แค้นรักสามีตัวร้าย นิยาย บท 304

บทที่ 304เรื่องบางเรื่องในใจรู้ก็ไม่ควรพูด

ความขัดแย้งระหว่างเธอกับนลินเล่าให้ใครฟังก็คงไม่มีใครเชื่อ แม้แต่คุณนายโตเล็กก็คิดว่าเธอใจแคบ และไม่คิดว่านลินจะทำอะไรเธอได้ อีกทั้งยังกำชับไม่ให้เธอทำอะไรน่าเกลียดเกินไป

แต่จะมีใครรู้ล่ะว่าคนที่ถูกรังแกคือเธอต่างหาก?

ตอนนี้เมื่อเห็นว่าบุริศร์โทรศัพท์มา แม้ว่าเธอจะเพิ่งแยกจากเขาไม่นาน แต่ใจของนรมนก็รู้สึกทรมาน

เธอหยิบโทรศัพท์ออกไปจากห้องตรวจ และกดรับสายของบุริศร์ที่บริเวณทางเดิน

“ฮัลโหล?”

น้ำเสียงของเธอราวกับจะร้องไห้

ไม่ทันไรบุริศร์ก็ฟังออก

“เป็นอะไรไป?น้อยใจเหรอ?เห็นแม่ผมบอกว่าคุณแต่งหน้าจนผิวหนังเกิดอาการแพ้ เป็นยังไงบ้าง?รุนแรงไหม?หรือว่าเราจะวิดีโอคอลคุยกันล่ะ”

เมื่อได้ยินบุริศร์พูดแบบนี้ นรมนก็รู้ทันทีว่าคุณนายโตเล็กโทรหาบุริศร์

แต่ว่าคุณนายโตเล็กจะพูดว่ายังไงนั้น เธอไม่อาจทราบได้ แต่ว่าเธอรู้ดีว่าถ้าเธอบอกว่าเธอถูกนลินสาดน้ำร้อนใส่หน้าเธอ คุณนายโตเล็กจะต้องคิดว่า เธอยุแยงเรื่องนี้ลับหลังท่าน

อีกอย่างหนึ่ง เรื่องข้อแลกเปลี่ยนระหว่างเธอกับนลินบุริศร์ยังไม่รู้ ถ้าหากบอกให้บุริศร์รู้เกี่ยวกับเรื่องที่เธอรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ และบอกทีท่าของนลินในตอนนี้ให้บุริศร์รู้ ก็อาจส่งผลให้ความลับเรื่องข้อแลกเปลี่ยนระหว่างเธอกับนลินถูกเปิดเผยออกมาง่ายขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่รู้ว่าบุริศร์จะโกรธขนาดไหน

เพราะคงไม่มีผู้ชายคนไหนอยากให้ภรรยาของตนใช้ตัวเขาเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนเหมือนสิ่งของ

ตอนนี้เป็นเพราะเธอร้อนใจเกินไป

เมื่อคิดถึงจุดนี้ นรมนทำได้เพียงกัดฟันเก็บงำทุกอย่างยัดเข้าท้อง พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอู้อี้ว่า:“อืม หน้าเสียโฉมแล้ว คุณคงไม่ชอบฉันแล้วใช่ไหม?”

นี่เป็นเพียงคำพูดที่ออกมาจากสัญชาตญาณเท่านั้น แต่เมื่อบุริศร์ได้ฟังกลับคิดไปเป็นอีกความหมายหนึ่ง

หรือว่าสิ่งที่คุณนายโตเล็กพูดจะเป็นเรื่องจริง?

การดำรงอยู่ของนลินทำให้นรมนขาดความมั่นใจ?

เขาถอนหายใจเบา ๆ พูดขึ้นด้วยความเอ็นดูว่า:“ให้ผมดูใบหน้าของคุณหน่อยซิ”

“ไม่เอา!น่าเกลียดจะตาย อย่าดูเลย เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็หาย”

ให้ตายยังไงนรมนก็ไม่ยอมให้บุริศร์เห็นใบหน้าของเธอ ถ้าให้เขาเห็นแล้วล่ะก็ทุกอย่างก็ต้องถูกเปิดเผย

เมื่อบุริศร์เห็นว่านรมนยังคงยืนยันคำเดิม ก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความเอ็นดูว่า:“คุณก็นะ ในใจของผมคุณสวยที่สุด ไม่แต่งหน้าก็สวย เดี๋ยวผมจะให้พฤกษ์เอายาไปให้คุณ รับรองว่าไม่เป็นแผลเป็นแน่นอน”

“รู้แล้วค่ะ”

ในใจของนรมนรู้สึกหดหู่เล็กน้อย

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่เอาไหน ถึงได้แพ้ให้กับเด็กหญิงไร้เดียงสาอายุ 18

แต่บุริศร์กลับไม่รู้ว่าตอนนี้เธอคิดอะไรอยู่ จึงพูดขึ้นอีกครั้งว่า:“ถ้าคุณคิดว่าการที่นลินอยู่ที่นั้นแล้วขัดหูขัดตา เดี๋ยวผมให้เธอย้ายโรงพยาบาลก็ได้ คุณจะได้ไม่รู้สึกรำคาญใจ”

“ค่ะ งั้นคุณก็ย้ายเถอะ”

นี่เป็นคำพูดที่มาจากใจของนรมน

ขอเพียงแค่นลินไม่อยู่ที่นี่ เธอก็จะรู้สึกสบายใจขึ้นมาก

“ได้ เดี๋ยวผมจะคุยกับผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเขตทหาร ให้นลินย้ายมาอยู่ที่โรงพยาบาลเดียวกับผม”

โรงพยาบาลที่ดีที่สุดที่สำหรับบุริศร์แล้ว ถ้าไม่ใช่โรงพยาบาลหัวเฉียวก็คงเป็นโรงพยาบาลเขตทหาร ตอนนี้นรมนไม่อยากให้นลินอยู่ที่โรงพยาบาลหัวเฉียวงั้นก็ต้องให้อยู่ที่โรงพยาบาลเขตทหาร

เมื่อนรมนได้ยินว่าจะให้นลินย้ายมาที่โรงพยาบาลโรงพยาบาลเขตทหาร เธอก็หดหู่ขึ้นมาทันที

“ไม่ได้!”

“ทำไมเหรอ?”

“ยังไงก็ไม่ได้!”

นรมนคิดในใจว่านังหนูไร้เดียงสานั้นก็คงจะเป็นเก๋งจีนที่ใกล้น้ำมักได้จันทร์ก่อน ถ้าหากว่าให้เธอได้ย้ายไปอยู่โรงพยาบาลเดียวกับเขาจริง ๆ ไม่แน่ว่าเธออาจจะหาโอกาสปีนขึ้นไปบนเตียงของบุริศร์

แม้ว่าเธอจะเชื่อมั่นในนิสัยและการประพฤติตัวของบุริศร์ แต่ว่ามารยาของนางหนูไร้เดียงสานลินคนนั้นไม่น้อยเลย ถ้าหากหล่อนทำสำเร็จ เธอก็คงจะได้ไม่คุ้มเสีย?

เมื่อได้ยินปฏิกิริยาตอบสนองที่รุนแรงของนรมน เขาก็คิดถึงคำพูดที่คุณนายโตเล็กพูดกับเขา ยิ่งทำให้บุริศร์รู้สึกว่านลินมีผลต่อ นรมนไม่น้อยจริง ๆ

“นรมน นลินเธอก็เป็นแค่นางหนูไร้เดียงสา ผมไม่ได้สนใจในตัวเธอเลย”

เมื่อได้ยินบุริศร์พูดเช่นนี้ นรมนก็คิดในใจว่า:“คุณไม่ได้สนใจในตัวเธอ แต่เธอสนใจในตัวคุณ”

“ช่างเถอะ ก็ให้เธออยู่ที่นี่แหระ อย่างมากฉันก็แค่ไม่ต้องไปถือสาเธอก็เท่านั้น”

การจะส่งนลินไปอยู่กับบุริศร์สู้ให้นลินอยู่ข้างกายเธอน่าจะดูสมเหตุสมผลกว่า

เมื่อได้ยินนรมนพูดเช่นนั้น บุริศร์ก็รู้ทันทีว่าเธอเป็นกังวลเรื่องอะไร แต่ว่าที่คุณนายโตเล็กพูดก็ถูกนลินเพิ่งจะช่วยเหลือกมล เธอจะปล่อยให้คนอื่นมองว่าตระกูลโตเล็กไม่รู้จักบุญคุณคนไม่ได้

“ลำบากคุณแล้วนะ”

คำพูดประโยคนี้ของบุริศร์ทำให้นรมนน้ำตาไหล

เธอลำบากใจจริง ๆ !

ลำบากใจจริง ๆ!

แต่ว่าตอนนี้เธอรู้สึกว่าน้ำท่วมปาก มีความทุกข์แต่ว่าพูดออกมาไม่ได้ ความรู้สึกนี้มันอึดอัดใจเป็นอย่างมาก

“บุริศร์ ฉันคิดผิดจริง ๆ ที่ยอมรับไตของนลินให้กับกมล”

คำพูดนี้เป็นคำพูดที่นรมนพูดตามความจริง

ตอนนี้เธอกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

บุริศร์ถอนหายใจเบา ๆ พลางพูดขึ้นว่า:“ขอโทษนะที่ทำให้คุณต้องลำบากใจ หากว่าตอนนั้นผมสุขภาพดี ผมคงไม่ต้องการไตของนลินอย่างแน่นอน ลูกสาวของผม ผมจะช่วยเธอด้วยตนเอง แต่ตอนนี้พวกเราติดหนี้บุญคุณนลิน หากคิดในทางกลับกัน เธอก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงอายุ 18 ตอนนี้สูญเสียไตไปข้างหนึ่ง ในอนาคตก็ไม่รู้ว่าชีวิตและการแต่งงานจะสมบูรณ์ไหม และนี้เป็นสิ่งที่พวกเราติดหนี้เธอ ”

แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้นรมนเข้าใจดี

เธอไม่ใช่คนใจแข้งไร้ความรู้สึก แต่การที่จะใช้บุริศร์เพื่อแลกทุกสิ่งทุกอย่าง ใจของนรมนรู้สึกทุกข์ทรมานไม่น้อย แล้วเรื่องเหล่านี้ยังไม่สามารถเล่าให้บุริศร์ฟังได้อีกด้วย

“คุณเป็นยังไงบ้างแล้ว?”

นรมนทำได้เพียงเปลี่ยนเรื่องพูด

เมื่อบุริศร์ต้องพูดถึงเรื่องของตัวเองเขาก็พยายามทำเรื่องร้ายแรงให้เบาลง เพราะตัวเขาเองก็ยังไม่ได้เป็นอะไร แค่พักผ่อนเยอะ ๆ ก็หายแล้ว นรมนจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง

“กานต์ล่ะ?ดื้อไหม?”

จริง ๆ แล้วตอนนี้นรมนเป็นกังวลว่ากานต์จะมาหามากที่สุด

เด็กหนุ่มคนนี้ยากที่จะควบคุม ถ้าหากมาแล้วพบว่าใบหน้าของเธอกลายเป็นแบบนี้ เขาก็คงแยกโรงพยาบาลนี้ออกเป็นชิ้น ๆ แน่

บุริศร์กลับยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“ตอนนี้กานต์สบายดี อยู่เป็นเพื่อนผมทุกวันเลย คุยแต่กับเรื่องกองทัพกับผม เจ้าเด็กคนนี้สนใจในชีวิตความเป็นอยู่ของกองทัพไม่น้อยเลย”

เมื่อได้ยินบุริศร์พูดเช่นนี้ นรมนก็ถอนหายใจคลายความกังวลลง:“ที่นี่เชื้อโรคค่อนข้างเยอะ อีกทั้งกมลก็เพิ่งผ่าตัดเสร็จ ให้ได้รับการกระทบกระเทือนทางอารมณ์ไม่ได้ คุณก็อย่าปล่อยให้เขาออกมาเที่ยวเล่นก็แล้วกัน รออีกสัก2-3วันให้อาการป่วยของหมลเข้าที่ก่อนค่อยมาก็ไม่สาย”

“คุณกลัวว่าถ้าลูกชายเห็นใบหน้าของคุณแล้วคุณไม่รู้จะอธิบายยังไงใช่ไหม?”

บุริศร์ยิ้มพลางพูดสิ่งที่นรมนกังวลออกมาตรง ๆ

นรมนรู้สึกเซ็งเล็กน้อย

“เรื่องบางเรื่องในใจรู้ก็ไม่ควรพูด พวกเรายังเป็นเพื่อนกันได้”

“ใครอยากจะเป็นเพื่อนกับคุณ?ผมอยากให้เราเป็นสามีภรรยากันต่างหาก พอได้แล้ว ผมรู้แล้ว วางใจเถอะ ช่วงนี้ผมจะไม่ให้กานต์ไปหาคุณ”

เมื่อบุริศร์รับปากเช่นนั้นก็ทำให้นรมนวางใจ

“อืม อืม ฉันจะไปทายาแล้ว ไม่คุยกับคุณแล้ว”

ที่จริงเธอยังไม่อยากที่จะวางสาย แต่ว่าถ้าตอนนี้ยังไม่วางสายเธอคงจะทนไม่ได้ที่จะพูดความรู้สึกน้อยใจของตัวเองออกมา

ยิ่งได้ฟังเสียงของบุริศร์ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองน้อยเนื้อต่ำใจ

“ได้ ๆ ๆ ๆ คุณรีบไปทายาเถอะ เดี๋ยวผมจะให้พฤกษ์เอายาไปให้”

แม้ว่าบุริศร์จะยังอยากที่จะคุยกับนรมนต่อ แต่ว่านรมนกลับเป็นคนวางสายไปก่อน

เขาส่ายหัวพลางพูดกับพฤกษ์ที่อยู่ข้าง ๆ ว่า:“นายรีบเอายาทาที่ดีที่สุดไปส่งให้คุณผู้หญิง แล้วก็ไปสืบด้วยว่าเกิดเรื่องอะไรที่ไม่ดีขึ้นระหว่างคุณผู้หญิงกับนลิน จำไว้นะ ว่าต้องแอบสืบ”

“ครับ!”

พฤกษ์พยักหน้าแล้วรีบไปจัดการ

นรมนยืนอยู่บริเวณทางเดิน จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองทรมานมาก

เธอพยายามที่จะกลั้นน้ำตาไว้ จากนั้นกลับไปยังห้องตรวจ

หมอรักษาใบหน้าของนรมนเป็นอย่างดี หลังจากที่ทายาเสร็จ นรมนก็รีบกลับไปที่ห้องพักผู้ป่วย

เมื่อกมลเห็นใบหน้าของนรมนก็ตกใจเป็นอย่างมาก

“หม่ามี๊ เป็นอะไรเหรอคะ?”

นรมนรู้สึกหดหู่ เดิมทีที่ทำไปก็เพราะไม่อยากให้กมลตกใจ แต่ตอนนี้คิดไม่ถึงเลยว่ากลับต้องทำให้กมลตกใจ

คุณนายโตเล็กมองไปที่เธอพลางส่ายหัวแล้วพูดว่า:“หม่ามี๊แต่งหน้าจนแพ้เครื่องสำอาง ไม่เป็นอะไรมากหรอก หนูไม่ต้องเป็นห่วง แต่ว่าอย่าถูกหน้าของหม่ามี๊นะ รู้ไหม?”

“อ่อ รู้แล้วค่ะ”

กมลตอบอย่างเชื่อฟัง

เมื่อคุณนายโตเล็กเห็นนรมนเดินเข้ามา ก็พูดขึ้นเสียงเบาว่า:“วันนี้ฉันจ้างพยาบาลพิเศษมาดูแล เธอก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว สู้ไปพักผ่อนก่อนดีไหม?ตอนบ่ายค่อยมาดีไหมล่ะ?”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ให้หนูอยู่ที่นี่เถอะค่ะ ในห้องมีที่นอน เดี๋ยวถ้าง่วงหนูก็จะนอนพักสักงีบค่ะ อีกอย่างหนึ่งให้คนอื่นมาดูแลกมลหนูไม่ค่อยวางใจค่ะ ”

คำพูดนี้ของนรมนพูดขึ้นอย่างจริงใจ

ลูกสาวของเธอไม่ง่ายเลยกว่าจะได้มีชีวิตใหม่ เธอจะไม่ยอมให้เกิดอะไรที่ไม่คาดคิดกับกมลอย่างเด็ดขาด

เมื่อเห็นว่ากมลยืนหยัดขนาดนี้ คุณนายโตเล็กก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแต่ส่งกระติกน้ำร้อนให้กับนรมน

“ข้างในนี้มีรังนกที่ฉันให้คนเตรียมให้กับเธอ เธอดื่มสักหน่อยเถอะ แล้วก็เข้าไปพักผ่อน แม้ว่าเธอจะเป็นห่วงกมลแต่เธอก็ไม่ควรที่จะไม่เป็นห่วงสุขภาพของตัวเอง ถ้าเธอล้มป่วยไปอีกคนแล้วกมลจะทำยังไง?บุริศร์เป็นยังไงบ้าง?คำพูดที่แม่พูดวันนี้อาจจะแรงไปหน่อย แต่ว่ามันก็มีเหตุผลเธอเป็นคุณผู้หญิงของตระกูลโตเล็ก เป็นนายหญิงของอาณาจักรรัตติกาล เป็นแม่ของกมล เธอต้องใจกว้างกับนลินให้มาก แม้ว่าจะเป็นแค่การสร้างภาพก็ต้องทำ เข้าใจไหม?”

เมื่อนรมนได้ฟังเช่นนั้น จู่ ๆ เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไป ทำเพียงพยักหน้าแล้วรับรังนกมา

“ฉันยังมีธุระ เดี๋ยวออกไปข้างนอกก่อนนะ เธอก็ลองคิดทบทวนดูให้ดี ๆ ”

เมื่อคุณนายโตเล็กพูดจบก็ทักทายกมล จากนั้นก็เดินออกไป

นรมนมองดูรังนกที่อยู่ในมือ เธอไม่มีความรู้สึกอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย

ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตัวเธอถูกรังแก เป็นเธอต่างหากที่ไม่ได้รับความยุติธรรม แต่ตอนนี้ทุกคนคิดว่าเธอเป็นคนรังแกนลิน

ดูเหมือนว่าเธอคงดูถูกความสามารถของนังหนูไร้เดียงสานี้มากเกินไป

แต่เหมือนเห็นสีหน้าเป็นกังวลของลูกสาว นรมนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มพลางพูดขึ้นว่า:“หม่ามี๊ไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ ค่ะ คุณย่าก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ?ใบหน้าของหม่ามี๊ถูกเครื่องสำอางกระตุ้นทำให้แพ้ จำไว้นะว่าลูกอย่าเพิ่งรีบแต่งหน้า?ไม่งั้นจะเป็นเหมือนหม่ามี๊นะ”

“หนูจะไม่ทำค่ะ!”

กมลรีบเอามือกุมใบหน้าของตัวเอง

เธอไม่อยากให้หน้าของเธอกลายเป็นเหมือนแม่ของเธอหรอก

น่าเกลียดจัง!

แต่กมลก็ยังถนอมน้ำใจไม่พูดออกมา

เมื่อนรมนเห็นท่าทีรังเกียจผ่านสายตาของกมล ก็ถอนหายใจพลางพูดว่า:“หนูฟังแม่นะ ถ้ามีอะไรก็ให้เรียกหม่ามี๊ เดี๋ยวหม่ามี๊พักผ่อนแปปหนึ่ง ได้ไหมคะ?”

“ค่ะแม่!”

กมลเชื่อฟังเป็นอย่างดี รู้ว่าเพื่อที่จะดูแลเธอนรมนไม่ได้นอนทั้งคืน จึงรีบรับปาก

นรมนเหนื่อยจริง ๆ อีกทั้งวันนี้ใบหน้าก็ถูกความร้อนแผดเผาจนรู้สึกแสบร้อน ทำให้รู้สึกทรมานขึ้นอีก

เธอก้าวเท้าเข้าไปในห้อง แล้วปล่อยให้พยาบาลทำหน้าที่ดูแลกมล จากนั้นตัวเองก็ล้มนอนบนโซฟา ไม่ทันใดก็เคลิ้มหลับ

กมลรู้สึกเหงา แต่ก็ไม่กล้ารบกวนนรมน และไม่รู้จะคุยอะไรกับพยาบาล จึงหยิบโทรศัพท์โทรหากานต์

ได้ข่าวว่าพี่ชายกลับมาแล้ว เธอคิดถึงเขามาก!

เธอออกจากห้องผ่าตัดแล้ว ทำไมพี่ชายยังไม่มาเยี่ยมเธออีกนะ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย