บทที่ 263 ชนะคนทั้งโลกแต่กลับต้องเสียเธอไป
“ผมขอพูดอะไรกับเขาสักสองสามประโยคได้ไหม”
รเมศพูดเบา ๆ โดยไม่หวังอะไรมากนัก แต่คนของศาลอัยการพยักหน้า จากนั้นก็ปล่อยให้เขาไป
บุริศร์มองเขาเดินมาทางตนเองด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ปล่อยคุณย่าของฉันไปซะ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ”
น้ำเสียงของรเมศไม่ได้ดังมาก แต่เขารู้ดีว่าบุริศร์ได้ยินมัน
บุริศร์มองหน้าเขาด้วยสายตาเยาะเย้ยแล้วพูดว่า “ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณย่าของนายอย่างนั้นเหรอ แล้วเรื่องของพวกเราเกี่ยวอะไรกับนรมนอย่างนั้นเหรอ เกี่ยวอะไรกับกมลลูกสาวของฉันอย่างนั้นเหรอ ตอนที่นายทำเรื่องทุกอย่างได้ปล่อยพวกเธอไปหรือเปล่าล่ะ”
“บุริศร์ นายชนะแล้ว รากฐานนับร้อยปีของตระกูลวัชโรทัยถูกทำลายด้วยมือของฉัน นายคิดว่ายังไงล่ะ”
รเมศโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว
ถ้าเขารู้ตั้งแต่แรกว่าบุริศร์เป็นคนที่ไม่สนใจอะไรเลยแบบนี้ บางทีเขาอาจจะลองพิจารณาไต่ตรองดู อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องพ่ายแพ้อย่างจนตรอกแบบนี้
บุริศร์กลับยิ้มหยันแล้วพูดออกมาว่า “นายคิดว่าฉันชนะแล้วอย่างนั้นล่ะ ขอแค่นายทำให้นรมนกลับมายืนอยู่หน้าฉันตอนนี้ได้ อย่าว่าแต่นายเลย ต่อให้เป็นตระกูลวัชโรทัยฉันก็ไม่เอา”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยความเจ็บปวด
ทันใดนั้นรเมศก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ บางทีเขาอาจจะยอมปล่อยวาง ปล่อยให้นรมนได้ไล่ตามความสุขของตัวเอง มองเธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ซึ่งคงดีกว่าตอนนี้มาก
“ขอโทษนะ”
บุริศร์ไม่ยอมรับคำขอโทษนี้ของรเมศ
“ไปสารภาพผิดที่ข้างในเถอะ”
รเมศรู้ดีว่าครั้งนี้บุริศร์โมโหมากจริงๆ ตระกูลวัชโรทัยจบสิ้นแล้ว คุณนายวัชโรทัยก็…
เขาถอนหายใจ แล้วหมุนตัวเดินออกไป
เมื่อเห็นว่ารถของศาลอัยการพารเมศออกไปจากตระกูลวัชโรทัย แววตาของบุริศร์ก็มืดลง ไม่ว่าใครก็ไม่อาจที่จะรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
พฤกษ์ไม่กล้าที่จะรบกวนบุริศร์ ทำได้เพียงรออย่างเงียบๆ
อยู่ๆ บุริศร์ก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่มีความหมายอะไรแล้ว
เขาทำลายตระกูลวัชโรทัย จัดการรเมศ ทำแม้กระทั่งจับแยมโยนลงทะเล แต่หลังจากที่เรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว เขาก็ยังคงเจ็บปวดเช่นเดิม
เขาคิดถึงนรมนจนแทบบ้า
เมื่อนึกถึงทุกรอยยิ้มและการเคลื่อนไหวของเธอ เขาก็มักจะมองเห็นภาพหลอน ราวกับว่านรมนยังคงอยู่ข้างกายเขา ราวกับว่าแค่หันไปก็จะมองเห็นเธอ
ทว่าเมื่อเขาหันกลับไป ก็พบแต่เพียงที่นั่งว่างเปล่า
รเมศมองเห็นถึงความเดียวดายของบุริศร์ แต่ไม่รู้ว่าควรจะปลอบเขาอย่างไร
“กลับกันเถอะ”
คุณหมอเข้าใจสถานการณ์ของเขาดี ขอแค่เขากลับไป อีกฝ่ายก็จะไม่ว่าอะไร เพียงแค่ทำการรักษาให้เขา หากบุริศร์จะไป คนเป็นหมอก็จะไม่ตามหา เพราะรู้ดีว่าตามไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ตอนที่ไมค์มาพบบุริศร์ ก็ได้รู้หมดแล้วว่าตอนนี้อีกฝ่ายทำอะไรกับรเมศเอาไว้บ้าง โชคดีจริงๆ ที่บุริศร์ไม่คิดจะเอาเรื่องตุลยาให้ถึงที่สุด ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กล้าที่จะพูดถึงเรื่องนี้
พอเห็นท่าทีลังเลแบบนี้ของไมค์แล้ว บุริศร์ก็เอ่ยเสียงต่ำว่า “ดูแลเธอให้ดีๆ อย่าให้ผู้หญิงคนนั้นมาปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก ไม่อย่างนั้นก็อย่ามาโทษฉันแล้วกัน”
นี่เป็นจุดขีดสุดของบุริศร์แล้ว
ไมค์พยักหน้าทันที แอบสาบานกับตัวเองว่าต่อให้เขาต้องขังตุลยาไปตลอดชีวิต ก็ไม่มีทางที่จะปล่อยให้เธอออกมาปรากฏตัวต่อหน้าบุริศร์อย่างแน่นอน
บุริศร์รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย จึงบอกให้ทุกคนออกไป รวมถึงพฤกษ์ด้วยเช่นกัน
ภายในห้องพักฟื้นว่างเปล่า อุณหภูมิภายในห้องดูเหมือนจะเย็นลงมาก
บุริศร์นั่งห่มผ้าแล้วมองไปที่แสงแดดด้านนอกอยู่บนเตียง ทว่าเขากลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นอะไรอีกแล้ว
ตอนนี้นรมนของเขาอยู่ที่ไหนกันแน่
จะมีชีวิตรอดเหมือนกับเมื่อห้าปีก่อนหรือเปล่า
ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งนั่งไม่ติด
เขาลุกขึ้นและขับรถไปที่ชายหาด
มีคนคนหนึ่งยืนอยู่บนชายหาด ผมยาวพัดปลิวไปตามกระแสลม ทำให้คนรู้สึกถึงความเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
คนคนนั้นก็คือคิม
บุริศร์ยืนเคียงข้างเธออยู่ตรงริมหาดโดยไม่พูดอะไร ทอดสายตามองไปยังทะเลที่ไร้จุดสิ้นสุด รู้สึกได้ถึงแรงกระตุ้น เพียงแค่เขากระโดดลงไปก็จะได้พบกับนรมนแล้ว
เมื่อคิมเห็นว่าคนที่มาคือบุริศร์ ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร
ทั้งสองคนยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่พูดอะไรสักคำ ปล่อยให้ลมทะเลกัดกร่อน มือและเท้าเย็นเฉียบ ไม่ต่างอะไรกับหัวใจ
ท้ายที่สุดแล้วบุริศร์ก็ยังคงรู้สึกอาลัยอาวรณ์
เขายังมีกมล
ลูกยังคงต้องการไตบริจาคของเขา ไม่เช่นนั้นแล้วนรมนจะสบายใจได้อย่างไร
เขาหมุนตัวกำลังจะเดินกลับออกไป ทันใดนั้นคิมก็พูดขึ้นมา
“คุณจะกลับประเทศเมื่อไหร่”
บุริศร์ชะงักเล็กน้อย เอ่ยเสียงเบาว่า “ไม่รู้สิ บางทีอาจจะไปพรุ่งนี้ หรือไม่ก็รออีกสักสองสามวัน”
“ฉันจะกลับไปพร้อมคุณ”
“หมายความว่ายังไง”
“นรมนเป็นลูกสาวของฉันกับชินทร ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่เธอคือบุคคลสูญหาย ตอนนี้เธอจากไปแล้ว ฉันก็อยากจะมอบตัวตนที่เธอสมควรได้ให้กับเธอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...