ทั้งยังมอบชีวิตใหม่ให้กับเธอ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะกมลต้องการไตละก็ ตอนนี้ฉันกับเธอก็คงมีความสุขกันไปแล้ว บุริศร์ นายเป็นคนที่ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ เป็นคนที่แย่งเธอไปจากฉัน”
“ใครก็แย่งตัวนรมนไปไม่ได้ทั้งนั้น ในใจของเธอมีแต่ฉันมาตลอด ถ้าเธอชอบนายจริงๆ เมื่อห้าปีก่อนก็มีโอกาสตั้งมากมาย แต่ว่านายก็ไม่เคยได้โอกาสเลยไม่ใช่เหรอ นรมนปฏิเสธนายมาตลอดห้าปี นายควรที่จะปล่อยมือได้แล้ว รเมศ รักใครคนน่ะมันไม่ผิดหรอกนะ แต่การทำร้ายคนอื่นเพียงเพราะความรัก นายคิดว่ามันเรียกว่ารักจริงๆ เหรอ ถ้าหากนรมนเลือกนายจริงๆ ฉันก็จะไม่เข้ามายุ่งและแย่งชิงเธอกลับไป แต่คนที่เธอรักคือฉัน คนที่เธอเลือกก็คือฉัน! แต่นายกลับเอาแต่อยากจะรั้งเธอไว้ตลอดเวลา วันนี้เกิดเรื่องกับเธอแล้ว นายกับสกุลวัชโรทัยจะต้องชดใช้”
บุริศร์พูดจบก็กลับไปนั่งบนเก้าอี้
มีแล็ปท็อปตัวหนึ่งตั้งอยู่ตรงหน้าเขา รเมศคุ้นเคยกับตัวเลขที่อยู่บนนั้นเป็นอย่างมาก
นัยน์ตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย
“ฉันไม่มีทางปล่อยให้แกทำสำเร็จหรอก! ไม่มีทาง! รากฐานนับร้อยปีของตระกูลวัชโรทัยไม่มีทางที่จะถูกโจมตีได้ง่ายแบบนี้แน่ บุริศร์ พวกเราจะรอดู”
“นายหมดโอกาสแล้ว!”
ทันทีที่พูดจบบุริศร์ก็ไม่สนใจรเมศอีก
ถึงแม้ว่ารเมศจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่เขาก็ไม่คิดจะอยู่ต่อ เรื่องในวันนี้ชัดเจนแล้ว บุริศร์ร่วมมือกับบริษัทร่วมทุนเพื่อปั่นป่วนการทำธุรกรรมด้านหลักทรัพย์ นี่ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายและเป็นอาชญากรรม!
เพียงเขาไปแจ้งความจับบุริศร์ แล้วหาหลักฐานเรื่องที่เขาร่วมมือกับบริษัทร่วมทุนพวกนี้ออกมาให้ได้ บุริศร์ก็จบแล้ว
รเมศรีบรุดออกไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เขาไม่มีเวลามาโต้เถียงกับบุริศร์แล้ว
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าบริษัทวัชโรทัยสำคัญกับเขามากที่สุด
บุริศร์อาจจะยอมชดใช้ด้วยตระกูลโตเล็กเพียงเพื่อให้นรมนได้รับความยุติธรรม แต่เขาไม่
เขาไม่สามารถที่จะยอมจ่ายสกุลวัชโรทัยเพียงเพื่อทวงความยุติธรรมให้กับนรมนได้
เขาทำไม่ได้!
เมื่อรเมศรู้ตัวว่ากำลังเผลอเลือกระหว่างตระกูลวัชโรทัยกับนรมน ทันใดนั้นก็อดรู้สึกว่าตัวเองน่าสมเพชไม่ได้
ตอนที่เขาบอกกับนรมนว่าเขาชอบเธอ อยากจะแต่งงานกับเธอ ไม่ว่าคนของตระกูลวัชโรทัยจะเห็นด้วยหรือไม่ เขาก็ต้องแต่งกับเธอให้ได้ ตอนนั้นรเมศยังรู้สึกว่าตัวเองช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน ความรักที่เขามีให้นรมนเป็นความจริง ศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าที่เขากล้าพูดแบบนั้น ก็เพราะเขารู้ว่าตระกูลวัชโรทัยไม่มีทางล้ม ไม่มีใครที่จะสามารถเอาชนะเขาได้ ต่อให้เป็นคุณนายวัชโรทัยก็ตาม
เงื่อนไขทั้งหมดนี้ก็ล้วนเป็นเพราะเขาคือท่านประธานของบริษัทวัชโรทัย เป็นทายาทของตระกูลวัชโรทัย และเป็นตัวแทนของชาวจีนที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอเมริกา
เมื่อนำสิ่งเหล่านี้มาเปรียบเทียบกับความเป็นธรรมของนรมน ทำให้รเมศค้นพบว่าเขาไม่สามารถทำอะไรให้นรมนได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ต้องสละตระกูลวัชโรทัย
เขาไม่ได้เข้มแข็งและกล้าหาญเหมือนบุริศร์
บุริศร์รู้ดีว่าการทำแบบนี้เป็นเรื่องผิดกฎหมาย รู้ดีว่าการทำแบบนี้อาจทำให้ตัวเองต้องติดคุก อาจสั่นคลอนรากฐานของตระกูลโตเล็ก แต่เขาก็ยังคงทำ
ถึงแม้รเมศจะไม่เต็มใจ แต่เขาก็พูดอะไรไม่ได้
ทันทีที่เขากลับไปถึงตระกูลวัชโรทัย เขาก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คุณนายวัชโรทัยฟัง เธอโมโหจนตีเขาเกือบตาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...