บทที่ 279 ผมรักคุณไง
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จนใครก็ตั้งตัวไม่ทัน โดยเฉพาะบุริศร์
เขานิ่งไป นรมนเองก็เช่นกัน นลินที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็เป็นไปด้วย
นรมนเป็นคนแรกที่ดึงสติกลับมาได้ เธอรีบใช้ชายเสื้อของตัวเองเช็ดหน้าให้บุริศร์ แล้วพูดออกมาอย่างอายๆว่า “ขอโทษนะ ขอโทษ ฉันไม่ทันระวัง ฉัน....”
“รีบดื่มน้ำเลย!”
บุริศร์จับแขนของเธอลง ไม่สนใจน้ำลายบนหน้าตัวเองเลยสักนิด
นรมนยิ่งรู้สึกอายมากกว่าเดิม
“บนหน้าคุณมีแต่น้ำลายฉัน”
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยกินสักหน่อย คุณจะดัดจริตทำไม? รีบดื่มน้ำได้แล้ว”
ขณะที่พูด เขาก็แทบกรอกน้ำเข้าปากนรมน
นรมนหมดคำจะพูดเป็นที่สุด
ผู้ชายคนนี้ไม่รู้หรือยังไงว่ายังมีใครอีกคนอยู่ในนี้ด้วย
อะไรคือบอกว่าเคยกินน้ำลายเธอ?
คำพูดนี้มันฟังดูสองแง่สองง่ามเกินไปหรือเปล่า?
แต่ว่าตอนนี้นรมนก็ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ เพราะถูกบุริศร์กรอกน้ำร้อนเข้าปาก เธอจึงทำได้แค่กลืนมันลงไป
เมื่อกลืนน้ำร้อนลงไป เธอก็รู้สึกอุ่นขึ้นมาทันที
หลังจากนรมนดื่มเสร็จ บุริศร์จึงเริ่มทำความสะอาดน้ำลายบนหน้าของตัวเอง จากนั้นก็พูดกับนลินนิ่งๆว่า “อยากกินก็มาทำเอง”
แม้ว่าท่าทีของเขาจะเย็นชา และไม่ได้ระบุตรงๆว่าพูดกับใคร แต่นลินก็ยังผงกหัวให้อย่างขอบคุณ จากนั้นก็รีบเทน้ำใส่แก้ว เพื่อที่จะดื่มเพิ่มความอบอุ่นในร่างกาย”
เมื่อเห็นท่าทางของนลิน นรมนก็รู้สึกสงสาร
“เธอก็แค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง คุณก็อ่อนโยนกับเธอหน่อยไม่ได้หรือไง?”
“นี่ คุณบอกให้ผมอ่อนโยนกับผู้หญิงคนอื่นแบบนี้ หมายความว่ายังไง? ไม่กลัวผมมีชู้เหรอ?”
บุริศร์ปรายตามองเธอ ด้วยท่าทางไม่ค่อยชอบใจ
นรมนหนักใจ
นลินอายุแค่สิบแปด บุริศร์จะระแวงเกินไปหรือเปล่า?
“คุณคิดว่าตัวเองหล่อเหมือนหนุ่มในภาพวาดหรือไง? ใครๆก็ต้องชอบคุณว่างั้น?”
นรมนพูดเหน็บแนมเขา
แต่บุริศร์กลับตอบอืมอย่างมั่นอกมั่นใจ จนทำให้นรมนหน้าแดง
ผู้ชายคนนี้ช่างหน้าด้านจริงๆ
เธอแอบหันไปมองนลิน จึงพบว่านลินไม่ได้สนใจพวกเขาเลย เพียงแค่ดื่มน้ำเงียบๆ เธอถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
นรมนยังไม่ทันได้พูดอะไร บุริศร์ก็พูดขึ้นมาว่า “ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน คุณก็ห่มผ้าไว้จะได้อุ่นๆ”
“มีผืนเดียวเหรอ?”
นรมนหันไปมองนลินโดยอัตโนมัติ
เด็กคนนี้หนาวจนตัวสั่น แม้ว่าหลังจากดื่มน้ำอุ่นเข้าไปแล้วจะดีขึ้นมาหน่อย แต่หน้าก็ยังคงซีดๆอยู่ดี
บุริศร์ถลึงตาใส่เธออย่างเย็นชา แล้วหันหลังเดินออกไปทันที
นรมนรู้สึกว่าบุริศร์ดีไปหมดทุกอย่าง แต่มีแค่ความเย็นชานี้แหละที่ทำให้คนอื่นรับไม่ได้
ถึงจะรู้จักกันโดยบังเอิญ แต่ถ้าพอมีของเหลือ ก็ให้นลินหน่อยไม่ได้หรือไง?
อีกอย่างนลินก็น่าสงสารเอามากๆด้วย
บุริศร์ออกไปได้ไม่นาน นรมนก็ค้ำตัวลุกขึ้นมา แล้วหาผ้าห่มมาให้นลิน และเธอก็เจอผ้าห่มอีกผืนจริงๆ จากนั้นจึงยื่นไปให้นลิน
นลินประหลาดใจ แต่ก็พูดออกมาเสียงเบาว่า “ขอบคุณ แต่ว่าหนูไม่เอาก็ได้ ไม่อย่างนั้นสามีของคุณคงไม่พอใจแน่”
ถึงเธอจะยังเด็ก แต่กลับดูออกว่าบุริศร์ดูแลเธอเพราะเห็นแก่นรมน
นรมนกลับพูดกลั้วยิ้มออกมาว่า “อย่าไปสนใจเขาเลย เขาเป็นหน้านิ่งแต่ใจดี อาจจะพูดอะไรไม่น่าฟังไปหน่อย เธอรีบเอาไปห่มเถอะจะได้อุ่นๆ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา ถ้าเป็นหวัดอยู่ที่นี่มันจะลำบาก”
พูดจบได้ไม่ทันไร นรมนก็จามออกมาอีกครั้ง
นลินรับผ้าห่มมา แล้วพูดว่า “คุณดื่มน้ำอุ่นเยอะๆสิ ที่นี่ไม่น่าจะมียา หนูว่าคุณใกล้จะเป็นหวัดแล้วแน่ๆ ถ้าไม่รีบดื่มน้ำอุ่นให้ร่างกายอบอุ่นตั้งแต่เนิ่นๆ คุณอาจจะไม่ไหวเอาก็ได้นะ”
นรมนเริ่มรู้สึกหนักหัวและแข้งขาอ่อนแรงขึ้นมาจริงๆแล้ว
เธอแค่คิดว่าหลังจากตัวเองได้เจอบุริศร์อารมณ์เครียดๆคลายลงเลยงอแงแบบนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะเป็นหวัดจริงๆ
นรมนพยักหน้า หัวเริ่มหนักอึ้ง จากนั้นเธอถึงได้กลับมาห่มผ้าของตัวเอง
นลินเทน้ำอุ่นให้นรมนอีกครั้ง
“ขอบคุณนะ”
“หนูต่างหากที่ต้องขอบคุณพวกคุณ”
นลินพูดเสียงแผ่วเบา
“หนูไม่ค่อยได้เห็นผู้ชายดีกับผู้หญิงขนาดนี้มาก่อนเลย”
เธอหมายถึงบุริศร์
นรมนนิ่งไปนิด แล้วพูดยิ้มๆว่า “เขาดีตรงไหน? ดีแต่ตีหน้าเย็นชาล่ะสิไม่ว่า”
“เขามาช่วยคุณ”
นลินพูดถึงความจริงข้อนี้
นรมนรู้สึกว่าพอได้คุยกับนลินแล้วดีมากๆ อย่างน้อยก็ไม่ค่อยอยากนอนเท่าไหร่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...
จะบ้าตาย ทำไมไม่ถามป้าโอว่าลูกอยู่ที่ไหน นักเขียนหลับเหรอ ชั้นงงมาก เขียนเรื่องได้แบบ เรื่องไม่คงเส้นคงวา เปลี่ยนรายละเอียดกลางทาง มีช่องโหว่เต็มไปหมด...