แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 297

บทที่ 297 ขอยืนไหล่มาซบสักหน่อย

นรมนรู้สึกหายใจหายคอไม่สะดวกขึ้นมา

เธอรีบกดปุ่มเรียกพยาบาล แต่ว่ามือนั้นกลับสั่นเป็นอย่างมาก ในใจก็อดไม่ได้ที่จะขอให้กมลปลอดภัย

ตอนที่หมอกับพยาบาลรีบมานั้น นรมนยังไม่ได้สติ กมลก็ถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัดแล้ว

โรงพยาบาลตอนกลางคืนนั้น ทางเดินเงียบสงัด ยิ่งทำให้นรมนรู้สึกไม่สบายใจ

ในตอนนั้นเธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบุริศร์จะมาอยู่ข้างเธอ อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องมากลัวขนาดนี้ เธอในตอนนี้เองเหมือนกับเรือใบในทะเลกว้าง ไม่รู้ว่าทางข้างหน้าอยู่ตรงไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าทางในอนาคตของกมลนั้นจะเป็นอย่างไร ความกลัวแบบนี้มันทำให้เธอไม่ค่อยสบายใจ จนนั่งไม่ติดเก้าอี้เลยล่ะ

จู่ๆ ก็มีนมอุ่นๆ ส่งมาอยู่ตรงหน้า

นรมนหันไปเบาๆ ก็เห็นว่าเป็นเจตต์กำลังยืนอยู่ข้างหลังของเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ดึกดื่นขนาดนี้ออกมาทำหน้าเศร้าอยู่ตรงทางเดิน ลูกสาวคุณยังไม่หายดีเหรอ?”

นรมนส่ายหัวพูด: “เธอผ่าตัดสำเร็จดี แต่ว่าร่างกายอาจจะไม่รับ ตอนนี้ไข้ขึ้น”

“ดื่มนมอุ่นๆ หน่อยนะ ใจเย็นหน่อย ไม่เป็นไรหรอก คุณคิดแบบนี้ละกัน เธอเป็นลูกสาวของคุณ จะต้องแข็งแรงมากแน่ๆ เธอกำลังต่อสู้กับปีศาจแห่งความเจ็บป่วยอยู่ในตอนนี้ คุณเป็นหม่ามี้ห้ามล้มก่อนเด็ดขาดนะ”

เจตต์ในตอนนี้ดูมีความจริงจังเป็นอย่างมาก

นรมนพยักหน้า ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าคำพูดพวกนี้ทำไปเพื่อปลอบใจเธอ แต่ว่าก็มีเหตุผลดี

เธอต้องเชื่อมั่นในตัวลูกสาวสิถึงจะถูก

เมื่อรับนมมาจากมือของเจตต์ นรมนก็ดื่มลงไป กลับไม่ได้รับรู้รสชาติเลย

ดวงตาของเธอมองไปทางห้องผ่าตัด ด้วยใจโล่งไร้ความรู้สึก เธอรู้ว่ามีเพียงบุริศร์เท่านั้นที่จะสามารถเติมเต็มมันได้ แต่ว่าตอนนี้บุริศร์เป็นอย่างไรบ้าง เธอเองก็ยังไม่รู้ และก็ไม่ทันได้ถาม

เจตต์นั่งข้างๆ นรมน

เขามองไฟในห้องผ่าตัดก่อนจะพูดเบาๆ : “รู้ไหม?ฉันเจอประสบการณ์แบบเดียวกับคุณมาเยอะมากเลย”

“หือ?”

นรมนเพราะเป็นห่วงกมลอยู่ เลยไม่ได้ตั้งใจฟัง เพียงแต่ถามออกไปอย่างไม่ได้คิด

เจตต์เองก็ไม่ได้คิดว่านรมนจะเข้าใจ เลยพูดต่อเองว่า: “หลังจากที่แม่ฉันเป็นบ้า เลยเจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อย ตอนนั้นฉันยังเด็ก ตอนแรกก็มีพ่อฉันอยู่เป็นเพื่อนฉัน แต่หลังจากนั้นก็เหลือตัวคนเดียว พ่อฉันปล่อยแม่ฉันไปแล้ว บอกว่าผู้หญิงบ้าคนหนึ่ง เอาแต่ทำร้ายตัวเอง จะตายก็ตายไปเถอะ ตั้งแต่นั้นฉันเหลือฉันนั่งอยู่ตรงทางเดินคนเดียว และมองไฟในห้องผ่าตัด แต่ทว่ายังไม่ทันจะรอให้แม่ฉันออกมา บางทีก็เกิดความสิ้นหวังอยู่บ้าง”

นี่เป็นครั้งแรกที่นรมนได้ยินเจตต์พูดถึงแม่ของตัวเอง ถึงแม้ว่าข้างนอกจะมีข่าวลือมากมาย แต่ว่าตระกูลรัตติกรวรกุลก็กีดกันอย่างหนัก เลยไม่มีใครกล้าเปิดเผยข่าวออกมามาก

“แม่คุณเธอ……”

“บ้าไปแล้ว จนจำฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ ตอนเด็กๆ ฉันถูกลักพาตัวไป พ่อฉันกลับนอกใจ แม่ฉันรู้สึกแย่เป็นอย่างมาก ตอนนั้นคนลักพาตัวอยากจะฆ่าตัวประกัน แม่ฉันเลยคิดว่าฉันตายไปแล้ว เลยเป็นบ้าไป หลังจากนั้นเลยเอาแต่ทำร้ายตัวเอง ฉันคิดมาตลอดว่าฉันกับพ่อฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้แม่ฉันเป็นแบบนี้ อันที่จริงตอนที่คุณได้รับอันตรายที่อเมริกา ฉันก็อยากจะไปช่วยคุณ แต่ตอนนั้นเกิดเรื่องขึ้นกับแม่ฉัน ฉันเลยไปไม่ได้ ขอโทษนะ”

เจตต์พูดเสียงเบา

นรมนไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเจตต์เคยมีประสบการณ์แบบนี้ ตอนนี้เธอเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี เลยพูดแค่ว่า: “ตอนนี้คุณป้าหายดีหรือยัง?”

“ดีขึ้นเยอะแล้ว ครั้งที่แล้วกรีดข้อมือ ยังดีที่ไปพบได้ทัน ไม่อย่างนั้นตอนนี้ฉันคงไม่มีแม่แล้ว พ่อฉันพูดอยู่บ่อยๆ ว่าตอนนี้แม่ฉันจะเป็นหรือตายก็ไม่ต่างกัน แต่ว่าสำหรับฉันแล้วมันไม่เหมือนกัน แม่ฉันมีชีวิตอยู่ ฉันยังมีที่พัก ถ้าเกิดว่าไม่มีแม่แล้ว ฉันไม่รู้ว่าโลกใบนี้จะมีใครให้ฉันได้ทะนุถนอมอีก”

ปากของเจตต์ยิ้มขึ้นด้วยความขมขื่น

ทุกๆ คนเห็นแต่ท่าทีที่สดใสของเจตต์ เขานั้นเข้ากับคนอื่นได้ดี และขี้เล่น แต่กลับเป็นคนที่โดดเดี่ยวมาก

ความโดดเดี่ยวนี้มันถูกความร่าเริงแจ่มใสปิดบังเอาไว้ เขาใช้ความเข้าถึงง่ายและขี้เล่นนี้ในการปกปิดความรู้สึกเอาไว้

เจตต์ในตอนนี้เอง เหมือนกับได้ถอดหน้ากากออกทั้งหมด และแสดงความจริงอยู่ต่อหน้านรมน ไม่ต่างอะไรกับเด็กน้อยที่ไร้หนทางเลย

จู่ๆ ในหัวของนรมนเหมือนกับมีฟ้าผ่าแปลบลงมา

“คุณบอกว่าตอนเด็กๆ คุณเคยถูกลักพาตัวงั้นเหรอ?”

“อือ มีลูกคนรวยที่ไหนที่ไม่เคยโดนลักพาตัวบ้าง?ขนาดบุริศร์ของพวกคุณตอนเด็กยังเคยถูกลักพาตัวไปเลย”

คำพูดของเจตต์ทำให้นรมนอึ้งชะงักไปนิดหน่อย

“จะเป็นไปได้อย่างไร?บุริศร์แข็งแกร่งขนาดนั้น ไม่มีทางหรอก”

“เขาไม่ได้เกิดมาก็ปกป้องตัวเองเป็นเลยหนิ”

เจตต์มองนรมนด้วยความดูถูกดูแคลน

เมื่อถูกเขาพูดแบบนี้แล้ว นรมนถึงจะมีสติ

บุริศร์ในสายตาของเธอนั้นสมบูรณ์แบบมาก จนเธอลืมไปเลย ว่าบุริศร์หรือเจตต์ตอนเด็กๆ ก็อ่อนแอและบอบบางไม่ต่างกัน

เธอยิ้มเบาๆ ก่อนจะพูดเบาๆ : “เมื่อพูดถึงเรื่องที่พวกคุณถูกลักพาตัว ตอนฉันเด็กๆ เองก็เหมือนกับเคยช่วยลูกคนรวยเอาไว้ตอนนั้นเด็กคนนั้นบอกว่าจะแต่งงานกับฉันด้วยล่ะ”

ดวงตาของเจตต์เปล่งประกาย

“คุณยังจะได้ไหมว่าเด็กคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร?”

“ผ่านมาตั้งกี่ปีแล้ว ใครจะไปจำได้ แต่พูดอีกอย่าง คำพูดของเด็กในตอนนั้นมันจะเชื่อได้เหรอ?อันที่จริงฉันแค่คิดว่าเขาใกล้ตายแล้ว แต่ก็หน้าตาดี น่าเสียดาย เลยช่วยเขาเอาไว้ หลังจากนั้นฉันก็ถูกแม่ฉันว่าชุดใหญ่ บอกว่าฉันไม่รู้ความน่ากลัวของโลกใบนี้ จริงสิ เด็กผู้ชายคนนั้นเหมือนจะมีปานที่ข้อศอก เหมือนเป็นรูปดาว นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นปานที่สวยขนาดนั้นบนตัวเด็กเลยนะ”

คำพูดของนรมนทำให้มือของเจตต์นั่นอดไม่ได้ที่จะเอาไปลูบศอกซ้ายของตัวเอง

ตรงนั้นมันมีปานรูปดาวอยู่ตรงๆ ด้วย

นัยน์ตาของเขานั้นลุกเป็นไฟ

“คุณยังจำได้ไหมว่าเป็นที่แขนข้างไหน?”

“ไม่แน่ใจ น่าจะข้างซ้ายมั้ง ตอนนั้นแขนเขาได้รับบาดเจ็บ เขาเลยเอามือขวากุมเอาไว้ ฉันจะไม่ได้แล้วล่ะ ว่าเด็กคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ที่น่าสนใจก็คือ ฉันมักจะนึกถึงตอนที่เขาสารภาพรักอย่างจริงจังกับฉันอยู่บ่อยๆ บอกว่าโตขึ้นแล้วจะมาสู่ขอฉันน่ะ”

นรมนยิ้มด้วยความดีใจเล็กน้อย เหมือนกับการที่นึกถึงวันวานนั้นมันทำให้เธอลดทอนความเป็นห่วงลงในตอนนี้ได้นิดหน่อย

แววตาของเจตต์นั้นจ้องนรมนอยู่ตลอด ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นมาก

ถึงแม้ว่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าคนตรงหน้านั้นเป็นคนที่ช่วยเหลือตัวเองเอาไว้ตอนเด็กๆ แต่ทว่ากลับไม่เคยยืนยันอะไรกับเธอจริงๆ ในวันนี้เมื่อได้ยินนรมนพูดแบบนี้ เขาจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร?

“คุณไม่เคยเลยเหรอ ว่าบางทีเด็กคนนั้นอาจจะไม่แต่งงานมาโดยตลอด เพื่อรอว่าวันหนึ่งจะได้เจอคุณแล้วขอคุณแต่งงานน่ะ?”

แววตาของเจตต์นั้นร้อนแรงมาก แต่น่าเสียดายที่นรมนไม่ได้มองเขา เลยไม่ได้เห็นชัดมาก

เธอพูดเบาๆ : “อย่ามาล้อเล่นหน่า คำพูดของเด็กขนาดนั้นจะไปเชื่อได้อย่างไร?ในสถานการณ์แบบนี้ฉันมีความสุขกับบุริศร์ดี ถึงเขาจะมาปรากฏตัว ฉันก็คงไม่มีทางแต่งกับเขาไม่ใช่เหรอ?”

แววตาของเจตต์ผลุบมืดลง

จริงด้วย!

นรมนแต่งงานแล้ว!

มันทำให้เจตต์รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว

ทำไมเพิ่งจะมาเจอเธอช้าขนาดนี้นะ?

ถ้าเกิดเขาหานรมนเจอเร็วกว่านี้ แล้วเริ่มจีบเธอ ตอนนี้นรมนคงจะเป็นภรรยาเขาแล้วไม่ใช่เหรอ?

แต่ทว่าบนโลกใบนี้มีเรื่องมากมายที่ไม่สามารถเป็นเรื่องบังเอิญได้

เจตต์กดความเจ็บปวดใจเอาไว้ ก่อนจะพูด: “คุณมีความสุขก็ดีแล้ว”

“ฉันต้องมีความสุขอยู่แล้วสิ คุณเป็นอะไรเหรอ?”

นรมนเพิ่งจะพบว่าเจตต์แปลกๆ ไป

เจตต์รีบพูดขึ้น: “ไม่มีอะไร ฉันก็แค่จะบอกว่า ถ้าเกิดคุณกับบุริศร์มีอะไรไม่สบายใจ หรือว่าเขาทำร้ายคุณ คุณก็หนีจากเขามาหาฉันได้นะ ฉันจะแต่งกับคุณ”

“โรคจิตหรือเปล่าเนี่ย?คุณเนี่ย ปากเสียแบบนี้ ผู้หญิงที่ไหนจะไปชอบ?คุณอายุไม่น้อยแล้วนะ ยังมาเล่นๆ อยู่อีก คุณน่าจะตั้งใจหาผู้หญิง มาคบกัน แล้วก็แต่งงาน มีลูก ไม่แน่ว่าถ้าเกิดว่าแม่เห็นแก่ลูกอาจจะดีขึ้นหน่อย ฉันได้ยินว่าหลังจากที่บางคนได้รับการกระทบการเทือนทางจิตใจ แล้วได้เจอเด็กที่อายุพอๆ กับลูกของตัวเองจะทำให้ความทรงจำกลับคืนมา”

นรมนพูดด้วยความอาดูร

เธอหวังว่าเจตต์จะมีความสุขจริงๆ

เจตต์มองนรมน อยากจะบอกว่าเขาไม่มีทางไปแต่งงานกับคนอื่นหรอก แต่ว่าในตอนนี้เองเมื่อมองตาของนรมน เขากลับพูดอะไรไม่ออกเลย

“ได้ยินไหม?”

นรมนคิดว่าเขาไม่ได้ใส่ใจ เลยใช้ศอกกระแทกเขาไปหนึ่งที

เจตต์พยักหน้าอย่างเศร้าใจ ในใจเหมือนกับมีอะไรอัดอั้นอยู่ในใจ รู้สึกแย่มากเลย

เขาชอบนรมน ตอนที่รู้เรื่องนี้ นรมนก็ถูกบุริศร์เข้าหาอย่างไม่ได้ตั้งตัว เขาอยากจะทำอะไรต่อบุริศร์เพื่อนรมนสักหน่อย และอยากจะทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคน แต่ว่าทุกครั้งที่เห็นนรมนเจ็บปวดเพราะบุริศร์ เขาก็สงสาร เห็นใจและยอมไม่ลง

เจตต์คิดว่าชีวิตนี้ของตัวเองจะหาคนมาแทนนรมนที่อยู่ในใจเขาไม่ได้แล้ว น่าเสียดายที่ความรู้สึกนี้เขาพูดไม่ออกเลย ถ้าไม่อย่างนั้นเขากับนรมนอาจจะไม่ได้เป็นแม้แต่เพื่อนกัน

เมื่อคิดได้แบบนี้ เจตต์ก็กดอารมณ์และความรู้สึกเอาไว้ในใจ เพียงแค่นรมนอารมณ์ดี มีความสุขก็เพียงพอแล้ว เขาไม่ได้ขออะไรมาก

เจตต์เอาหัวไปซบไหล่ของนรมน และพูดเสียงเบาว่า: “วันนี้แม่ฉันก็เป็นบ้าขึ้นมาอีกแล้ว เห็นแก่ว่าฉันซื้อนมร้อนให้คุณแก้วหนึ่ง คุณก็ให้ฉันยืมใหญ่เป็นการตอบแทนก็แล้วกัน”

นรมนอึ้งชะงักไปนิดหน่อย ก่อนจะถามเบาๆ : “วันนี้แม่คุณ……”

“อือ เกือบจะตายไปแล้ว แต่ยังดีที่ฉันมาได้ทันเวลา”

“ตอนนี้แม่คุณอยู่ที่โรงพยาบาลนี้เหรอ?”

นรมนรู้สึกแปลกใจ

เจตต์พยักหน้า

“การรักษาและสภาพแวดล้อมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฉันเลยพาแม่ฉันย้ายมาที่นี่ นอกจากนั้นพ่อยังเอาเรื่องนี้มาทำเลาะกับฉันอีก แถมยังบอกว่าถ้าเกิดไม่ส่งแม่ฉันกลับไป จะตัดเรื่องการเงินของฉันออก ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงโหดร้ายได้ขนาดนี้นะ?ไม่ว่าจะพูดอย่างไร แม่ฉันก็เป็นภรรยาของเขาอย่างถูกต้อง มาวันนี้กลับไม่รู้สึกอะไรแล้วแบบนี้”

เมื่อพูดถึงพ่อของตัวเอง เจตต์ก็โกรธขึ้นมา

นรมนถามเบาๆ : “ตอนนี้คุณต้องการเงินไหม?ฉันช่วยคุณได้นะ”

“ไม่ต้อง ฉันยังจ่ายค่ารักษาไหวอยู่ แค่เหนื่อยน่ะ ขอยืมไหล่มาซบหน่อย เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”

เจตต์ซบไหล่ของนรมน เลยได้กลิ่นความหอมแบบเป็นเอกลักษณ์ของเธอ ในใจก็รู้สึกฟูฟ่องขึ้นมา การได้ซบไหล่นรมนแบบนี้มันไม่ได้มีมากนัก

ในตอนนั้นเอง จู่ๆ นรมนก็รู้สึกถึงแววตาอันเย็นชา เหมือนกับดาบคมแสนเยือกเย็น ทิ่มแทงมาทางด้านหลังของเธอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย