แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 264

บทที่ 264 เบาะแส

“ผมจะรีบส่งคนไปตรวจสอบทันที”

บุริศร์ตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว

ใช่แล้ว นี่ก็ผ่านมาตั้งหลายวันแต่พวกเขาก็ยังไม่พบศพของนรมน ไม่มีแม้กระทั่งศพที่ลอยขึ้นมา แถวนี้ก็ยังไม่มีข่าวเกี่ยวกับการกู้ซากศพ ถ้าอย่างนั้นนรมนไปไหนกันล่ะ

ไม่มีใครที่สามารถระเหิดหายไปจากโลกอย่างน่าประหลาดแบบนี้ได้หรอกนะ ถ้าหากเธอยังไม่ตายจริงๆ ไม่แน่ว่าอาจจะถูกคนช่วยไว้ก็ได้

บุริศร์รีบโทรศัพท์หาพฤกษ์ทันที

พฤกษ์ที่เพิ่งหลับไปด้วยความง่วงงุนถูกสายโทรศัพท์ของบุริศร์ปลุกให้ตื่นขึ้นมา เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงทำให้สติของตัวเองแจ่มชัดขึ้น

“ประธานบุริศร์ครับ”

“นายรีบไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้ว่าในคืนวันที่นรมนหายตัวไปมีเรือลำไหนเล่นผ่านน่านน้ำตรงนี้บ้าง”

น้ำเสียงของบุริศร์เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

พฤกษ์เข้าใจได้ในทันที

“ครับ ผมจะรีบไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้”

พอเห็นท่าทางที่เร่งรีบและจริงจังของบุริศร์แล้ว คิมก็รู้สึกสนใจขึ้นมา

“อีกนานแค่ไหนกว่าจะได้ข่าว”

“ไม่แน่ใจ แต่ว่าคุณไม่ควรที่จะยืนอยู่ริมหาดแบบนี้ พวกเรากลับไปรอข่าวในรถกันเถอะ”

บุริศร์เห็นริมฝีปากของคิมเปลี่ยนเป็นสีม่วง ก็กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดกับเธอขึ้นมา

ครั้งนี้คิมไม่ได้ปฏิเสธ

เธอรู้สึกตัวแข็งๆ นิดหน่อยแล้ว ตอนที่ยกเท้าขึ้นจึงติดขัดเป็นพิเศษ

บุริศร์ไม่ได้พูดอะไร เขาเแบกคิมไว้บนหลัง แล้วพาเธอเข้าไปในรถ

ในรถมีเครื่องทำความร้อนอยู่ บุริศร์หยิบกระติกน้ำร้อนออกมาแล้วส่งให้คิม

“ดื่มน้ำร้อนๆ ขับไล่อาการหนาวเย็นก่อนเถอะ ถ้ามีข่าวอะไรจากนรมนล่ะก็ พวกเรายังต้องรีบไป”

“อืม”

คิมรับแก้วน้ำมา

ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น

คิมมองมันแวบหนึ่ง จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์โยนออกไปทางหน้าต่างรถ

บุริศร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร

คิมยกยิ้มขมขื่น “ความจริงแล้วชาวีก็ดีกับฉันไม่เลว”

“แต่น่าเสียดายที่ในหัวใจของคุณไม่มีเขาสินะ”

“ใช่แล้ว ในหัวใจของฉันไม่มีเขาจริงๆ ในหัวใจของฉันมีผู้ชายอยู่แค่คนเดียวมาตลอดชีวิต แต่เขาจะจากไปนานแล้ว ตลอดหลายปีที่อยู่อเมริกาฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงแค่ร่างที่เดินได้เท่านั้น จนกระทั่งได้พบนรมน เด็กคนนั้นทำให้ฉันรู้สึกสบายใจและสนิทสนมมาก ถึงแม้ฉันจะรู้อยู่แล้วว่าคนคนนี้มีตัวตนที่ไม่แน่ชัด ทว่าฉันก็ยังพาเธอกลับไป แต่ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเธอจะเป็นลูกสาวแท้ๆ ที่หายตัวไปเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนของฉัน”

“บางครั้งโชคชะตาก็ประหลาดแบบนี้แหละ”

คิมมองไปยังความมืดด้านนอก ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ บางทีอาจจะกำลังคิดถึงชินทร หรือไม่ก็อาจจะกำลังคิดถึงนรมนอยู่ แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ยังคงเงียบ ไม่ได้พูดอะไรออกมา

บุริศร์เองก็ไม่ได้พูดอะไร เขามองไปที่ทะเลเงียบๆ คนเดียว ทว่าความจริงแล้วจิตใจของเขายังคงไม่เป็นสุข

นรมนจะต้องยังมีชีวิตอยู่

เธอจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน!

ความคิดนี้คอยประคับประคองเขามาตลอด

เวลาเพิ่งจะผ่านไปเพียงไม่กี่นาที แต่บุริศร์กลับรู้สึกเหมือนผ่านไปแล้วหนึ่งปี

เขาคอยดูเวลาอยู่ตลอด รู้สึกว่าเข็มนาฬิกาเดินช้าเกินไปแล้วจริงๆ

ฝั่งของพฤกษ์ยังไม่ส่งข่าวคราวอะไรมาสักนิด

เป็นเพราะคิมตากลมหนาวอยู่นาน พอได้กลับมาในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นอย่างข้างในรถ จึงเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

บางทีหลังจากที่เกิดเรื่องกับนรมน เธออาจจะไม่เคยได้หลับสนิทเลยสักคืน ตอนนี้ก็ยังคงหลับไม่สนิท แต่อย่างไรเธอก็หลับไปแล้วจริงๆ

บุริศร์หยิบผ้าห่มที่วางอยู่ข้างหลังมาห่มให้คิม

นี่เป็นสิ่งที่เขาเตรียมเอาไว้ให้นรมนโดยเฉพาะ

ผู้หญิงคนนั้นชอบหลับในรถ เขากลัวว่าเธอจะหนาว จึงให้พฤกษ์เตรียมผ้าห่มผืนบางเอาไว้

ตอนนี้เอง…

หัวใจของบุริศร์ก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาเล็กน้อย

ตอนที่ฟ้าเริ่มสว่าง พฤกษ์ก็ส่งข่าวคราวกลับมา

“ประธานบุริศร์ครับ ตรวจพบแล้วครับ วันนั้นมีเรือบรรทุกสินค้าแล่นผ่านน่านน้ำนี้จริงๆ ตอนนี้จอแสดงผลระบุว่าเรือบรรทุกสินค้านั้นเป็นของประเทศเรา การท่าเรือคนหนึ่งที่อยู่ภายใต้สังกัดของอำเภอน้ำสายในเมืองชลธีเพิ่งจะประจำการที่ท่าเมื่อวานนี้ครับ”

หัวใจของบุริศร์เต้นแรงจนฉุดไม่อยู่

“รีบกลับประเทศทันที ติดต่อไปหาการท่าเรือให้เขารั้งเรือบรรทุกสินค้าสองลำนี้เอาไว้ก่อน ตระกูลโตเล็กจะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นเอง”

“ครับ!”

หลังจากที่คิมซึ่งไม่รู้ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ได้ยินคำพูดนี้ของบุริศร์ จึงถามเสียงเบาว่า “มีข่าวคราวแล้วอย่างนั้นเหรอ”

“ว่ากันว่าตอนนั้นมีเรือบรรทุกสินค้าลำหนึ่งแล่นผ่าน ตอนนี้จอดอยู่ที่ประเทศ แต่ไม่รู้ว่ามีข่าวคราวของนรมนบ้างหรือเปล่า”

“ถ้าอย่างนั้นพวกเรายังจะรออะไรกันอยู่ รีบกลับกันเถอะ”

คิมร้อนใจไม่น้อย

บุริศร์กล่าวกับเธอว่า “คุณจะไม่กลับไปเก็บของก่อนเหรอ”

“ยังจะมีให้อะไรให้เก็บอีก หลายปีมานี้นอกจากตัวฉันเองกับรูปวาดพวกนั้นก็ไม่ได้เก็บของมีค่าอะไรเอาไว้แล้ว ส่วนเสื้อผ้าจะซื้อที่ไหนก็ได้ พวกเรารีบกลับกันเถอะ”

พอได้ยินคิมพูดแบบนี้ บุริศร์ก็ไม่ลังเลแล้ว

ทั้งสองคนขับรถกลับไปที่โรงพยาบาล หลังจากที่ได้พบกับพฤกษ์ ก็หยิบกระเป๋าสัมภาระตรงไปที่สนามบินทันที

เดิมทีพวกเขาคิดจะนั่งเครื่องบินโดยสารไป แต่ตอนนี้พฤกษ์ได้ติดต่อเครื่องบินส่วนตัวเอาไว้แล้ว บุริศร์กับคิมเดินทางกลับไปเมืองชลธีโดยไม่หยุดพัก

เป็นเพราะคิมรีบเดินทางกลับมา เลยไม่ได้จองโรงแรมเอาไว้ บุริศร์จึงให้เธอไปพักอยู่ที่บ้านของนรมน

หลังจากการอบรมพิเศษเสร็จสิ้น คมทิพย์ก็กลับมาที่คอนโด ตอนที่รู้ว่าบุริศร์กับนรมนกลับมาคืนดีกันแล้ว เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี แต่ตราบใดที่นรมนชอบ เธอก็จะสนับสนุน ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ชอบบุริศร์ก็ตาม

เธอลาออกจากงานในโรงเรียนอนุบาล จากนั้นก็เริ่มลงชื่อสมัครสอบใบคุณวุฒิ วางแผนที่จะเปลี่ยนงาน ตอนนี้จึงเอาแต่เรียนอยู่ตลอด

เมื่อบุริศร์พาคิมมา คมทิพย์ก็แปลกใจเล็กน้อย

“ลมอะไรพัดท่านประธานบุริศร์ผู้ยิ่งใหญ่มาที่อารามเล็กๆ แห่งนี้ได้อย่างนั้นเหรอคะ”

คมทิพย์ไม่คิดจะให้เขาเข้ามา

ถึงแม้ว่านรมนจะให้อภัยบุริศร์ แต่เธอกลับยังไม่สามารถเผชิญหน้ากับเขาอย่างสงบได้ขนาดนั้น ถึงยังไงเขาก็ทำให้นรมนต้องเจ็บปวดอยู่ตั้งห้าปี ถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่ากานต์หายตัวไปไหน ความโกรธเคืองที่คมทิพย์มีต่อเขายังคงแน่นอยู่ในท้อง

บุริศร์ไม่สนใจท่าทีของคมทิพย์ กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “คนคนนี้คือเพื่อนที่นรมนสนิทด้วยที่สุดคิมหัวหน้าคิม เธอเพิ่งจะกลับมาจากอเมริกา นรมนจึงอยากจะให้เธอพักอยู่ที่นี่ชั่วคราว”

“แล้วทำไมนรมนถึงไม่มาบอกกับฉันเองล่ะ”

คมทิพย์รู้สึกไม่ชอบมาพากลเล็กน้อย

บุริศร์กล่าวเสียงต่ำ “นรมนยังมีเรื่องที่ต้องจัดการ ตอนนี้ไม่สะดวกที่จะติดต่อเธอ”

“เรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอ”

“เรื่องที่เธอควรถามก็ให้ถาม ส่วนเรื่องที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม”

บุริศร์เริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้ว

หากคมทิพย์ยังคงถามต่อ เขาก็ไม่รู้ว่าจะยังปิดต่อไปได้ไหม

เมื่อเห็นว่าท่าทีของบุริศร์ไม่ค่อยดีนะ อีกทั้งคิมก็ดูไม่เหมือนคนเลว คมทิพย์จึงเปิดประตู

“เข้ามาสิ”

คิมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แต่ตอนที่คมทิพย์พาเธอไปยังห้องนอนของนรมน คิมก็ได้เห็นรูปภาพสมัยก่อนของนรมน ดวงตาของเธอจึงชื้นขึ้นมาแล้ว

ยกเว้นดวงตาคู่นั้น นรมนก็แทบจะเหมือนคิมอย่างกับแกะ

ก็เป็นลูกสาวของเธอนี่นา!

เธอผิดต่อการเติบโตตลอดยี่สิบปีของเด็กคนนี้ ถ้าหากครั้งนี้ได้พบกับนรมนอีก เธอก็ปรารถนาที่จะใช้อีกครึ่งชีวิตที่เหลืออยู่ร่วมกับลูกสาวของตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าความปรารถนานี้จะสามารถเป็นจริงได้หรือเปล่า

คมทิพย์เห็นคิมมองรูปของนรมนด้วยดวงตาแดงเรื่อ จึงถามอย่างไม่ค่อยเข้าใจว่า “เกิดอะไรขึ้นกับนรมนอย่างนั้นเหรอคะ”

“เธอเป็นเพื่อนเขาอย่างนั้นเหรอจ๊ะ”

คิมไม่ได้ตอบ ทั้งยังถามกลับไป

คมทิพย์พยักหน้า “พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกันค่ะ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกันและกัน”

“เล่าเรื่องของนรมนให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมจ๊ะ”

คำขออย่างกะทันหันของคิมทำให้คมทิพย์ประหลาดใจ แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธ

ทั้งสองคนนั่งคุยกันในห้องของนรมน

บุริศร์เห็นว่าพวกเธอเข้ากันได้ดีจึงออกจากคอนโดไป

เขารีบตรงไปยังอำเภอน้ำสาย ไม่แม้แต่จะกลับไปบ้านด้วยซ้ำ เพียงโทรไปหาคุณนายโตเล็กก็เท่านั้น

ตอนที่บุริศร์กับพฤกษ์ไปถึงอำเภอน้ำสาย อีกฝ่ายก็รอเขาอยู่ที่การท่าเรือแล้ว

“ประธานบุริศร์ โชคดีจริงๆ ครับ ไม่คิดเลยว่าคุณจะมาด้วยตัวเอง ไม่ทราบว่าคุณมีอะไรอยากจะแนะนำหรือเปล่าครับ”

ผู้บังคับบัญชาของการท่าเรือมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง

พวกเขาเคยได้ยินชื่อเสียงของบุริศร์มาบ้างแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงการก่อสร้างของเมืองชลธีตลอดหลายปีนี้ แค่ประวัติความเป็นมาของตระกูลบุริศร์พวกเขาก็รู้มาส่วนหนึ่งแล้ว

บุริศร์ไม่มีเวลามาสนใจคำยกยอปอปั้นของผู้บังคับบัญชา

“ผู้บังคับบัญชา ผมอยากจะรู้ว่าเรือบรรทุกสินค้าที่มาจากอเมริกาเมื่อวานนี้ยังคงเทียบท่าอยู่ที่นี่ไหม”

“ยังอยู่ครับ ทันทีที่ประธานบุริศร์โทรมาผมก็ให้พวกเขารั้งอยู่ที่นี่ก่อน ผมจะพาคุณไปดูตอนนี้เลย”

ผู้บังคับบัญชาของการท่าเรือรีบพาบุริศร์ตรงไปข้างหลังทันที

บุริศร์รู้สึกประหม่าและตื่นเต้น แต่เขาไม่แสดงออกทางสีหน้า

ทั้งสองคนเดินไปหากัปตันเรืออย่างรวดเร็ว

กัปตันเป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างกำยำ เป็นเพราะเขามักจะคอยล่องอยู่ในทะเลตลอดทั้งปี ใบหน้าเลยค่อนข้างที่จะดำ

“ประธานบุริศร์ครับ นี่คือกัปตันของเรือบรรทุกสินค้าแอร์ ชื่อว่าจริมครับ จริมนี่คือประธานของบริษัทฮัวยูกรุ๊ปจำกัด ประธานบุริศร์”

ผู้บังคับบัญชาสูดหายใจแล้วกล่าวแนะนำพวกเขา

จริมคิดไม่ถึงว่าประธานของฮัวยูกรุ๊ปจะต้องการพบตัวเอง จึงรู้สึกสับสนไปชั่วขณะ

“คุณตามหาผมมีอะไรหรือเปล่าครับประธานบุริศร์”

“พวกคุณกลับมาจากอเมริกาใช่ไหม”

บุริศร์รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

จริมพยักหน้าแล้วตอบว่า “ใช่ครับ เพิ่งกลับมาจากอเมริกาเมื่อวานนี้”

“ตอนที่แล่นผ่านน่านน้ำได้พบผู้หญิงที่หมดสติคนหนึ่งหรือเปล่า คุณได้ช่วยชีวิตเอาไว้ไหม”

บุริศร์รู้ดีว่าตัวเองค่อนข้างที่จะใจร้อน แต่มันช่วยไม่ได้ เขาทนต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ

จริมตะลึงไปชั่วขณะ หลังจากนั้นก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีครับ พวกเราจอดอยู่ที่นั่นประมาณห้านาทีเท่านั้น เพราะว่ามีสินค้าจำนวนหนึ่งจะต้องขึ้นฝั่ง และที่นั่นมีคนมาคอยรับอยู่พอดี นอกจากนี้ของก็ไม่ได้มาก มีเพียงไม่กี่กล่อง ขนย้ายเสร็จก็รีบออกมาทันที ไม่ได้พบผู้หญิงคนไหนเลยครับ”

ไม่มีอย่างนั้นเหรอ

คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่มี

ถ้าอย่างนั้นแล้วนรมนอยู่ไหนกันล่ะ

หรือว่าเธอจากไปแล้วจริงๆ

เห็นท่าทีโดดเดี่ยวของบุริศร์พฤกษ์ก็รู้ได้ทันที ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรออกมาแล้ว เพิ่งจะมีความหวังเล็กๆ ขึ้นมา แต่ตอนนี้ความหวังอันริบหรี่นั้นก็ได้พังทลายไปหมดแล้ว ไม่ว่าใครก็คงรับไม่ได้ทั้งนั้น

พฤกษ์ถอนหายใจและพูดกับจริมว่า "ขอบคุณครับ"

“ไม่เป็นไรครับ”

บุริศร์หมุนตัวเดินกลับออกไปอย่างเดียวดาย

เขารู้สึกว่าหัวใจตัวเองกำลังเจ็บปวดอย่างรุนแรง และไม่สามารถที่จะบรรเทาได้

เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับนรมนจริงๆ อย่างนั้นเหรอ

เขาไม่อยากยอมรับความคิดนี้ แต่ตอนนี้ยังมีคำอธิบายอย่างอื่นอยู่อีกอย่างนั้นเหรอ

ตอนที่บุริศร์กำลังจะเดินออกมาจากห้องรับแขก ทันใดนั้นก็ได้ยินจริมเรียกตามหลังมา

“ประธานบุริศร์ครับ ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่ได้พบหรือช่วยผู้หญิงคนไหนไว้ แต่ว่าเราพบว่ามีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นบนเรือ ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่คุณถามหรือเปล่า”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย