แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 270

บทที่ 270 คุณเหมือนสามีของฉันเกินไปแล้ว

“ผ่าตัดพรุ่งนี้อย่างนั้นเหรอ”

ข่าวนี้เรียกได้ว่าอยู่เหนือความคาดหมายของบุริศร์

ถึงแม้จะรู้ว่าสถานการณ์ของกมลไม่ค่อยดี แต่ก็ไม่คิดว่าจะแย่ขนาดนี้

คุณนายโตเล็กถอนหายใจแล้วพูดออกมาว่า “ครั้งนี้ร่างกายของกมลไม่สามารถแบกรับการเดินทางอันยาวนานนี่ได้อีกต่อไปแล้ว ถ้าหากเป็นไปได้ แม่ก็อยากให้นรมนห้ามให้กมลเดินทางไกลกลับมา แต่ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว พวกเราก็ทำได้เพียงแต่ต้องพยายามอย่างสุดความสามารถ หมอบอกว่าจะดีที่สุดถ้าได้เริ่มเตรียมการผ่าตัดภายในวันพรุ่งนี้ ช่วงนี้สภาพร่างกายของลูกเองก็ไม่ค่อยดี ดังนั้นเพื่อตัวลูกเองก็พักฟื้นร่างกายสักวันสองวันเถอะนะ ให้ดีสองสามวันนี้ก็อย่าออกไปไหนเลยนะจ๊ะ”

ไม่ใช่ว่าคุณนายโตเล็กต้องการที่จะบังคับควบคุมบุริศร์ เขาก็อายุตั้งขนาดนี้แล้ว คุณนายโตเล็กจึงเพียงกล่าวคำแนะนำออกมาก็เท่านั้น

บุริศร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เข้าใจแล้วครับแม่ แต่คืนนี้ผมจำเป็นจะต้องออกไปจริงๆ สัญญาว่าจะกลับมาในพรุ่งนี้เช้า หลังจากนั้นก็จะยอมพักผ่อนดีๆ สักสองสามวัน แล้วเริ่มผ่าตัดให้กมล”

“ลูกแน่ใจนะว่าพอออกไปคืนนี้แล้วจะกลับมาตอนพรุ่งนี้เช้า”

ถึงแม้ว่าคุณนายโตเล็กจะไม่รู้ว่าบุริศร์ออกไปทำไม แต่สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก พวกเขากำลังวิ่งแข่งกับเวลา มีหลายเรื่องที่ไม่ใช่แค่พูดอะไรก็สามารถเข้าใจได้

บุริศร์เงียบไปในทันที

เขาก็แค่อยากไปตามหานรมน อยากจะไปดูว่าเธอยังสบายดีจริงไหม อยากจะยืนยันให้แน่ใจว่าเธอยังอยู่ ถ้าหากไม่ได้ไปละก็ บุริศร์ก็จะรู้สึกสงบใจไม่ได้ไปตลอด รู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียอะไรบางอย่างไป

เขาไม่มั่นใจจริงๆ ว่าตอนนี้เขาจะสามารถเผชิญหน้ากับเรื่องอื่นได้ไหม จะสามารถกลับมาโดยเร็วไปได้หรือเปล่า

จะไปดีไหมนะ

หลังจากกมลผ่าตัดเสร็จแล้ว เขายังต้องพักฟื้นอยู่บนเตียงอย่างน้อยครึ่งเดือน

หากปล่อยให้เขาไม่ได้เจอนรมนเป็นเดือนๆ แบบนั้นละก็ บุริศร์รู้ดีว่าตัวเองจะต้องทนต่อไปไม่ไหวแน่ๆ

ถึงแม้จะรู้ว่าเธอไม่เป็นไร แต่ถ้าเขาไม่ได้เห็นกับตา ไม่ว่าอย่างไรก็ยังไม่วางใจ

หัวใจที่อยากพบนรมนราวกับได้สยายปีกกว้าง เก็บมันเอาไว้ไม่ไหวแล้วจริงๆ

บุริศร์ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ผมจะพยายามรีบกลับมาเร็วๆ ครับแม่”

เมื่อเห็นบุริศร์พูดแบบนี้ คุณนายโตเล็กก็ไม่ได้รั้งเขาเอาไว้อีก

“รีบไปรีบกลับ ระวังตัวด้วยนะ”

“ขอบคุณครับ”

ขณะที่บุริศร์กำลังหมุนตัวเดินออกไป ก็ได้ยินเสียงกานต์ที่ยืนอยู่ตรงราวจับบนชั้นสองพูดว่า “พรุ่งนี้จะต้องรีบกลับมานะ!”

เมื่อได้เห็นดวงตาเรียวยาวคู่สวยของลูกชายแล้ว บุริศร์ก็ยิ้มออกมา หลังจากนั้นก็หมุนตัวออกไปจากบ้านใหญ่ตระกูลโตเล็ก

บุริศร์จากไปอย่างเงียบ ๆ มีไม่กี่คนที่สังเกตเห็น แม้แต่พฤกษ์เองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ

ตอนที่เขามาถึงฐานทัพ นรมนก็ไม่อยู่แล้ว เขาจึงไปที่ห้องของนรมน ที่นี่ยังคงหลงเหลือร่องรอยของเธออยู่

คล้ายกับมีกลิ่นหอมจางๆ อันเป็นเอกลักษณ์ลอยอยู่ในอากาศ

บุริศร์ไปที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิด

เมื่อทุกคนเห็นบุริศร์เข้ามา ก็รีบพากันลุกขึ้น แต่กลับถูกเขาห้ามเอาไว้

“ผมอยากจะดูภาพเหตุการณ์ที่นรมนเข้าไปในภูเขากับแชมป์”

ฐานฝึกของพวกเขาระบบติดตามที่สามารถมองเห็นได้ผ่านคอมพิวเตอร์

คนในห้องกล้องวงจรปิดรีบสลับภาพเหตุการณ์ในทันที

เห็นเพียงนรมนกำลังแบกน้ำหน้าไปข้างหน้า ดูเหมือนว่าแชมป์จะจริงจังมากเป็นพิเศษ

บนหน้าผากของนรมนเต็มไปด้วยเหงื่อ กระทั่งเสื้อผ้าก็ยังเปียกโชก แต่เธอก็ยังทำต่อไป

บุริศร์ปวดร้าวไปทั้งหัวใจ

เขาปวดใจ แต่กลับไม่สามารถที่จะหยุดยั้งได้เลย

บางทีนรมนอาจพูดถูก พวกคิดว่าตัวเองสามารถปกป้องเธอได้อย่างดีแล้ว แต่บนโลกใบนี้มีใครที่สามารถปกป้องใครได้ทั่วทุกด้านจริงๆ อย่างนั้นเหรอ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอันตรายเข้าจริงๆ คนที่จะสามารถปกป้องตัวเองได้ดีที่สุดก็ย่อมต้องเป็นตัวเองเสมอมา

“ยังมีการฝึกอะไรอีก”

“ชกมวยกับซ้อมต่อสู้ครับ”

คำพูดของคนในห้องควบคุมกล้องวงจรปิดทำให้บุริศร์ขมวดคิ้วน้อยๆ

“ทางเข้าอยู่ที่ไหน”

“ศูนย์ฝึกที่อยู่ลึกเขาไปในภูเขาครับ”

“เตรียมรถให้ผม ผมจะไปช่วยฝึกคลาสนั้นให้เอง”

ทันทีที่บุริศร์พูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนก็พากันตกตะลึง

เขาไม่ได้ฝึกให้คนที่มาฝึกฝนด้วยตัวเองตั้งหลายปีแล้ว

ทว่าก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ก่อนจะรีบไปเตรียมรถให้เขาทันที

บุริศร์ดิ่งตรงไปที่สนามฝึกโดยไม่หยุดพัก

เขาสวมอุปกรณ์และผ้าคลุมหัว ก่อนหน้านี้ได้โทรหาแชมป์ไว้แล้ว

ถึงแม้ว่าแชมป์จะค่อนข้างตกใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา เพียงแค่พูดกับนรมนว่า “มีโค้ชท่านอื่นรอเธออยู่ที่ห้องซ้อมมวย สู้ๆ นะ”

นรมนตะลึงเล็กน้อย ทว่าก็ไม่ได้คิดอะไร

เธอคิดว่าแชมป์จะอยู่กับเธอไปจนถึงที่สุดเสียอีก แต่ดูเหมือนเธอจะคิดมากไป แต่เธอก็ไม่ได้เห็นต่างกับแผนงานของฐานเท่าไหร่นัก

หลังจากที่วิ่งวนอยู่ในป่าเสร็จสิ้น นรมนก็ชักจะหมดแรงแล้ว

ตอนที่จมอยู่ใต้ทะเลเธอรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

ไม่มีใครที่ไม่กลัวตาย เธอเองก็กลัวตายเช่นกัน เธอคิดว่าตัวเองไม่หวาดกลัวความตาย ทว่าเมื่อเทพแห่งความตายมายืนอยู่ตรงหน้า เธอถึงได้พบว่าคนที่ตัวเองตัดใจไม่ลงมีเยอะเกินไปแล้ว

ทั้งลูกชาย ลูกสาว บุริศร์ ยังมีพ่อแม่ตระกูลธนาศักดิ์ธนอีก เธอยังคงปล่อยวางไม่ได้

เธอไม่อยากตาย เธออยากจะมีชีวิตอยู่ แต่ตอนนี้ผู้คนภายนอกล้วนเป็นภัยต่อเธอ ไม่ว่าจะเป็นรเมศหรือป้าโอ เธอสงสัยว่าใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา ถ้าเธอยังอ่อนแอไร้ความสามารถอยู่อีกจะทำอย่างไรต่อไปได้

ต้องให้คนคอยปกป้องอยู่ทุกครั้งไปอย่างนั้นเหรอ

ทุกคนล้วนมีสิ่งที่ตัวเองต้องทำ จะไปปกป้องใครได้จริงๆ เสียที่ไหน และเธอก็ไม่อยากที่จะเป็นตัวภาระอีกแล้ว

หลังจากกลับมาที่ศูนย์ฝึก นรมนก็ทรุดลงไปกองบนพื้น

ไม่รู้ว่าแชมป์ออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่

นรมนรู้สึกว่าในศูนย์ฝึกเงียบสงบเป็นอย่างมาก เงียบจนราวกับว่าสามารถได้ยินเสียงเข็มตกกระทบพื้น เงียบจนเธอได้ยินแม้แต่เสียงหัวใจที่เต้นดังสนั่นของตัวเอง

เธออ่อนแอเกินไปแล้ว อยากจะดื่มน้ำสักอึกก็ยังไม่แรง

แต่ในตอนนั้นเองน้ำอุ่นๆ แก้วหนึ่งก็ถูกส่งมาตรงหน้า

นรมนตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่เห็นเพียงคนสวมหน้ากากยืนอยู่ตรงหน้า ดูแล้วน่าจะเป็นผู้ชาย

“คุณเป็นโค้ชอย่างนั้นเหรอคะ”

นรมนถามขึ้นมาพลางหายใจหอบ

ใบหน้าของเธอแดงก่ำ ทรุดลงไปกองบนพื้น ไม่มีแม้แต่แรงจะพูด การฝึกร่างกายที่หนักเกินไปแบบนี้ทำให้บุริศร์กังวลเล็กน้อย เธอจะทำตามโปรแกรมพวกนั้นต่อไปจริงเหรอ

เธอไม่เคยฝึกอะไรแบบนี้มาก่อน

ข้อห้ามสำคัญของคนที่ออกเดินมาครึ่งทางแล้วคือการห้ามทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ และรีบร้อนขวนขวายความสำเร็จโดยเด็ดขาด แต่พูดตอนนี้นรมนจะฟังอย่างนั้นเหรอ

ความปรารถนาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาดูเหมือนว่ากำลังไหลบ่าจนท่วมทะลัก

บุริศร์มองไปที่ผิวหนังทุกตารางนิ้วของเธออย่างกระหาย มองจนนรมนขนลุก

ครูฝึกคนนี้คงไม่ได้เป็นโรคจิตหรอกใช่ไหม

ทำแววตาของเขาถึงได้ร้อนแรงขนาดนั้น

ให้ความรู้สึกเหมือนบุริศร์

แต่เป็นไปไม่ได้หรอกน่า!

ตอนนี้บุริศร์ไม่มีทางมาที่นี่ได้

ถึงแม้ว่าเธอจะเล่าสถานการณ์ของตัวเองให้สำนักงานใหญ่ฟัง และบอกให้พวกเขาไปแจ้งบุริศร์แล้ว

แต่จากสถานการณ์รอบตัวบุริศร์ตอนนี้ไม่น่าที่จะมาในเวลาสั้นๆ ได้

หลังจากที่นรมนวิเคราะห์ดูแล้ว เธอก็รู้สึกค่อนข้างที่จะผิดหวังอยู่บ้าง แต่ก็หายวับไปทันที

เธอไม่ชอบเสแสร้งทำตัวสูงส่ง หลังจากที่รับน้ำมาดื่มจนหมด ก็รู้สึกเหมือนพละกำลังคืนกลับมาบ้างแล้ว เธอจึงลุกยืน

“โค้ชคะ รอฉันเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ”

นรมนพูดอย่างสุภาพ ทำให้บุริศร์อึดอัดเล็กน้อย แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี

ให้พูดตอนนี้เหรอ

ก็ถูกนรมนจับได้น่ะสิ แล้วเขาจะสอนเธอยังไงกัน

ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ไม่อยากให้คนอื่นเข้าใกล้นรมนในระยะประชิดแบบนี้

นรมนเห็นบุริศร์ไม่พูดอะไร เธอจึงพูดต่อ คิดว่าที่แท้โค้ชคนนี้ก็เป็นคนเงียบๆ เหมือนกับแชมป์ เธอจึงเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าคนเดียว

บุริศร์เห็นว่าขาของเธอสั่น

ยายจอมดื้อดึงคนนี้นี่!

ถ้าพักผ่อนเยอะๆ ก็จะไม่เป็นแบบนี้แล้วแท้ๆ

แต่เขาก็ไม่ได้พูดมันออกมา และยังสามารถระงับความปวดใจของตัวเองเอาไว้ทัน

นรมนเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จอย่างรวดเร็ว ตอนที่เธอออกมานั้นบุริศร์ยังคงดื่มน้ำไม่เสร็จ

พอเห็นท่าทางดื่มน้ำของเขาแล้ว อยู่ๆ นรมนก็รู้สึกเหมือนได้เจอบุริศร์

รูปร่างของโค้ชคนนี้ก็คล้ายบุริศร์อยู่หลายส่วน

เธออดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าแล้วยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

เธออาจจะคิดถึงบุริศร์มากเกินไปแล้วจริงๆ

คิดแต่ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ในภูเขา จึงเห็นใครต่อใครเป็นบุริศร์ไปทั่ว

นรมนยิ้มออกมาแล้วเดินไปอยู่ตรงหน้าของบุริศร์

“ฉันพร้อมแล้วค่ะโค้ช”

บุริศร์มองเธออีกครั้ง การมองครั้งนี้ทำให้นายหัวใจนรมนรู้สึกอึดอัด

ดวงตาของคนคนนี้สวยมากจริงๆ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเหมือนกับบุริศร์ขนาดนี้ หรือว่า….

อยู่ๆ เธอก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ทันใดนั้นก็อ้าปากกว้างด้วยความประหลาดใจ

“คุณ คุณคือ...”

“แน่ใจว่าพร้อมแล้วใช่ไหม“

บุริศร์เปิดปากพูดออกมา ทว่าน้ำเสียงของเขาค่อนข้างที่จะแหบต่ำเป็นอย่างมาก

ความเหนื่อยล้าในช่วงสองสามวันมานี้ทำให้ลำคอของเขาค่อนข้างที่จะไม่ค่อยสบาย เมื่อไม่นานมานี้ก็ยังถูกเจ้าเด็กดื้ออย่างกานต์ทำให้พ่นเลือดออกมาอีก เส้นเสียงของเขาจึงค่อนข้างที่จะรู้สึกเจ็บ

ดวงตาของนรมนยิ่งเบิกกว้าง

เมื่อเห็นเธอทำท่าทางแบบนี้ บุริศร์ก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองได้เปิดเผยสถานะออกไปแล้ว

ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถเก็บซ่อนตัวเองเอาไว้ได้ น้ำเสียงที่พูดจึงผ่อนคลายขึ้นมาก

“อีกเดี๋ยวจะเจ็บมากเลยนะ คุณแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะเรียน”

“แน่ใจค่ะ ฉันมั่นใจที่สุดเลย”

นรมนพยักหน้าอย่างแน่วแน่ ทว่ากลับมองไปที่บุริศร์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นแล้วพูดออกมาว่า “คุณช่วยถอดหน้ากากออกให้ฉันดูหน่อยได้ไหมคะ แป๊บเดียวก็ได้”

บุริศร์ยิ้มเล็กๆ ให้กับคำขอร้องของนรมน

ในเมื่อมันถูกเปิดเผยแล้ว เขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปกปิดอีกต่อไป

บุริศร์ถอดผ้าคลุมหัวออก ใบหน้าที่ซีดเซียวเล็กน้อยก็ปรากฏต่อหน้านรมน

นรมนรีบปิดปากเอาไว้อย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก

บุริศร์ยกมุมปากขึ้นน้อยๆ รอให้นรมนที่เพิ่งผ่านพ้นจากภัยพิบัติโผเข้ามากอดเขา ทว่าหลังจากที่เธอเอามือปิดปากก็ถอยหลังไปสองก้าว มองสำรวจตัวเขาไปทั่วทุกตารางนิ้วแล้วพูดออกมาว่า “เหมือนมาก เหมือนเกินไปแล้ว!”

“เหมือนอะไรอย่างนั้นเหรอ”

ทว่านรมนกลับเอ่ยเสียงเบา “คุณเหมือนสามีของฉันเกินไปแล้ว เหมือนกันอย่างกับแกะเลยจริงๆ!”

สีหน้าของบุริศร์ไม่เริ่มไม่ดีขึ้นมาแล้ว

“คุณคิดว่าผมเป็นใครกันล่ะ”

“คุณอา ฉันรู้จักคุณ บุริศร์เคยเล่าเรื่องคุณให้ฉันฟังด้วย เขาบอกว่าคุณชื่อตรินท์ใช่ไหมคะ ถึงแม้ว่าพวกเราจะเป็นคนครอบครัวเดียวกัน แต่พวกเราก็ไม่จำเป็นจะต้องระมัดระวังตัวมากจนเกินไปอะไรขนาดนั้น เพียงแต่คิดไม่ถึงเลยว่าฝาแฝดจะเหมือนกันมากจริงๆ เหมือนกันแทบจะทุกตารางนิ้ว ทั้งส่วนสูง หน้าตา หรือแม้กระทั่งเสียงก็ยังเหมือนกัน เพียงแต่เสียงคุณค่อนข้างที่จะแหบไปหน่อย ไม่อย่างนั้นฉันคงเข้าใจผิดไปว่าคุณเป็นสามีของฉันแล้ว”

นรมนพูดพลางหัวเราะเหอๆ ทว่าสีหน้าของบุริศร์กับไม่น่ามองมากขึ้นเรื่อยๆ

“เธอแน่ใจนะว่าตัวเองไม่ได้เข้าใจผิด”

น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความอดกลั้น แต่นรมนก็ยังคงฟังไม่ออก แล้วพูดอย่างลำพองใจว่า “ไม่ผิดแน่นอนค่ะ!”

ทันใดนั้นเองบุริศร์ก็รุดไปตรงหน้า จับข้อมือเธอเอาไว้ แล้วจับนรมนกดลงไปทั้งทื่อๆ อย่างนั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย